สรุปมาให้แล้ว! GPT-4 ขุมพลังใหม่ ChatGPT มีอะไรเก่งขึ้นบ้าง? สุดโหด! เขียนโค้ดเว็บไซต์จากภาพร่างด้วยมือ

  • 2
  •  
  •  
  •  
  •  

หลังจากGPT-4 เทคโนโนลี AI เวอร์ชั่นใหม่ของ OpenAI ที่ถูกยกระดับขึ้นไปอีกขึ้นตกเป็นข่าวลือในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ล่าสุดเมื่อคืนวันที่ 14 มีนาคมที่ผ่านมา OpenAI ได้เปิดตัว GPT-4 อย่างเป็นทางการ พร้อมกับโชว์ความสามารถที่ยกระดับไปอีกขั้นจาก GPT-3.5 ที่เป็นขุมพลังเบื้องหลัง ChatGPT โดยสามารถเข้าใจ input ที่เป็นรูปภาพได้แล้วพร้อมกับโชว์ความสามารถสุดตะลึง สามารถเขียนโค้ดเว็บไซต์ได้จากรูปถ่ายภาพร่างบนกระดาษเท่านั้น

GPT-4 ความสามารถเทียบเท่ามนุษย์

OpenAI เปิดตัว GPT-4 เทคโนโลยี AI ที่เรียกว่า Language Model โดยในเวอร์ชั่นที่ 4 นี้ถูกยกระดับความสามารถจาก GPT-3.5 ที่เป็นเทคโนโลยีเบื้องหลังของ ChatGPT ไปมาก จากเดิมที่จะเข้าใจเพียงแค่ข้อความเท่านั้น ไปสู่ควาสามารถแบบมืออาชีพและทางวิชาการที่เทียบเท่ามนุษย์ได้แล้ว

พูดให้เห็นภาพก็คือ GPT-4 สามารถทำข้อสอบในวิชาต่างๆได้คะแนนสูงระดับ Top 10% ของจำนวนผู้ทำข้อสอบทั้งหมด ขณะที่ GPT-3.5 นั้นทำคะแนนอยู่ในกลุ่ม 10% ท้ายเท่านั้น นอกจากนี้ OpenAI เปิดเผยด้วยว่า GPT-4 นั้นสามารถให้คำตอบที่มีความคิดสร้างสรรค์มากกว่า และรับมือกับคำถามที่มีความซับซ้อนมากกว่าได้

นอกจากนี้แม้ GPT-4 จะทำงานได้ดีที่สุดด้วยภาษาอังกฤษ แต่ก็ยังมีข่าวดีด้วยว่า ภาษาไทย นั้นจะเป็น 1 ใน 26 ภาษาหลักที่ OpenAI จะใช้ในการพัฒนา GPT-4 ต่อไปด้วยแม้จะเป็นภาษาที่พัฒนาได้ยากก็ตาม

สามารถเข้าใจภาพได้แล้ว

ความเก่งกาจที่ชัดเจนที่สุดก็คือ GPT-4 สามารถเข้าใจทั้งภาพและข้อความได้แล้ว เช่นการสามารถเขียนแคปชั่นให้กับรูปภาพ หรือแม้แต่แปลความหมายของภาพที่ค่อนข้างซับซ้อนได้ เช่น สามารถแยกแยะสาย Lightning ได้จากภาพ iPhone ที่เสียบสายชาร์จอยู่ เป็นต้น รวมไปถึงความสามารถที่ OpenAI โชว์ให้ดูอย่างการให้ GPT-4 เขียนโค้ดเว็บไซต์จากภาพที่วาดด้วยมือเป็นต้น

อย่างไรก็ตามความสามารถในการทำความเข้าใจภาพของ GPT-4 นั้นยังไม่ถูกปล่อยให้ลูกค้าของ OpenAI ได้ใช้โดยเวลานี้ OpenAI กำลังทดสอบความสามารถนี้กับ Be My Eyes แอปพลิเคชั่นที่เป็นพาร์ตเนอร์กับ OpenAI ที่จะนำฟีเจอร์ดังกล่าวไปใช้กับผู้พิการทางสายตา

โดย OpenAI ยกตัวอย่างการใช้งานความสามารถทำความเข้าใจภาพนี้ว่า หากเราถ่ายภาพสิ่งของที่อยู่ในตู้เย็นแล้วส่งให้ Be My Eyes ที่มี GPT-4 อยู่เบื้องหลังระบบไม่เพียงแต่สามารถระบุว่ามีอะไรอยู่ในภาพบ้างเท่านั้น แต่จะยังสามารถประเมินและวิเคราะห์ต่อได้ว่า จะสามารถทำเมนูอะไรได้บ้างจากสิ่งที่อยู่ในตู้เย็น และเสนอสูตร และวิธีการทำแบบ step-by-step มาให้ได้ในทันที

GPT-4 สั่งได้จงเป็นติวเตอร์!”

สิ่งที่พัฒนาขึ้นอีกใน GPT-4 ก็คือความสามารถ API ใหม่สำหรับ Developer ที่สามารถกำหนดสไตล์ความสามารถในการตอบคำถามของ GPT-4 ได้อย่างเฉพาะเจาะจง ซึ่งความสามารถนี้จะถูกนำไปใส่ใน ChatGPT ในอนาคตด้วย

ยกตัวอย่างเช่น Developer ผู้สร้างแอพพลิเคชั่นสามารถกำหนดวิธีการตอบและขอบเขตด้วยคำสั่งว่าคุณคือติวเตอร์ที่มีสไตล์แบบนักปราชญ์ คุณจะไม่ตอบคำถามกับนักเรียนตรงๆ แต่จะถามคำถามที่ดีที่จะช่วยให้นักเรียนได้เรียนรู้และคิดด้วยตัวเอง คุณจะต้องปรับคำถามห้น่าสนใจและสร้างความรู้ให้กับนักเรียน ย่อยปัญหาเป็นเรื่องง่ายๆจนกว่ามันจะอยู่ในระดับที่เหมาะสมกับพวกเขาเป็นต้น

GPT-4 ทำงานอยู่ในกรอบมากขึ้น

OpenAI เปิดเผยว่า GPT-4 นั้นพัฒนาขึ้นในเรื่องของการปฏิเสธที่จะให้คำตอบในเรื่องที่ถูกห้ามเอาไว้ เช่นจะปฏิเสธที่จะตอบคำถามเกี่ยวกับการผสมสารเคมีอันตรายมากขึ้น โดยตัวเลขที่มีการเปิดเผยมานั้นระบุว่า GPT-4 จะปฏิเสธที่จะตอบคำถามที่ถูกห้ามเอาไว้มากกว่า GPT-3.5 เช่นการให้คำแนะนำทางการแพทย์ หรือวิธีการทำร้ายตัวเองเป็นต้น

GPT-4 ยังไม่สมบูรณ์แบบ

แม้ GPT-4 จะพัฒนาความสามารถให้เก่งขึ้นมาก แต่ OpenAI ก็ยอมรับว่า GPT-4 ยังไม่สมบูรณ์แบบ เนื่องจากยังคงมีคำตอบที่เป็นข้อมูลที่ผิดรวมไปถึงให้เหตุผลแบบผิดๆอยู่และบางครั้งก็ตอบด้วยความมั่นใจด้วย เช่น GPT-4 เคยให้ข้อมูลว่า Elvis Presley เป็น ลูกชายของนักแสดงชายคนหนึ่ง ซึ่งเป็นข้อมูลที่ผิดพลาด

OpenAI เปิดเผยว่า GPT-4 นั้นขาดความรู้เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังเดือนกันยายน 2021 และบางครั้งก็ถูกหลอกจากการให้ข้อมูลผิดๆจากผู้ใช้งาน และก็มักจะทำผิดพลาดในปัญหายากๆที่มนุษย์มักจะพลาดได้เช่นกัน เช่นการเขียนโค้ดที่มีความเสี่ยงที่จะไม่ปลอดภัยเป็นต้น

ใครนำ GPT-4 ไปใช้แล้วบ้าง

แม้ GPT-4 จะเพิ่งเปิดตัวแบบสดๆร้อนๆ แต่ Microsoft ก็เพิ่งเปิดเผยว่า Bing Chat ที่เพิ่งเปิดตัวมาได้ไม่นานนั้นทำงานโดยมี GPT-4 อยู่เบื้องหลังเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ยังมีบริการด้านการเงินอย่าง Stripe ที่นำ GPT-4 ไปเทรนด์ด้วยข้อมูลเว็บไซต์ธุรกิจเพื่อช่วยเจ้าหน้าที่บริการลูกค้า ขณะที่บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Morgan Stanley ก็นำ GPT-4 ไปเรียนรู้เอกสารข้อมูลธุรกิจเพื่อนำไปวิเคราะห์ทางการเงิน ขณะที่ Khan Academy นำเทคโนโลยีนี้ไปใช้สร้างเอไอติวเตอร์แล้วเป็นต้น ขณะที่ สำหรับคนทั่วไป เวลานี้ OpenAI เปิดให้ใช้ GPT-4 ได้ผ่าน ChatGPT Plus แบบจำกัดจำนวนเท่านั้น

นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นจากการเปิดตัว GPT-4 ที่เป็นที่สนใจไปทั่วโลกในช่วงที่ผ่านมา และถูกมองว่าเป็นอีกก้าวสำคัญของเทคโนโลยี AI ที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของมนุษย์ไปอีกมากในอนาคตอันใกล้นี้

ที่มา TechCrunch


  • 2
  •  
  •  
  •  
  •