การทำ social media นั้นเป็นวิธีการที่นักการตลาดในตอนนี้เรียกว่าใช้เป็นเครื่องมือหลักโดยทีเดียว แต่การทำ Social Media Marketing ในยุคนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างในอดีต เพราะด้วยการเปลี่ยนแปลงอะไรหลาย ๆ อย่าง ทำให้นักการตลาดนั้นทำการตลาดได้ยากขึ้นอย่างมาก รวมทั้งเสียเงินเพิ่มขึ้นอย่างมากกับการทำ social media ในยุคนี้ ทำให้การมีวิธีที่แตกต่างออกไปหรือวิธีการทรี่จะช่วยเสริมการทำการตลาดและลดต้นทุนมาได้ จึงมีความสำคัญขึ้นมาทันที
ไม่ว่า Social Media จะปรับอัลกอริทึม หรือการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีของผู้บริโภค ทำให้นักการตลาดนั้นต้องขวนขวายหาทางเอาตัวรอดขึ้นมาในการทำการตลาดให้ถึงกลุ่มเป้าหมายให้ได้ แต่สิ่งที่สำคัญอย่างมากที่เปลี่ยนไปยังนักการตลาดเพิ่มขึ้นคือ การที่มาตรวัดความสำเร็จในการทำ Social Media นั้นมีการเปลี่ยนแปลงไปจากในอดีตที่มีการสนใจค่าอย่าง Vanity Metric ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Like หรือคนกด Post Like เท่าไหร่ มาเป็นค่าที่มีความสำคัญในทางการตลาดเพิ่มมากขึ้นไม่ว่าจะเป้น Engagement, Lead Generation จนถึงยอดขายกันเลยทีเดียว ซึ่งด้วยการที่ต้องมาใช้การวัดค่าที่มีความลึกซึ้งขึ้น ทำให้นักการตลาดต้องมีวิธีการทำการตลาดที่เปลี่ยนไปจากการที่ Focus เรื่องการเติบโตของ Account มาเป็นเรื่องที่มีคุณภาพของ Account เพิ่มขึ้น ซึ่งในวันนี้ ผมจะนำมารู้จัก 4. วิธีการที่จะช่วยนักการตลาดในการทำ Social Media ให้สามารถมี Engagament เติบโตขึ้นมาได้
1. ใช้กฏ 80/20
ด้วยการที่คุณกำลังสร้าง Community ของตัวเองให้มี Engagement หรือมีการพูดคุยขึ้นมา ดังนั้นการโพสอะไรที่มีความน่าเบื่อหรือไม่ได้อยู่ในความสนใจของกลุ่มเป้าหมายย่อมทำให้เกิดความไม่ได้ผลอยู่แล้ว ซึ่งก็เป็นไปตามหลักการความจริงของโลกเช่นกันที่คนเราย่อมไม่สนใจอะไรที่มันน่าเบื่อ หรือไม่ได้ตรงกับความสนใจตัวเอง ดังนั้นการเข้าใจว่าผู้บริโภคต้องการอะไร สนใจอะไรจึงมีความสำคัญ ซึ่งทำให้กฏ 80/20 มาใช้ได้ในตรงนี้ โดยการคิดว่า 80% ของ Content ที่จะทำการโพสลงไป ควรเป็น Content ที่สร้างประโยชน์ต่อผู้ที่เข้ามา หรือจุดประกายการพูดคุยเชิงบวกและให้ความรู้ได้ และ 20% ของโพสคือ โพสที่ทำการตลาดหรือขายของ เพราะแน่นอนคุณทำการตลาดไม่ได้ทำ Content สนุก ๆ ผู้บริโภคนั้นเข้าใจคุณอยู่แล้วว่าจะต้องโพสขายของ เพียงแต่อย่าให้มันมากเกินไปเท่านั้นเอง
2. ทำ Knowledge Marketing
คนเข้ามาใน social media นั้นมีความต้องการที่จะบริโภคเนื้อหาเพื่อตอบสนองความต้องการของตัวเอง และจากงานวิจัยที่ผ่านมาพบว่า วิดีโอเด็ก หมา แมว นั้นสามารถสร้างการดึงดูดความสนใจของผู้บริโภคมาได้ แต่เดี๋ยวก่อนที่นักการตลาดคิดจะทำวิดีโอเด็ด หมา แมวลงไปใน Post ตัวเอง ถามก่อนว่ามันเหมาะกับตัวเองหรือไม่ ผู้บริโภคเข้ามาหาเราอยากดูอะไรเหล่านี้หรือไม่ ถ้าไม่แล้วลองเปลี่ยนแนวคิดไปเป็น Original Content/Exclusive Content ที่ไม่สามารถหาได้ที่ไหนนอกจากตัวคุณเอง ซึ่งวิธีการนี้เรียกว่า Knowlegde Marketing เพราะผู้คนมาหาแบรนด์ย่อมอยากได้ข้อมูลเชิงลึก หรือความเชี่ยวชาญของแบรนด์ในศาสตร์นั้น ๆ แทนที่คุณจะโพสเรื่องหมาแมว ทำไมคุณไม่ลองให้ความรู้เชิงลึก วิธีการใช้งาน หรือติดตามผลการใช้งานจากคนที่เข้ามาปฏิสัมพันธ์กับคุณเองดู จะทำให้คุณได้การสนทนาขึ้นมาอย่างมากมายบน Social Media คุณ
3. เผยความลับ
อย่างที่บอกไปว่าคนที่เข้ามาติดตามคุณนั้น ต้องการความ Exclusive คุณอย่างมาก หรือต้องการรู้เรื่องของคุณก่อนใคร หรือเรื่องที่คนอื่นนั้นไม่มีทางรู้ ดังนั้นความลับของคุณก็เป็นหนึ่งในเนื้อหาที่สามารถสร้างปฏิสัมพันธ์ได้อย่างมาก ทั้งนี้ไม่ต้องกลัวว่าความลับนั้นหลุดออกไปแล้วคนจะมาลอกเลียนแบบได้ขึ้นมา เพราะไม่มีใครสามารถเลียนแบบรายละเอียด เล็ก ๆ น้อย ๆ ในความลับเหล่านั้นได้ขึ้นมา ยกตัวอย่าง KFC ที่เอาความลับสูตรทอดไก่ของร้านมาสร้างเป็น Post ที่ได้ Engagement กันอย่างมากมายขึ้นมา หรือแม้แต่ความลับ เคล็ดลับบางอย่างก็สามารถกลายเป็นเนื้อหาที่ดีที่คนนั้นสามารถเอาไปประยุกต์ใช้ได้ในชีวิตตัวเองขึ้นมา ลองดูอย่าง Nifty ที่เอาเรื่อง DIY มานำเสนอ
4. ลองไปปฏิสัมพันธ์กับ Account อื่น ๆ
อีกวิธีการหนึ่งที่สามารถช่วยสร้างการปฏิสัมพันธ์ของคุณขึ้นมาได้อย่างมาก คือการเอา Account ของตัวเองไปปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นอย่างมีมารยาท ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้บริโภคเท่านั้น แต่ลองเอาไปเล่นสนทนากับแบรนด์อื่น ๆ ที่มีกลุ่มเป้าหมายที่ตรงกับคุณ หรือมีความสนใจที่คล้าย ๆ กัน ทั้งนี้จะสามารถสร้างความน่าสนใจและบทสนทนาต่าง ๆ เกิดขึ้นได้อย่างมากมายกับวิธีการนี้ ซึ่งในประเทศไทยเองก็เริ่มมี Account ต่าง ๆ ทำกัน แต่ในต่างประเทศนั้น Account Social Media ของ Brand มักมีกิจกรรมสนุก ๆ ในการพูดคุยระหว่างแบรนด์. จนถึงทำการท้าเล่นเกมกัน ทำให้ผู้บริโภคที่ติดตามแบรนด์ทั้งคู่ ต่างก็ได้รับความสนุกไปด้วย