4 กฎการตลาดที่คนส่วนใหญ่เชื่อแบบผิด ๆ และทำไมนักการตลาดควร กล้าทำตรงข้าม

  • 8
  •  
  •  
  •  
  •  

 

“การตลาดคือพื้นที่ของความคิดสร้างสรรค์ แต่กลับมีกฎตายตัวเต็มไปหมด” ในโลกที่การตลาดควรเปิดกว้างให้กับจินตนาการ ความคิดสร้างสรรค์ และนวัตกรรมอย่างไม่มีขอบเขต กลับมี “กฎ” ที่คอยจำกัดแนวคิดอยู่มากมายอย่างมากมาย แม้ว่านักการตลาด กูรู ผู้เชี่ยวชาญจะพูดว่า “ให้คิดนอกกรอบ” แต่ก็ยังดำเนินงานภายใต้ playbook แบบเดิม ๆ ที่ไม่มีใครกล้าตั้งคำถาม มันถึงเวลาแล้วหรือยังที่จะเริ่ม “ทบทวน” และ “ท้าทาย” กฎการตลาดยอดฮิตที่อาจไม่ได้ให้ผลลัพธ์อย่างที่คิด  ซึ่งต่อไปนี้คือ 4 กฎการตลาดที่หลายคนยึดถือมาโดยตลอดแต่ไม่ได้ผลในการทำจริง แต่ถ้าหากกล้าฉีกกฎเหล่านี้อย่างมีวิจารณญาณ ก็อาจค้นพบ “ข้อได้เปรียบ” ทางการตลาดที่ไม่มีใครกล้าทำ

กฎที่ 1: “ใช้ Data เป็นที่ตั้งเสมอ” : แน่นอนว่า Data  คือรากฐานของการตัดสินใจที่แม่นยำ แต่ในหลาย ๆ ครั้งนั้นไม่ใช่  เพราะการใช้ข้อมูลอย่างเคร่งครัดกลับทำให้แคมเปญขาด “หัวใจ” ขาดความเป็นมนุษย์ และสุดท้ายก็ไม่เชื่อมต่อกับลูกค้าได้อย่างแท้จริง

แม้ว่าข้อมูลจะดี แต่สัญชาตญาณของนักการตลาด หรือครีเอทีฟ ก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะถ้ามี Consumer insight ดี ๆ รู้จักกลุ่มเป้าหมายอย่างลึกซึ้ง ก็จะมีความรู้สึกบางอย่างว่า “นี่แหละถูกต้อง” แม้ตัวเลขจะยังไม่ชัดเจน จงเชื่อมั่นในความรู้สึกนั้น บางครั้ง Intuition > Tuition

กฎที่ 2: “โฟกัสที่กลุ่มเป้าหมายหลักเท่านั้น” : ทุกคนในวงการรู้จักคำว่า Target Audience จนกลายเป็นคาถาศักดิ์สิทธิ์ในทุกแผนการตลาด แต่การจ้องจะเข้าถึงแค่ “กลุ่มในฝัน” มากเกินไป อาจทำให้คุณพลาดโอกาสจากกลุ่มลูกค้าใกล้เคียงที่พร้อมจะซื้อจริง แทนที่จะจำกัดตัวเองอยู่ในกรอบเดิม ๆ ลอง “ขยายขอบเขต” ไปหาคนที่คล้ายคลึงแต่มีพฤติกรรมการซื้อที่พร้อมกว่า

กลุ่มเป้าหมายควรเป็นแนวทาง ไม่ใช่ข้อจำกัด การทำการตลาดที่ยืดหยุ่นและเข้าใจกลุ่มลูกค้าในวงกว้างมากขึ้น อาจช่วยเพิ่มยอดขายได้โดยที่คุณไม่ต้องเปลี่ยนสินค้าเลยด้วยซ้ำ

กฎที่ 3: “เป้าหมายคือการสร้างคอนเทนต์ให้ไวรัล” ไม่มีใครปฏิเสธว่าความ Viral คือทางลัดที่เร็วที่สุดสู่ยอดขายพุ่ง แต่ในความเป็นจริง มันคือ “ลาภลอย” ที่คาดเดาไม่ได้ และคงอยู่ไม่นาน

สิ่งที่ควรโฟกัสจริง ๆ คือ คอนเทนต์ที่มีคุณค่าและตอบโจทย์ลูกค้า เข้าใจปัญหา สื่อสารให้ชัดเจน และค่อย ๆ สร้างความเชื่อมั่น — นั่นคือวิธีที่ยั่งยืนกว่ามาก “ความ Viral” คือโบนัส และ“ความสม่ำเสมอและความหมาย” คือกลยุทธ์หลัก หากจะสนุกกับกระแสหรือมุกตลกใน Social Media  ก็ให้ทำหลังจากที่คุณมั่นใจแล้วว่าแบรนด์ให้ประโยชน์จริง

กฎที่ 4: “ลูกค้าทุกคนต้องเดินตาม Customer Journey Funnel แบบเป๊ะ” : Funnel Marketing แบบ Awareness → Interest → Consideration → Conversion ถูกสอนมายังทุกคนที่เรียนการตลาด เป็นพื้นฐานที่ใช้กันและยึดถือในการวางแผนการตลาดมาโดยตลอด แต่นั่นคือ “อุดมคติ” ไม่ใช่ “ความจริง” เพราะลูกค้าในชีวิตจริงมีพฤติกรรมซับซ้อน มีการกระโดดข้ามขั้น กลับมาซื้อโดยไม่ได้หาข้อมูล หรือพิจารณาแล้วหายเงียบไปเป็นเดือนก็มีหากคุณเฝ้ารอให้พวกเขาเดินตาม funnel อย่างตามปกติแบบในอุดมคติ แบรนด์อาจจะเสียโอกาสครั้งใหญ่แบรนด์ต้องคิดแบบใหม่ โดยการคิดว่าการเดินทางของลูกค้าไม่ใช่เส้นตรง แต่เป็น “เส้นโค้งที่มีชีวิต” ต้องใช้เทคนิคอย่างโฆษณา Remarketing Personalisation ไม่ว่าจะอีเมล หรือเว็บไซต์ หรือโปรโมชันรายช่วง เพื่อดึงลูกค้ากลับมาโดยไม่ต้องเริ่มจากศูนย์ใหม่ทุกครั้ง เมื่อตอบสนองได้ทันทีในจังหวะที่พร้อม คุณจะเปลี่ยนผู้ชมธรรมดาให้กลายเป็นลูกค้าจริงได้ง่ายขึ้นกว่าที่คิด

 

 

กฎการตลาดที่ได้เรียนรู้กันมา และยึดถือกันนั้น ต้องคิดว่ามีไว้เป็นแนวทาง ไม่ใช่ข้อบังคับ เพราะการรู้จัก “ทบทวน” และ “ปรับให้เข้ากับบริบทจริง” คือทักษะที่สำคัญที่สุดของนักการตลาดยุคใหม่ในตอนนี้ที่สถานการณ์ของโลกมีความผันผวนสูงอย่างมาก

ดังนั้นอย่ากลัวที่จะฉีกกฎ ถ้า “สิ่งใหม่” นั้นสอดคล้องกับแบรนด์และเข้าใจลูกค้ามากกว่า บางครั้ง คำถามที่ดีที่สุดที่ควรถามไม่ใช่ “ต้องทำอะไรตามหลักการตลาด” แต่คือ ถ้าฉันเป็นลูกค้า ฉันอยากเจอแบรนด์แบบไหน?”


  • 8
  •  
  •  
  •  
  •  
Molek
Head of Strategic Marketing ใน Integrated Service Agency ที่หนึ่ง ผู้หลงใหลในหลาย ๆ ที่มีความอยากรู้และเรียนรู้ในเรื่อง Startup, นวัตกรรม, การตลาด จากมุมมองหลาย ๆ ด้านและวัฒนธรรมของแบรนด์ต่าง ๆ