Google x Sphere ฟื้นตำนาน The Wizard of Oz ด้วยพลังของ AI และจอ LED ที่ล้ำที่สุดในโลก

  • 28
  •  
  •  
  •  
  •  

เกือบ 90 ปีก่อน The Wizard of Oz ได้สร้างปรากฏการณ์ให้กับโลกภาพยนตร์ด้วยการเปิดตัวภาพยนตร์สีเทคนิคคัลเลอร์เป็นครั้งแรก หนึ่งในผลงานระดับตำนานที่ยังคงตราตรึงใจผู้ชมทั่วโลกมาจนถึงทุกวันนี้

และในปี 2025 ตำนานบทนี้กำลังจะถูกเล่าขานอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ ไม่ใช่แค่ผ่านแผ่นฟิล์ม แต่เป็นการพลิกโฉมผ่านเทคโนโลยีที่ล้ำลึกและทรงพลังที่สุดแห่งยุค

The Wizard of Oz at Sphere คือโปรเจกต์ใหม่ที่เกิดจากความร่วมมือระหว่าง Google และ Sphere Entertainment Co. เพื่อเนรมิตประสบการณ์สุดมหัศจรรย์ผ่านนวัตกรรม AI อย่าง generative AI โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างโลกแห่งจินตนาการที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อนบนเวทีแห่งใหม่ใจกลางลาสเวกัส

เบื้องหลังโปรเจกต์นี้คือการร่วมมือกันของกองทัพนักคิดและผู้สร้างสรรค์นับพัน ทั้งวิศวกร, นักเขียนโปรแกรม, ศิลปินวิชวลเอฟเฟกต์, และผู้เชี่ยวชาญหลากหลายแขนง ร่วมกันถ่ายทอดเรื่องราวที่ทุกคนรู้จักดี ให้กลายเป็นประสบการณ์แบบ immersive ที่สัมผัสได้ด้วยตา หู และหัวใจ

หัวใจของความมหัศจรรย์ในครั้งนี้อยู่ที่การนำโมเดลปัญญาประดิษฐ์สุดล้ำของ Google มาปรับใช้อย่างเต็มรูปแบบ Gemini, Veo 2, และ Imagen 3 ถูกนำมาเสริมพลังให้กับงานสร้างสรรค์ในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน ตั้งแต่การขยายฉากหลังให้ลึกขึ้นและกว้างไกล, การสร้างตัวละครที่มีอยู่เดิมให้กลับมามีชีวิตในรูปแบบดิจิทัล, ไปจนถึงการผสานตัวละครที่ไม่เคยได้ปรากฏร่วมกันมาก่อน ให้ปรากฏพร้อมกันอย่างน่าอัศจรรย์

ทุกองค์ประกอบล้วนต้องการพลังการประมวลผลมหาศาล และนั่นคือที่มาของการใช้โครงสร้างพื้นฐานของ Google Cloud ซึ่งรองรับข้อมูลที่มีขนาดใหญ่ถึง 1.2 เพตะไบต์ เพื่อให้การสร้างประสบการณ์โลกเสมือนจริงนี้เป็นไปได้อย่างราบรื่น

 

เจมส์ โดแลน ซีอีโอของ Sphere Entertainment เผยว่า “AI คือพลังที่จะพาเราไปไกลกว่าที่เคย ความร่วมมือกับ Google ทำให้เรามีพันธมิตรที่เข้าใจวิสัยทัศน์ของเรา และมีความสามารถเพียงพอที่จะทำให้สิ่งที่เคยเป็นไปไม่ได้ กลายเป็นจริงได้บนจอ LED ที่ล้ำที่สุดในโลก ณ Sphere Studios”

ทางฝั่ง Google เองก็เห็นโอกาสสำคัญในความร่วมมือนี้ โทมัส คูเรียน ซีอีโอของ Google Cloud กล่าวไว้ว่า “นี่คือตัวอย่างอันชัดเจนของศักยภาพของ generative AI ที่สามารถยกระดับประสบการณ์ของผู้ชมได้จริง เราภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการนำเรื่องเล่าสุดคลาสสิกกลับมาเล่าใหม่ให้คนรุ่นใหม่ได้สัมผัสอีกครั้ง”

เมื่อ The Wizard of Oz เข้าฉายในปี 1939 มันไม่ได้เป็นเพียงแค่ภาพยนตร์แฟนตาซีสำหรับเด็ก หากแต่เป็นปรากฏการณ์ที่เปลี่ยนแปลงวิธีเล่าเรื่องของวงการภาพยนตร์ไปตลอดกาล ด้วยเทคโนโลยีสี Technicolor แบบสามแถบ และการใช้กล้องเลนส์ 35 มม. ที่ในเวลานั้นถือว่า “ล้ำ” กว่าที่โลกเคยเห็น นับเป็นเพียงเรื่องที่สามของฮอลลีวูดที่กล้าผลักดันนวัตกรรมระดับนี้สู่สายตาสาธารณชน

และตอนนี้ เกือบ 90 ปีให้หลัง Sphere กำลังจะทำสิ่งที่ใกล้เคียงกัน  แต่อยู่ในระดับที่ไม่เคยมีใครคิดถึงมาก่อน

The Wizard of Oz at Sphere กำลังจะพาผู้ชมเข้าสู่โลกเสมือนจริงผ่านจอภาพ LED ภายในขนาดมหึมา 160,000 ตารางฟุต ที่ถูกขับเคลื่อนด้วยพลังของ Google AI ไม่ว่าจะเป็น Gemini, Veo, Imagen ไปจนถึงโครงสร้างพื้นฐานที่ปรับแต่งอย่างเฉพาะทางของ Google Cloud เช่น Tensor Processing Units (TPUs) และ Google Kubernetes Engine (GKE) ทั้งหมดนี้ทำงานร่วมกันเพื่อยกระดับประสบการณ์ของผู้ชมให้เหนือชั้นยิ่งกว่าครั้งไหน ๆ

เทคนิคใหม่ที่เปลี่ยนโลกการสร้างภาพยนตร์ไปตลอดกาล

 

  1. คมชัดระดับ 16K ด้วย Veo:

การฉายภาพบนจอที่ละเอียดระดับ 16K x 16K ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ แต่เป็นภารกิจที่ต้องอาศัยการประมวลผลภาพขั้นสูง Veo ถูกใช้เพื่อเติมเต็มพิกเซลที่หายไป สร้างรายละเอียดที่ลึกและแม่นยำ จนทำให้แม้แต่ภาพจากต้นฉบับในยุคก่อนสงครามโลกก็สามารถกลายเป็นภาพที่คมชัดจนเหมือนถูกถ่ายใหม่

 

  1. Outpainting: ขยายโลกให้ใหญ่ขึ้น

ด้วยฟังก์ชัน Outpainting Veo สามารถขยายฉากหลังและตัวละครให้เหมาะกับสภาพแวดล้อมแบบ immersive ของ Sphere ได้อย่างไร้รอยต่อ สร้างความรู้สึกให้ผู้ชมเหมือนได้เข้าไปอยู่ในฉากเดียวกันกับโดโรธีและพรรคพวก ไม่ใช่แค่ดูอยู่หน้าจอ

 

  1. การสร้างภาพเคลื่อนไหวใหม่ทั้งหมด

ในอดีต การตัดต่อหลายฉากใน The Wizard of Oz ต้องเลือกตัดสลับตัวละครกันบนหน้าจอ แต่ด้วยเทคนิคจาก Veo และ Gemini ตัวละครหลายตัวสามารถปรากฏพร้อมกันได้อย่างลื่นไหล ทำให้การเล่าเรื่องเข้มข้นขึ้น ผู้ชมรู้สึกมีส่วนร่วมในฉากต่าง ๆ อย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน

 

  1. Context Window: ความต่อเนื่องที่ไม่สะดุด

หนึ่งในปัญหาของการปรับภาพเก่าคือความไม่ต่อเนื่อง แต่ด้วย “หน้าต่างบริบท” ที่ยาวเป็นพิเศษของโมเดล Gemini และ Veo ทีมงานสามารถวิเคราะห์ฉากยาวๆ ได้แบบไร้รอยต่อ ประมวลผลข้อมูลภาพจำนวนมหาศาลได้อย่างแม่นยำ จนสามารถรักษาความสม่ำเสมอของอารมณ์ โทน และสไตล์ของภาพยนตร์ไว้ได้ครบถ้วน

The Wizard of Oz at Sphere ไม่ได้เป็นแค่ “การรีเมก” หรือการอัปเกรดภาพเก่าให้ดูดีขึ้น แต่เป็นการสร้างประสบการณ์รูปแบบใหม่ที่เชื่อมอดีต ปัจจุบัน และอนาคตไว้ในจุดเดียวกัน

วันที่ 28 สิงหาคม 2025 The Wizard of Oz at Sphere จะเปิดม่านอย่างเป็นทางการ แต่วันนี้ โลกก็ได้เห็นแล้วว่า เมื่อจินตนาการผสานกับ AI โลกใบเดิมจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป


  • 28
  •  
  •  
  •  
  •