รู้จักโฆษณารูปแบบใหม่ AdAround ที่ผสานข้อดีของ OOH + Digital Media ผสมเทรนด์ Delivery

  • 722
  •  
  •  
  •  
  •  

เป็นความท้าทายของนักโฆษณาและนักการตลาดมากทีเดียว ที่ต้องคอยปรับตัวเปลี่ยนตัวเองให้ทันกับพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภค โดยเฉพาะในยุค Post Covid-19 ที่ผู้บริโภคในปัจจุบันมีทางเลือกเพิ่มมากขึ้น และพร้อมจะเปลี่ยนชาแนลไปเรื่อยๆ โดยไม่ยึดติดกับสื่อใดเพียงอย่างเดียว ดังนั้น ถ้านักการตลาดหรือนักโฆษณาไม่ตื่นตัวในการค้นหามีเดียหรือสื่อใหม่ๆ มาเรียกความสนใจจากผู้บริโภคได้ ซึ่งก็อาจจะส่งผลต่อแคมเปญทางการตลาดไม่ได้รับการตอบรับที่ดีก็เป็นได้ และเมื่อเร็วๆ นี้ ได้เห็นรูปแบบใหม่ของสื่อโฆษณา ที่ผสมผสานระหว่าง Bumper Ads และ OOH (Out of home) เข้าด้วยกัน และพบว่าน่าสนใจมากเลยอยากจะนำมาเล่าให้ฟัง

 

ผสานทุกข้อดีของสื่อยุคใหม่

 

สำหรับโฆษณารูปแบบดังกล่าว เป็นไอเดียจาก Mar-Tech Startup รุ่นใหม่ AdAround ซึ่งเป็นการใช้พื้นที่ด้านหลังกระเป๋าใส่สินค้า (หรืออาหาร) ของบรรดาไรเดอร์ที่ทำหน้าที่ส่งของไปตามที่ต่างๆ เป็นพื้นที่โฆษณา โดยอยู่ในรูปแบบคลิปวิดีโอสั้นๆ ประมาณ 6 วินาที เช่นเดียวกับที่เราเคยเห็น Bumper Ads ใน Youtube ซึ่งรถของไรเดอร์ก็จะวิ่งขับไปยังที่ต่างๆ บนท้องถนน หรือแม้แต่ช่วงจอดรถติดไฟแดง ซึ่งทำให้ผู้คนได้รับชมคลิปโฆษณานั้นๆ ได้ และหากลองคำนวณดู จะพบว่าถ้า 1 คลิปความยาว 6 วินาที แล้วติดไฟแดงนาน 1 นาที ดังนั้น อย่างน้อยคนก็จะเห็นโฆษณาได้ถึง 10 ตัวเลยทีเดียว หรือการวิ่งไปยังเส้นทางต่างๆ ทั่วเมืองยิ่งเป็นการเข้าถึงผู้บริโภคจำนวนมากได้อีกด้วย

เรียกว่าเป็นการดึงเอาข้อดีของทั้ง 2 มีเดียมารวมกันเลย เพราะ Bumper Ads มีข้อดีคือสั้นกระชับผู้ชมจับใจความได้เร็วและจดจำง่าย ในขณะที่ OOH ถือได้ว่าเป็นโฆษณาที่ไม่เคยตายและยังได้รับความนิยมอยู่ตลอด โดยในปี 2563 ก็ยังอยู่ใน Top 3 ของมีเดียที่ได้แบรนด์ยังคงสเปนเงินให้อย่าง มากไปกว่านั้นคือยังมีการผสมรวมเข้ากับเทรนด์ของ Delivery ที่ผู้คนนิยมสั่งอาหารซื้อสินค้าออนไลน์กันมากขึ้น เมื่อรวมกันจึงเกิดเป็น Advertising placement รูปแบบใหม่ที่สร้างสรรค์ และเข้าใจเทรนด์โฆษณายุคใหม่ ที่สำคัญเท่าที่ทราบยังไม่เคยมีใครทำมาก่อนด้วย

 

รายงานและวัดผลได้แบบ Realtime  

 

นอกเหนือไปจากความน่าสนใจของการเป็นสื่อรูปแบบใหม่แล้ว ทาง AdAround ยังทราบดีถึงข้อกังวลของแบรนด์หรือเจ้าของสินค้าว่า การทำโฆษณาหรือการตลาดต้องการวัดผลได้ด้วย เพราะที่ผ่านมา โฆษณาแบบ OOH นั้นคิดเป็น Eyeballs แบบค่าเฉลี่ย อาจจะไม่สามารถวัดค่าความคุ้มค่าได้เต็มที่นัก แต่สำหรับโฆษณาที่ AdAround ใช้สามารถคำณวน Impression ได้เหมือน Online Ads ปกติ โดยคำนวณจากจำนวนครั้งในการแสดงผลจะนับเป็น 1 Impression เช่น ลูกค้าเลือก Pack รถ 100 คัน ใน 1 วันที่รถ 100 คันวิ่งเป็นเวลา 8 ชั่วโมง จะได้ Impression เฉลี่ยโดยประมาณ 48,000 ต่อ Ad Slot ต่อ 1 วัน เป็นต้น และในอนาคตจะสามารถเลือกออปชั่นได้ด้วยว่า จะใช้จำนวนรถให้มากที่สุดในจำนวนน้อยวันก็ได้

นอกจากนี้ ยังสามารถดูสถิติ ทาง dashboard ได้ด้วยว่ารถวิ่งไปไหนบ้าง ในแบบ Realtime Impression ว่าตอนนี้ได้ Impression อยู่ที่เท่าไรแล้ว ซึ่งจะเป็นการอัปเดทแบบวันต่อวัน นอกจากนี้ ยังส่งรีพอร์ต และ dashboard ให้ดูด้วยว่ามีการปล่อยโฆษณาตัวนั้นๆ ไปแล้วกี่ครั้ง พร้อม GPS ที่สามารถดูได้ว่าบริเวณไหนที่โฆษณาถูกยิงออกไปมากที่สุด ถือว่าเป็นการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยทำให้การทำแคมเปญมีประสิทธิภาพมากขึ้นทีเดียว

แล้วในอนาคตทาง AdAround ก็จะมีการพัฒนาต่อยอดไปอีก โดยจะนำเทคโนโลยีที่สามารถกำหนดให้รถมอเตอร์ไซค์ที่อยู่ในบริเวณเดียวกัน สามารถปรากฏโฆษณาเดียวกันได้ และสามารถเลือกย่านหรือเขตที่จะให้โฆษณาปรากฏได้ด้วย ซึ่งตอนนี้ยังอยู่ในช่วง pilot test ทดลองวิ่งอยู่เฉพาะในเขตกรุงเทพฯ โดยไม่ได้กำหนดเขตแต่ขึ้นอยู่กับว่าไรเดอร์จะวิ่งไปรับงานที่ไหนบ้าง ซึ่งอนาคตมีแผนที่จะขยายไปยังทั่วประเทศ

เรียกได้ว่าผลงานชิ้นนี้ของ AdAround น่าจับตามากทีเดียว และอาจจะเป็นอนาคตใหม่ของวงการโฆษณาต่อจากนี้ก็เป็นได้ เห็นรูปแบบใหม่ๆ ในช่วงนี้แล้ว อดตื่นเต้นแทนวงการโฆษณาในปีนี้ไม่ได้ เพราะน่าจะเต็มไปด้วยสีสันที่น่าสนใจ ดึงดูดความสนใจทั้งของผู้บริโภคและแบรนด์หันมาลงทุนมากขึ้น ซึ่งเชื่อว่าน่าจะช่วยฉุดให้อุตสาหกรรมโฆษณาในปีนี้ดีขึ้นกว่าเดิมได้อย่างแน่นอน

รายละเอียดเพิ่มเติม http://www.adaround.tech/


  • 722
  •  
  •  
  •  
  •