ธุรกิจจะได้เปรียบอย่างไร? ในยุคที่มนุษย์ทำงานร่วมกับ AI

  • 38
  •  
  •  
  •  
  •  

ลักษณะการทำงานร่วมกันระหว่างคนกับ AI จะเป็นไปในลักษณะช่วยเหลือซึ่งกันและกัน แน่นอนว่าคนจะต้องเป็นคนที่คอยป้อนข้อมูลให้ AI ได้เรียนรู้และทำนายผลลัพธ์ทางธุรกิจ รวมไปถึงการแสดงผลให้เข้ากับแบรนด์ เช่นเปลี่ยนเสียงของ AI Assistant ให้เข้ากับ Brand Personality

นอกจากนั้นคนก็ยังช่วยอธิบายให้กับคนอื่นๆฟังว่าทำไม AI ถึงทำนายผลลัพธ์ได้แบบนั้น เพราะคนที่ไม่รู้เรื่องของคอมพิวเตอร์ และสถิติก็ยังมีอีกเยอะ ที่สำคัญคนช่วยให้ AI แสดงออกหรือกระทำในกรอบของจริยกรรมและกฎหมายเพื่อรักษาความเป็นส่วนตัวของผู้บริโภค เป็นต้น

ส่วน AI แน่นอนว่าจะต้องเข้ามาทุ่นแรงคน การยกน้ำหนักหลายๆกิโลฯที่คนทำไม่ได้ หุ่นยนต์ก็เข้ามาแบ่งเบาภาระ ตัวอย่างง่ายๆคือ Chatbot ที่คอยตอบคำถามลูกค้า ประหยัดต้นทุนค่าจ้างคนมานั่งตอบคำถาม 24 ชั่วโมง การวิเคราะห์ข้อมูลเป็นจำนวนมากที่สมองมนุษย์รับไม่ได้ทั้งหมด และงานประจำที่ทำซ้ำๆซากๆ หุ่นยนต์ก็สามารถทำแทนคนได้

ฉะนั้นหากในอนาคตคนกับหุ่นยนต์ต้องทำงานร่วมกันจริงๆ ธุรกิจจะได้เปรียบอย่างไรบ้าง?

 

1. มีความยืดหยุ่นในการทำธุรกิจมากขึ้น

เช่น Mercedes Benz เริ่มใช้หุ่นยนต์ทำงานร่วมกับคนเพื่อออกแบบรถยนต์ที่ถูกใจลูกค้าและส่งมอบทันเวลา ถ้าไปโรงงานที่เยอรมันฯ ก็จะได้เห็นพนักงานใช้แขนหุ่นยนต์ยกชิ้นส่วนหนักๆได้ แน่นอนว่าคนอย่างเดียวยกไม่ได้แน่ๆ แต่ถ้าจะให้หุ่นยนต์ยกให้เลยทั้งหมด ก็ไม่ได้อีก เพราะโรงงานต้องการให้มั่นใจว่ารถแต่ละคันถูกประกอบอย่างถูกต้อง

 

2. ธุรกิจจะปรับตัวเร็วขึ้น

เช่น HSBC ที่แต่ละวันต้องดูว่าธุรกรรมไหนที่เป็นธุรกรรมจริงหรือธุรกรรมปลอม แล้วแต่ละวันมีการทำธุรกรรมเป็นล้านๆ คนไม่สามารถตรวจสอบได้หมด การป้อนข้อมูลธุรกรรมให้ AI เรียนรู้และแยกแยะธุรกรรมจริงหรือปลอมจะช่วยงานพนักงานได้มาก

แน่นอนว่า เมื่อ AI มันฉลาดขึ้น อาชญากรก็ต้องฉลาดขึ้นในการหาทางปลอมแปลงธุรกรรม ตรงนี้คนก็ต้องรู้ทัน และป้อนข้อมูลใหม่ให้ AI รู้ทันอาชญากรด้วย

ส่วนในอนาคต AI อาจจะรู้ทันธุรกรรมปลอมในรูปแบบใหม่ๆ โดยพึ่งพาคนน้อยลงก็ได้เช่นกัน

 

3. ธุรกิจจะขยายตัวได้มากขึ้น

Unilever เป็นบริษัทตัวอย่างในด้านนี้ โดยเฉพาะในเรื่องของการรับพนักงานเป็นจำนวนมากเข้ามาทำงานเพื่อขยายธุรกิจ การคัดเลือกคนในรอบแรกๆ จะให้ผู้สมัครได้เล่นเกมหรือตอบคำถาม แน่นอนว่าไม่มีถูกไม่มีผิด รวมถึงให้ผู้สมัครงานได้อัดวีดีโอสัมภาษณ์ เพื่อให้ AI ได้ประเมินผลลัพธ์ พฤติกรรมทั้งหมดของผู้สมัคร

แล้วประเมินว่าผู้สมัครงานนั้นเหมาะกับการทำงานกับบริษัทฯ หรือไม่ แล้วเหมาะกับตำแหน่งงานแบบไหน? ส่วนการสอบสัมภาษณ์รอบลึกๆ คนในบริษัทถึงจะเป็นคนตัดสินใจว่าจะรับผู้สมัครเข้าทำงานหรือไม่

 

4. ตัดสินใจได้ฉลาดขึ้น

อย่างเช่น General Electric ใช้นำแนวคิดอย่าง Digital Twin มาใช้ เอา AI มาช่วยจำลองเครื่องจักรที่ใช้ในบริษัท แล้วทำนายว่าเครื่องจักรจะเกิดเสียได้ตอนไหนบ้าง? แล้วที่จะเสียนั้น เครื่องจักรตัวไหนจะเสีย จากนั้นก็ให้พนักงานมีแผนรองรับ และเข้าไปแก้ไขเครื่องจักรนั้น ในเวลานั้นๆ เท่านี้ บริษัทก็ลดความเสียหายจากเครื่องจักรได้เยอะแล้วครับ

 

5. ทำ Personalized Marketing ได้แม่นยำขึ้น

ตัวอย่างชัดๆคือ Amazon หรือพวกเว็บฯช็อปปิ้งออนไลน์อย่าง Lazada, Shopee หรือ JD Central ที่เวลาเราซื้อของหรือแม้แต่เพียงเปิดดูรายละเอียดสินค้าที่เราสนใจ เว็บฯพวกนี้ก็จะแนะนำสินค้าที่มีแนวโน้มว่าเราจะชอบ เว็บฯพวกนี้รู้เพราะมีอัลกอริธึ่ม มีข้อมูลของลูกค้าคนก่อนๆที่เคยเปิดดูหน้าสินค้านี้ แล้วมักจะไปเปิดหน้าสินค้าที่แนะนำด้วย

 

 

แหล่งอ้างอิง: Collaborative Intelligence – Human and AI are joining force โดย H. James Wilson และ Paul Daugherty จาก Artificial Intelligence: Harvard Business Review


  • 38
  •  
  •  
  •  
  •  
Sarunjade
แชร์มุมมองเกี่ยวกับ Digital Marketing, Digital Business และ Technology เท่าที่รู้ สามารถติชมหรืออยากให้เจาะลึกเรื่องไหนเป็นพิเศษ ส่งเมลมาเลยที่ contact@oopsnetwork.co.th