รู้จัก Auto-GPT อีกขั้นของปัญญาประดิษฐ์ที่เหนือกว่า ChatGPT อีกก้าวของ AI ที่พัฒนาเข้าใกล้มนุษย์อีกระดับ

  • 135
  •  
  •  
  •  
  •  

โลกได้รู้จักกับ ChatGPT กันไปแล้วในฐานะปัญญาประดิษฐ์ที่สามารถตอบโต้กับผู้ใช้งานด้วยการใช้ภาษาที่เป็นธรรมชาติเหมือนมนุษย์และสามารถทำงานหลายอย่างตอบสนองคำสั่งของมนุษย์ได้มากมาย อย่างไรก็ตามในฐานะที่ ChatGPT เป็น AI Chatbot มันก็ยังต้องตอบสนองต่อ Prompt หรือคำสั่งที่มนุษย์สร้างขึ้นอีกทีหนึ่ง แต่ล่าสุดมี แอปพลิเคชั่นใหม่ที่ชื่อว่า Auto-GPT ที่สามารถทำให้ AI ทำงานได้อย่างอิสระ สามารถ “Self-Prompt” หรือสั่งงานตัวเองได้ เรียกได้ว่าเป็นอีกก้าวสำคัญของเทคโนโลยี AI ที่ทำให้มันมีความสามารถใกล้เคียงมนุษย์ไปอีกขั้นแล้ว

Auto-GPT คืออะไร?

Auto-GPT แอปพลิเคชั่นแบบ open-source ที่เขียนขึ้นด้วยภาษา Python ถูกโพสต์เผยแพร่บนเว็บไซต์ GitHub เป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 30 มีนาคมที่ผ่านมาโดยนักพัฒนาที่มีชื่อว่า “Significant Gravitas” โดย Auto-GPT ซึ่งมีพื้นฐานอยู่บนโมเดล GPT-4 จะทำให้ AI นั้นทำงานได้อย่างอิสระโดยไม่จำเป็นต้องให้ผู้ใช้งานสั่งงานหรือ prompt มันในทุกๆขั้นตอน นอกจากนี้มันยังสามารถเข้าถึงข้อมูลในอินเตอร์เน็ตและทำงานบนคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลได้ด้วยตัวเองได้  และนั่นก็ทำให้ Auto-GPT มีชื่อเรียกเล่นๆอีกชื่อหนึ่งด้วยว่า “AI agent” หรือตัวแทนของ AI นั่นเอง

หรือหากจะเปรียบเทียบให้เข้าใจง่ายๆว่าหาก ChatGPT เป็นพนักงานที่ทำหน้าที่ต่างๆเช่น นักพัฒนาแอป, นักวิเคราะห์, นักการตลาด และอื่นๆแล้วล่ะก็ Auto-GPT ก็เหมือนกับเป็น CEO ที่จะมีหน้าที่ในการไปสั่งง่าน AI แบบ ChatGPT ให้ไปทำงานของแต่ละคนให้บรรลุเป้าหมายใหญ่ที่ผู้ใช้งานตั้งไว้นั้นเอง

ตัวอย่างการใช้งาน Auto-GPT ที่มีการโพสต์ผ่าน GitHub ก็คือ การสั่งงานใช้ Auto-GPT หรือที่ผู้ใช้กำหนดให้เป็น Chef-GPT ให้ค้นหาข้อมูลในเว็บไซต์เพื่อหา “ตำราอาหาร” ตั้งเดิมและไม่เหมือนใครสำหรับ “วันสำคัญที่กำลังจะมาถึง” โดย Auto-GPT ซึ่งในงานนี้ถูกเรียกว่า Chef-GPT ทำงานเพื่อให้บรรลุ 2 เป้าหมาย 1 คือค้นหาข้อมูลผ่านเว็บไซต์เพื่อหาคำตอบ และ 2 เซฟไฟล์ลงในคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้งาน

ความสามารถนี้แม้จะดูธรรมดา แต่ความสามารถของ Auto-GPT ที่สามารถเข้าไปค้นหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตแทนผู้ใช้งานและทำภารกิจอย่างการเซฟไฟล์ในคอมพิวเตอร์ทำให้ Auto-GPT กลายเป็นมากกว่า Chatbot ไปแล้วแต่ยังกลายเป็น AI ที่ช่วยงานมนุษย์ได้อย่างเป็นรูปธรรมได้มากขึ้น

ในปัจจุบันนอกจาก Auto-GPT แล้วยังมีบริการลักษณะเดียวกันนี้อีกหลายเจ้าเช่นเจ้าใหญ่ๆอย่าง Microsoft Jarvis หรือ BabyAGI รวมไปถึงเว็บไซต์ Auto-GPT แบบที่ทำขึ้นเองที่มีทั้งให้ใช้ฟรีและเก็บค่าบริการที่มีบทบาทหน้าที่แตกต่างกันออกไป

Auto-GPT ทำงานอย่างไร?

การทำงานของ Auto-GPT นั้นจะแก้ pain point เดิมๆของคนใช้งาน AI ที่เดิมผู้ใช้งานต้องสั่งงาน AI ทุกขั้นตอน ต้องคอยวิเคราะห์ว่าจะต้องใช้งาน AI แบบไหนเพื่อบรรลุเป้าหมายใหญ่ไปทีละเรื่องๆ แต่ Auto-GPT นั้นผู้ใช้งานเพียงแค่สั่งงานกับ Auto-GPT เท่านั้น และ Auto-GPT จะไปสั่ง AI ที่เป็นลูกน้องต่อเองว่าจะต้องไปหาข้อมูลอะไรบ้าง หัวข้ออะไรบ้าง สามารถ Prompt ตัวเองได้ เก็บความจำได้ ค้นหาข้อมูลผ่าน Google ได้ วิเคราะห์ข้อมูลเหล่านั้นเองได้ ถ้าข้อมูลยังไม่ดีพอก็สามารถทำซ้ำได้ และสุดท้าย Auto-GPT จะสรุปผลลัพท์ที่ดีที่สุดมาให้เราในขั้นตอนสุดท้ายนั่นเอง

สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจในการทำงานของ Auto-GPT ก็คือ การสั่งงาน AI ในแต่ละขั้นตอนจะมีการบอกรายละเอียดทั้งหมด โดย Auto-GPT จะมีกระบวนการคิด 3 ขั้นตอนก็คือ “Thoughts”, “Reasoning” และ “criticism” ที่จะคอยบอกว่า AI กำลังทำอะไร และทำไมจะต้องเช่นนั้น ยกตัวอย่าง Chef-GPT ที่ทำตามคำสั่งจะแจกแจงกระบวนการแรกอย่าง Thoughts ที่บอกผู้ใช้งานว่า “I will search for upcoming events to find a suitable one for creating a unique recipe”  ในส่วนของ Reasoning นั้นบอกไว้ว่า “I will search for upcoming events to find a suitable one for creating a unique recipe”

ขณะที่ส่วน Criticism นั้น Auto-GPT จะบอกถึงข้อกังวลและข้อจำกัดต่างๆกับสิ่งที่กำลังทำอยู่ ซึ่งกระบวนการเหล่านี้ก็ทำให้เห็นชัดเจนว่า Auto-GPT นั้นกำลังทำงานแต่ละขั้นตอนอย่างอิสระเพื่อไปถึงเป้าหมายตามที่ผู้ใช้งานตั้งไว้ตั้งแต่แรก

อีกฟีเจอร์หนึ่งของ Auto-GPT ก็คือ การจดจำที่มีทั้งแบบระยะสั้นและระยาว รวมไปถึงการมีฟีเจอร์ Text-to-Speech ให้ทำงานง่ายขึ้นได้ด้วย และนั่นทำให้ Auto-GPT เป็นมากกว่า AI ที่ตอบโต้กับมนุษย์เท่านั้นแต่ยังสามารถทำงานและคิดต่อเพื่อทำงานขั้นตอนต่างๆให้ไปถึงเป้าหมายได้ด้วย

ตัวอย่างการใช้งาน Auto-GPT

 เวลานี้กำลังมี use case ในการใช้งาน Auto-GPT ออกมามากขึ้นเรื่อยๆ นอกเหนือจาก Chef-GPT แล้ว ก็ยังมีตัวอย่างการใช้งานที่เรียกว่า Ecommerce-GPT ถูกแชร์ผ่าน Twitter ด้วย โดยผู้ใช้ได้ให้เอไอพัฒนาและบริหารธุรกิจ E-commerce อย่างอิสระด้วยตัวเองโดยมีเป้าหมายอยู่ที่การเพิ่มความมั่งคั่งสุทธิให้ได้ตามตัวอย่างด้านล่าง

นอกจากนี้ยังมีตัวอย่างที่น่าสนใจในโลกของการเขียนโปรแกรมด้วยเช่นกันโดยมีผู้ใช้ Twitter ได้สร้าง Robo-GPT ขึ้นมาโดยให้ทำหน้าที่วิเคราะห์, รีไรท์ และเซฟ โค้ดคอมพิวเตอร์เพื่อให้ง่ายและถูกต้องมากที่สุดตามตัวอย่างด้านล่างนี้เป็นต้น

นอกจากนี้ยังมีตัวอย่างการใช้งานอีกมากมายที่สามารถทำงานที่มีมากมายหลายขั้นตอนได้ด้วยตัวเองเพื่อทำตามคำสั่งผู้ใช้งานเพียงคำสั่งเดียวซึ่งเรื่องนี้ก็พอจะทำให้เห็นภาพคร่าว ๆได้ว่าในอนาคตคงจะมี bot ที่สามารถสร้างเว็บไซต์, รันแคมเปญการตลาดผ่านโซเชียลมีเดีย และอื่นๆอีกมากมาย ได้ด้วยตัวเองเป็นต้น

สำหรับวิธีการใช้งาน Auto-GPT นั้นไม่ได้ง่ายเหมือนการดาวน์โหลดและติดตั้งโปรแกรมแต่จำเป็นจะต้องมีขั้นตอนที่ค่อนข้างซับซ้อนเช่น Python 3.8 ขึ้นไป รวมไปถึงจะต้องมี OpenAI API key และ Pinecone API key ร่วมด้วยเป็นต้น

การมาถึงของ Auto-GPT นั้นทำให้เรามองเห็นถึงความเป็นไปได้ของ AI ที่มากขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งแล้ว รวมไปถึงความเป็นไปได้ที่ AI จะก้าวไปถึงระดับ AGI (Artificial General Intelligence) หรือ AI ที่ยกระดับจากการเป็นเครื่องมือของมนุษย์สู่ AI ที่มีความสามารถเทียบเท่ามนุษย์ ในการคิด วิเคราะห์ และมีความเชี่ยวชาญหลายๆด้านคล้ายมนุษย์กันแล้ว เป็นอีกความก้าวหน้าที่น่าตื่นเต้นให้เราเฝ้ามองต่อไปว่า AI จะมีความสามารถอะไรมาให้เราทึ่งกันอีก หรือบางครั้งอาจจะเก่งจนเป็นภัยคุกคามกับมนุษยชาติอย่างที่หลายคนกังวลในอนาคตก็เป็นได้


  • 135
  •  
  •  
  •  
  •  
CLOSE
CLOSE