4 รูปแบบการขายที่ทำให้คนซื้อเบือนหน้าหนี

  • 118
  •  
  •  
  •  
  •  

การขายสินค้าและบริการนั้นเรียกได้ว่าเป็นศิลปะอย่างหนึ่งก็ว่าได้ เพราะเป็นการปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้ขายที่ต้องนำเสนอแนวคิดของสินค้าบริการต่างๆ  ให้ผู้ซื้อนั้นเชื่อจนสามารถกลายเป็นลูกค้าขึ้นมาได้ ซึ่งมีปฏิสัมพันธ์ต่าง ๆ มากมายอย่างมาก โดยการขายนั้นจะเกิดขึ้นได้อย่างง่ายดายถ้ามีการตลาดที่เข้ามาช่วยสนับสนุนในการขายนั้น ๆ แล้วการขายนั้นจะดียิ่งขึ้นไปอีกถ้าสินค้าและบริการที่ขายนั้นมีคุณภาพหรือเป็นของดีกว่าในตลาดจริง ซึ่งจะทำให้แบรนด์คุณนั้นโดดเด่นออกมาจากคู่แข่งเลยทีเดียว

Screen-Shot-2558-11-21-at-5.10.15-PM-770x433

แต่หลาย ๆ ครั้งปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะมีสินค้าดีแค่ไหน หรือมีการตลาดที่ดีแค่ไหน ก็สามารถพังได้จากการมีขั้นตอนการขายที่ไม่ดี หรือเปลี่ยนจากคนที่กำลังอยากได้สินค้ากลายมาเป็นคนที่ไม่อยากได้สินค้า หรือเลวร้ายไปกว่านั้นคือเปลี่ยนคนเหล่านี้ให้กลายมาเป็นคนที่ไม่ชอบแบรนด์ของนักการตลาดเลยก็ได้ ซึ่งหลาย ๆ คนก้คงเคยมีประสบการณ์ที่ไม่ดีกับการทำ Telemarketing ในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการขายประกันทางโทรศัพท์หรือเชิญชวนการลงทุน จนถึงการเจอหน้าแล้วโดนขาย MLM หรือเดินในห้างแล้วเจอพนักงานคลินิกเสริมสวยชักชวนแบบรุกเกินไปจนทำให้เดินหนี สิ่งเหล่านี้ทำให้แทนที่จะสร้างยอดสร้างลูกค้า กลับกลายทำให้เสียลูกค้าและอาจจะเสียชื่ออีกด้วย ทั้งนี้เพื่อไม่ให้นักการตลาดพลาดในการขายมารู้จัก 4 รูปแบบการขายที่ทำให้คนนั้นเบือนหน้าหนีกัน

1. เรียกลูกค้าแบบสนิทสนมเกินไป : ลองนึกสภาพในระหว่างที่คุณกำลังทำอะไรแบบเพลิน ๆ แล้วมีสายโทรเข้ามา พร้อมเรียกคุณอย่างสนิทสนมอย่างมาก โดยที่คุณไม่ได้รู้จักเลย สิ่งที่คุณจะต้องคิดเป็นอย่างแรกคือ “นี้ใครกัน” ที่ทักแบบสนิทสนมเช่นนี้ ซึ่งการกระทำอย่างนี้เป็นการไม่ให้เกียรติคนที่คุณไม่ได้รู้จักกันมาก่อนอย่างมาก และทำให้คนที่รับสายนั้นเกิดอาการต่อต้านขึ้นมาทันที ทำให้การขายนั้นจะยากยิ่งขึ้นไปอีกอย่างมาก

ซึ่งทางที่ถูกต้องคือการที่ต้องมีมารยาทอย่างมากในการที่จะเข้าไปคุยกับคนที่ไม่ได้รู้จักกันมาก่อน ด้วยการที่ต้องขอโทษหรือขออภัยในการที่ต้องรบกวนเวลา และแนะนำชื่อตัวเอง นามสกุล ตำแหน่งและบริษัทที่ทำงาน พร้อมด้วยหัวข้อที่จะคุย แถมเวลาคุยในรูปแบบนี้ ควรระลึกไว้ว่าคนที่คุยด้วยไม่ใช่เพื่อนคุณ แต่คือคนที่อาจจะกลายเป็นลูกค้าขึ้นมาได้ เพราะฉะนั้นความเป็นมืออาชีพจึงมีความสำคัญอย่างมากที่จะทำให้การขายหลังจากนี้รอดหรือไม่รอด

7001

2.  ตื้อ : ปัญหาอย่างหนึ่งของการขายที่เปลี่ยนจากการที่จะขายได้มาเป็นขายไม่ได้แถมยังสร้างความเกลียดชังกลับไปให้องค์กรอีกคือการตื้อที่จะขายให้ได้ด้วยวิธีการต่าง ๆ เข้าด้วยกัน ซึ่งหลาย ๆ คนคงเคยเจอจากการขายประกันที่ตื้อจะให้เราหังการอธิบายแม้ว่าจะไม่ได้สนใจ หรือการตื้อขายของตามที่ต่าง ๆ ของคลินิกหรือพวกบริจาคต่าง ๆ ทั้งนี้หลายครั้งจะแย่ลงไปอีกเมื่อคุณตื้อแล้ว และกลุ่มเป้าหมายไม่สนใจ แต่คุณยังใช้คำพูดต่าง ๆ ที่ไม่เหมาะสมทำให้แย่ลงไปอีกหลาย ๆ ครั้ง

ทั้งนี้เวลาทำการขายเช่นนี้ ทำให้ผู้ที่ถูกนำเสนอการขายนั้นหมดความอดทนได้ง่าย ๆ และสามารถทำให้เกลียดแบรนด์ที่มานำเสนอได้อย่างมาก ทำให้แทนที่จะได้ลูกค้ามาหนึ่งคน อาจจะต้องเสียลูกค้าหนึ่งคนไปให้คู่แข่งเลยก็ได้ ดังนั้นการขายที่ดีคือถ้าตื้อแล้วไม่สนใจ ก็ไม่ควรจะตื้อต่อไปและควรจะคิดให้ดีก่อนจะใช้คำพูดในการตื้อแต่ละครั้ง

3. คุณเป็นผู้โชคดี : หลาย ๆ ครั้งการขายที่โทรศัพท์เข้ามาหรือส่งอีเมล์เข้ามา จะขึ้นต้นบอกว่า คุณคือผู้โชคดีที่ได้ได้รับ XXXX หรือคุณถูกคัดเลือกจาก XXXX แน่นอนการส่งข้อความแบบนี้น่าจะทำให้ผู้รับนั้นรู้สึกว่าเป็นคนพิเศษที่ได้รับเลือกหรือได้รับความสนใจ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ความรู้สึกอาจจะเกิดขึ้นตรงกันข้ามกับสิ่งที่แบรนด์คาดหวังเลยก็ได้

เพราะในยุคนี้ผู้บริโภคมีการเรียนรู้และการเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่เยอะขึ้นทำให้มีการตั้งการ์ดที่สูงอย่างมากเพราะคิดว่าจะถูกหลอกลวงโดยอะไรหรือไม่ ซึ่งวิธีการโทรไปบอกแบบนี้เลิกความนิยมไปตั้งแต่ปี 1980 กว่า ๆ แล้ว แต่หลาย ๆ คนคิดว่ายังได้ผลอยู่ทั้ง ๆ ที่มันได้ผลตรงกันข้ามอย่างมาก

Email-Marketing

4. ราคานิดเดียวเอง : หลาย ๆ ครั้งการขายมักจะเอาราคานั้นมาเป็นตัวล่ออย่างมากให้คนนั้นซื้อสินค้าและบริการต่าง ๆ แต่ปัญหาจริง ๆ ก็มีคือราคาไม่ใช่ปัจจัยในการตัดสินใจในการซื้อเสมอไป เพราะหลาย ๆ ครั้งนั้นผู้บริโภคนั้นซื้อสินค้าต่าง ๆ ด้วยปัจจัยที่เรียกว่า คุณค่าทางใจก็มีหรือชั้งความคุ้มค่ากับราคาที่ได้ขึ้นมา การที่บอกราคานิดเดียวอาจจะทำให้ผู้บริโภครู้สึกได้หลาย ๆ แบบ ไม่ว่าจะเป็น ราคานิดเดียวของใคร จนถึงทำไมมันถูกเกินไปก็มี

ทำให้การขายหรือวิธีเข้าหาด้วยราคานี้ควรระวังอย่างมาก เพราะบางทีเป็นการไปบอกว่าผู้บริโภคที่กำลังคุยด้วยนั้นเห็นแก่ของถูกจนซื้อสินค้าหรือเปล่า ทางที่ดีคือผู้ขายความนำเสนอคุณค่าของสินค้าและบริการที่ขายมากกว่าราคา โดยให้ราคามาเป็นปัจจัยเทียบถึงความคุ้มค่านั้นเอง


  • 118
  •  
  •  
  •  
  •  
Molek
Head of Strategic Marketing ใน Integrated Service Agency ที่หนึ่ง ผู้หลงใหลในหลาย ๆ ที่มีความอยากรู้และเรียนรู้ในเรื่อง Startup, นวัตกรรม, การตลาด จากมุมมองหลาย ๆ ด้านและวัฒนธรรมของแบรนด์ต่าง ๆ