
หลังยุคโควิดมา เราจะเห็นได้ว่าการ ‘ชอปปิงออนไลน์’ ทั่วโลกเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดดรวมถึงในไทยเองด้วย กระทบไปถึงภาพการค้า และการใช้จ่ายโดยรวมที่นอกจากโตเร็วแล้ว ยังเปลี่ยนแปลงเร็วด้วย โซลูชัน AI จึงถูกนำมาปรับใช้กับธุรกิจมากขึ้นเรื่อยๆ และหนึ่งในรูปแบบที่กำลังถูกพูดถึงอย่างมากในยุคนี้คือ ‘Agentic AI’
ต่างจาก AI ทั่วไป ที่ต้องรอให้มนุษย์สั่งก่อนถึงจะทำงานได้ Agentic AI สามารถคิด และตัดสินใจได้เอง ไม่ว่าจะเป็นฝั่งธุรกิจ หรือลูกค้าก็ตาม เช่น การวิเคราะห์ผู้บริโภคแบบเรียลไทม์ และจัดโปรโมชันที่เหมาะสมให้ได้ทันทีโดยไม่ต้องรอคำสั่งจากพนักงาน ฝั่งลูกค้าเองสามารถซื้อสินค้า ชำระเงินได้ในไม่กี่ขั้นตอน
ด้าน Deloitte คาดว่าภายในปี 2030 Agentic AI จะสามารถขับเคลื่อนมูลค่าตลาดการค้าภาพรวมได้ถึง 17.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
ความคาดหวังของผู้บริโภค ต่อตลาดคอมเมิร์ซ และเพย์เมนต์
– ต้องการให้ AI หาโปรโมชัน ราคาที่ดีที่สุดจริงๆ ให้ตัวเองได้ ไม่ว่าจะเป็นร้านค้าปลีก หรือออนไลน์ (46%)
– AI ควรเข้ามามีบทบาทในการกำจัดการโกง และมิจฉาชีพอย่างรวดเร็ว (37%)
– ช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่ายทุกรูปแบบ โดยเฉพาะการใช้สิทธิประโยชน์ต่างๆ เพื่อให้ได้ราคาที่ดีที่สุด ไปจนถึงการต่ออายุการใช้งาน หรือการยกเลิกบริการที่ไม่ได้ใช้งานโดยอัตโนมัติ
นอกจากนี้ กลุ่มตัวอย่างยังเผยว่าต้องการการทำธุรกรรมที่ง่าย ไหลลื่น และจบในแพลตฟอร์มเดียวไม่ต้องข้ามไปมา ที่สำคัญไม่แพ้กันคือเรื่อง ความโปร่งใส และสิทธิในการแชร์ หรือปกปิดข้อมูลส่วนตัว เพราะกว่า 51% รู้สึกว่าแบรนด์ไม่ได้นำข้อมูลของตนเองไปใช้ในทางที่ ‘เป็นประโยชน์’
ความกังวลของผู้บริโภคที่ยังเป็น ‘กำแพง’ ปิดกั้น Agentic AI
– 65% เคยใช้เครื่องมือที่มีเทคโนโลยี AI แต่เพียง 20% เท่านั้นที่รู้สึก ‘สบายใจ’ ในการใช้เครื่องมือ Agentic AI แม้ว่ากว่า 70% จะรู้สึกสนใจ
– ต้นเหตุความกังวลใน Agentic AI
– ความปลอดภัยของข้อมูลส่วนตัว และการแฮ็ก (58%)
– กังวลว่า AI จะตัดสินใจผิดพลาด หรือทำงานนอกเหนือคำสั่ง-ไม่ได้รับอนุญาต (57%)
– ยังไม่มั่นใจในความน่าเชื่อถือ และความถูกต้องแม่นยำ (40%)
กลยุทธ์ฝั่งผู้ขาย จะทลาย ‘กำแพง’ อย่างไร?
1. ผู้ออกบัตร (Card Issuers) เช่น ธนาคารที่ออกบัตรเครดิตหรือเดบิต
– ใช้ AI วิเคราะห์พฤติกรรมผู้ใช้ เพื่อเสนอวงเงิน โปรโมชั่น หรือสิทธิพิเศษแบบเรียลไทม์
– รวมข้อมูลเครดิต คะแนนสะสม และความเสี่ยง เพื่อให้ระบบอนุมัติธุรกรรมได้เร็วและแม่นยำ
– มีระบบตรวจสอบความโปร่งใส ป้องกันการตัดสินใจผิดพลาดของ AI
2. เครือข่ายการชำระเงิน (Payment Networks) เช่น Visa, Mastercard
– พัฒนาโครงสร้างใหม่ให้ AI ช่วย “เลือกเส้นทางธุรกรรม” ได้อัตโนมัติและรวดเร็ว
– เพิ่มระบบการตั้งค่าการใช้จ่ายหรือรางวัลแบบยืดหยุ่น (เช่น จำกัดวงเงินรายวันอัตโนมัติ)
– สร้างระบบกลางตรวจสอบการทำงานของ AI ให้ปลอดภัยและเป็นธรรม
3. ผู้รับชำระเงิน (Acquirers / ร้านค้า / ผู้ให้บริการระบบ) เช่น แพลตฟอร์มร้านค้าออนไลน์
– ใช้ AI ทำขั้นตอนสมัครร้านค้า การจ่ายเงิน และสินเชื่อให้เสร็จอัตโนมัติ
– ให้ AI แนะนำสินค้าหรือโปรโมชันเฉพาะบุคคลแก่ลูกค้าแต่ละราย
– สร้างบริการใหม่ เช่น ระบบตรวจจับการโกง, ระบบคะแนนสะสม, หรือบริการผ่อนจ่าย
การเกิดขึ้นของ Agentic AI คือจุดเปลี่ยนสำคัญในโลกการชำระเงิน เพราะช่วยให้ธุรกิจสร้างบริการมูลค่าเพิ่ม สร้างความเชื่อมั่น และเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน ด้านผู้บริโภคเองได้รับประสบการณ์ที่สะดวกขึ้น ควบคุมข้อมูลส่วนตัวได้มากขึ้น และได้รับบริการที่ตอบโจทย์เฉพาะบุคคลในทุกช่องทาง
Source: WSJ

