GPT-4 คืออะไร? The Next Big Thing ของโลกเอไอที่ถูกจับตามองจากทั่วโลก

  • 24
  •  
  •  
  •  
  •  

ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาข่าวคราวในวงการเอไอที่ได้รับความสนใจมากที่สุดคงจะหนีไม่พ้นข่าวลือเรื่องการเปิดตัว GPT-4 เทคโนโลยีที่จะพัฒนาขึ้นมาจาก GPT-3 ที่ในเวลานี้เป็นเทคโนลีเบื้องหลัง ChatGPT ที่สร้างความตื่นตะลึงไปทั่วโลกตั้งแต่ปลายปีก่อน ดังนั้นเมื่อมีข่าวคราวว่า ChatGPT เอไอที่เรียกได้ว่าล้ำยุคที่สุดในเวลานี้ จะได้รับการ “อัพเกรด” ความสามารถขึ้นไปอีกข่าวนี้จึงได้รับความสนใจไปทั่วโลก

GPT-4 คืออะไร?

GPT-4 เรียกได้ว่าเป็น Generation ที่ 4 ของ GPT โมเดลพัฒนาขึ้นโดยบริษัทวิจัย AI อย่าง OpenAI เป็นระบบ neural network ขนาดใหญ่ที่ใช้เป็นขุมพลังของ AI ซึ่งเทคโนโลยีนี้ถูกเปิดเผยต่อสาธารณชนโดยทั่วไปเป็นครั้งแรกในการเปิดตัว GPT-3 ในเดือนพฤษภาคม ปี 2020 พร้อมๆกับการปล่อย API ให้นักพัฒนานำไปพัฒนาต่อ นับเป็นจุดเริ่มต้นของกระแส Generative AI ที่มีมาจนถึงปัจจุบัน

สำหรับ GPT-4 ย่อมาจาก “Generative Pretrained Transformer 4” เป็นเทคโนโลยีที่สามารถเข้าใจข้อความและแสดงผลข้อความด้วยภาษาธรรมชาติ โดยคาดว่าจะเป็นการอัพเกรดความสามารถเพิ่มเติมจากเทคโนโลยี GPT-1, GPT-2 และ GPT-3 เทคโนโลยีที่เป็นพื้นฐานสำคัญของ ChatGPT (ปัจจุบันอยู่บนพื้นฐานของ GPT3.5) โดยเทคโนโลยี GPT ที่ว่านี้นับเป็นการปฏิวัติวิธีการสื่อสารและโต้ตอบกับเทคโนโลยีไปอย่างมากมาย

ความสามารถของ GPT-4

ความสามารถของ GPT-4 ถูกพัฒนาขึ้นมากกว่า GPT-3 ในแง่ของการนำข้อมูลมาใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดโดยจะพัฒนาความสามารถขึ้นใน 3 เรื่องก็คือ

Language Translation – ความสามารถในการเข้าใจภาษาของ GPT-4 จะเพิ่มความสามารถในการแปลภาษาจากภาษาหนึ่งไปเป็นอีกภาษาหนึ่งได้แม่นยำและถูกต้องมากขึ้นความสามารถนี้จะช่วยโลกธุรกิจ การศึกษา การทูต และกำจัดกำแพงภาษาระหว่างมนุษย์ออกไปได้ และไม่ใช่เฉพาะภาษามนุษย์เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงความสามารถในการแปลภาษามนุษย์ไปสู่ภาษาคอมพิวเตอร์ หรือโค้ดคอมพิวเตอร์ได้ด้วย

Content Creation – GPT-4 จะถูกพัฒนาความสามารถด้านความคิดสร้างสรรค์ให้ดีขึ้นความสามารถนี้จะปฏิบัติวิธีการสร้างสรรค์คอนเทนต์ในโลกดิจิทัลเนื่องจาก GPT-4 จะสามารถเขียนบทความคุณภาพสูงได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ กลุ่มคนที่จะได้ประโยชน์จากความสามารถนี้ก็คือบรรดาคอนเทนต์ครีเอเตอร์ทั้งหลาย

Customer Service – GPT-4 ที่จะมีความยืดหยุ่นเพิ่มขึ้นและสามารถนำไปปรับใช้กับแอปพลิเคชั่นต่างๆได้มากขึ้นจะช่วยพัฒนาการบริการลูกค้าให้ดีขึ้นได้ ดังนั้นเราจะได้เห็น Chatbot และบรรดาผู้ช่วยเสมือนที่มีความสามารถเพิ่มมากขึ้น สามารถตอบคำถามที่มีความซับซ้อนและมีความเหมือนมนุษย์มากยิ่งขึ้นไปอีก ช่วยให้ประสบการณ์ของลูกค้าในโลกออนไลน์นั้นไร้รอยต่อมากยิ่งขึ้น

ข่าวลือของ GPT-4

กระแสฮือฮาของ GPT-4 ที่คนทั่วโลกรอคอยกลายเป็นที่พูดถึงในสัปดาห์ที่ผ่านมาอีกครั้งเมื่อ Andeas Braun ผู้ดำรงตำแหน่ง Chief Technology Officer ของไมโครซอฟท์เยอรมนี ออกมาเปิดเผยว่า GPT-4 เตรียมจะเปิดตัวภายในสัปดาห์หน้า (20-26 มีนาคม) นี้และระบุด้วยว่าโมเดลนี้จะมีลักษณะของ Multimodal ที่ไม่ได้มีความสามารถแค่ “ข้อความ” เท่านั้น แต่จะสามารถสร้างสรรค์ภาพ, เสียงหรือแม้แต่ วิดีโอ ได้ด้วย

เรื่องนี้ยังคงเป็นเพียงข่าวลือเท่านั้น เนื่องจากยังไม่มีการเปิดเผยอย่างเป็นทางการจากทาง OpenAI เองอย่างไรก็ตาม ไมโครซอฟท์เองก็เพิ่งเผยแพร่วารสารงานวิจัยที่พูดถึง Multimodal Large Language Model (MLLM) ที่เรียกว่า “Kosmos-1” เอาไว้ด้วยซึ่งเรียนรู้ข้อมูลจากหลายรูปแบบทั้งรูปแบบของข้อความและภาพด้วยนั้นก็หมาความว่า Microsoft ก็กำลังเดินหน้ากับงานนี้อยู่ และก็เป็นไปได้ว่าจะมีการนำเทคโนโลยี GPT-4 ของ OpenAI หน่วยงานวิจัยที่ไมโครซอฟท์ให้การสนับสนุนมาใช้งานด้วยเช่นกัน

เก่งขึ้นแต่ไม่ได้เรียนรู้จากข้อมูลที่มากขึ้น

ในโลกออนไลน์ในช่วงที่ผ่านมาเกิดกระแสไวรัลเกี่ยวกับภาพเปรียบเทียบปริมาณ parameter ระหว่าง GPT-3 และ GPT-4 ที่ถูกแชร์ไปทั่วโลกโดยอ้างว่า GPT-4 จะถูก train จาก parameters จำนวนมากถึง 100 ล้านล้าน parameters เทียบกับ GPT-3 ที่ 750,000 ล้าน parameters ตามภาพด้านล่าง

ภาพที่เป็นไวรัลในโลกออนไลน์

ซึ่งกรณีนี้ Sam Altman CEO ของ OpenAI ได้ออกมาชี้แจงแล้วว่าภาพที่เป็นไวรัลดังกล่าวนั้นเป็นเรื่องเหลวไหลโดยสิ้นเชิง (complete bullshit) พร้อมทั้งอธิบายว่าปริมาณข้อมูลสำหรับเทรน GPT-4 นั้นอาจจะไม่ได้มากไปกว่า GPT-3 แต่สิ่งที่จะพัฒนามากขึ้นก็คือ “การพัฒนาความสามารถในการนำข้อมูลที่มีอยู่มาใช้” นอกจากนี้ Altman ยังยืนยันด้วยว่า GPT-4 จะไม่ได้มีการนำเอาความสามารถด้านกราฟฟิคที่เป็นความสามารถของ generative AI ของ OpenAI อย่าง Dall-E 2 ไปรวมอยู่ด้วยอย่างที่หลายคนคาดการณ์เอาไว้

นำไปปรับใช้งานได้มากขึ้น

อีกสิ่งที่ GPT-4 ได้รับการคาดหมายว่าจะพัฒนาขึ้นได้ก็คือ GPT-4 จะสามารถนำไปใช้กับข้อมูลที่มีอยู่ของแต่ละผู้ใช้งานแต่ละคนได้มากขึ้นเพื่อให้ได้คำตอบหรือการตอบโต้ที่เฉพาะตัวมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ GPT-4 จะพัฒนาความสามารถแบบ multitasking มากขึ้น สามารถรับมือการการทำงานหลายๆอย่างในเวลาเดียวกันได้ด้วย

ทั้งหมดนี้คือเรื่องราวบางส่วนของ GPT-4 ที่ในเวลานี้คงต้องรอการเปิดตัวจาก OpenAI อย่างเป็นทางการเพื่อยืนยันความสามารถที่มีทั้งหมดอีกครั้ง และเราจะได้เห็นกันจริงๆว่า GPT-4 จะกลายเป็น The Next Big Things ของโลกเทคโนโลยีได้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม GPT-4 จะเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายสำคัญของการพัฒนา AI และเทคโนโลยี Language Model ต่อไปอย่างแน่นอน


  • 24
  •  
  •  
  •  
  •