เรื่องการวางงบประมาณทางการตลาดนั้นเป็นเรื่องสำคัญอย่างมากของนักการตลาด เพราะด้วยการวางงบประมาณที่ถูกต้องย่อมทำให้เกิดผลมากมายที่เกิดจากการลงทุนเพียงน้อยนิด แต่หลาย ๆ ครั้งสิ่งทีเ่กิดขึ้นจริงคือการลงเงินมากมายลงไป แต่แทบไม่เห็นผลตอบแทนเลย นั้นทำให้การวางแผนงบประมาณทางการเงินของนักการตลาดนั้นมีความสำคัญอย่างมากที่จะสามารถทำให้เกิดผลที่เกิดประสิทธิภาพสูงที่สุด ซึ่งด้วยการวางแผนนี้จำเป็นต้องเข้าใจจุดที่หลีกเลี่ยงความผิดพลาดเหล่านี้ เพื่อที่งบประมาณนั้นจะได้ใช้อย่างถูกต้อง
ทั้งนี้เรื่องการเงินนั้นเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก เพราะด้วยการลงทุนหรอการใช้เงินที่ผิดพลาดนั้นอาจจะก่อให้เกิดหายนะกับบริษัทเลยทีเดียว ดังที่เห็นตัวอย่างบริษัทดัง ๆ ในอดีตที่ล้มละลายหรือต้องปิดตัวไปเพราะสถานะการเงินที่ใช้เงินงบประมาณที่ผิดพลาด เพื่อไม่ให้เกิดกรณีที่ซ้ำร้อยกับบริษัทอื่น ๆ ที่แล้วมา ข้อผิดพลาด 5 ข้อที่นำมาเสนอในบทความนี้จะช่วยนักการตลาดหรือเจ้าของบริษัทที่ควรหลีกเลี่ยงได้ ซึ่งข้อผิดพลาดเหล่านี้มักจะเกิดเป็นประจำกับบริษัทต่าง ๆ ที่มีในตลาด
1. ทำธุรกิจในตลาดที่ไม่มีความต้องการ : นี้เป็นปัญหาคลาสสิกอย่างมากที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลาในวงการธุรกิจ ที่ไม่ว่าบริษัทใหญ่หรือเล็กก็สามารถเกิดขึ้นได้เช่นกัน ด้วยการที่บริษัทเหล่านี้ออกผลิตภัณฑหรอบริการตามความต้องการของตัวเอง โดยไม่ได้สนใจว่ามีความต้องการอยู่ในตลาดหรอไม่ ทำให้การสร้างผลิตภัณฑ์เหล่านั้นออกมา พร้อมทั้งทำการตลาดอย่างมากมาย สุดท้ายไม่ได้ผล และยิ่งแย่ไปกว่านั้นถ้าเจ้าของบริษัทหรือองค์กรนั้นมีอีโก้ ในความเชื่อตัวเองมาก ๆ ก็จะทำการลงทุนไปเรื่อย ๆ จนสุดท้ายจะไม่สามารถถอยหลังต่อไปได้ แถมมีความเจ็บตัวอย่างมากในการลงทุนนี้ ดังนั้นก่อนจะทำอะไรในการสร้างอะไรหรอลงทุนอะไรใหม่ ๆ การมีข้อมูลอย่างมากว่าสิ่งที่ทำนั้นจะมีความต้องการของตลาดอยู่รึเปล่า ถ้ามีคยวามต้องการนั้นคุ้มค่าที่จะทำการตลาดหรือไม่
2. ไม่มีเงินสดสำรอง : ในธุรกิจนั้นจะรู้จักคำพูดหนึ่งที่บอกว่า “Cash flow” นั้นสำคัญที่สุด เพราะธุรกิจส่วนใหญ่ทำธุรกิจหรือจ้างงาน Partner ต่าง ๆ ด้วยระบบ Credit Term ทำให้บริษัทที่เป็นคู่ค้าหรือเป็นเจ้าหนี้ต่าง ๆ นั้นต้องมีระบบกระแสเงินสดสำรองในบริษัทเอาไว้ เพื่อเป็นหลักประกันความผิดพลาดต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นคู่ค้าจ่ายเงินช้า หรือการเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นมา ทั้งนี้ถ้าคุณเป็นนักธุรกิจ หรือนักการตลาดการเซ็นตใยสั่งซื้อหรือใบเสนอราคานั้นไม่ได้บ่งชี้ว่าบริษัทคุณจะอยู่รอดได้ เพราะถ้าคุณเป็นเจ้าหนี้เยอะมาก แต่ไม่สามารถเก็บเงินมาได้ คุณต้องหมุนเงินตัวเองกับค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในบริษัท ด้วยเหตุนี้สุดท้ายแล้วล้มเพราะสายป่านนั้นยาวไม่พอ
3. ตั้งราคาผิด : การตั้งราคานั้นเรียกได้ว่าเป็นศาสตร์และศิลป์เลยทีเดียว เพราะด้วยราคาที่ถูกหรือผิดนั้นต่าวมีผลกระทบต่อฐานะงบประมาณทางการเงินได้ทั้งนั้น ตัวอย่างเช่นการตั้งราคาที่สูงเกินไป เพราะหวังกำไรมาก ๆ ถ้าสินค้าคุณไม่ได้มีความต้องการสูงในตลาด สิ่งที่เกิดขึ้นด้วยราคาที่สูงอย่างมากนั้นจะทำให้ขายไม่ออก และทำให้คุณต้องเสียงบประมาณในการรักษาสินค้าและบริการเอาไว้จนกว่าจะขายได้ ทำให้เสียงบประมาณในส่วนนี้โดยใช่เหตุ แต่ถ้าคุณตั้งราคาต่ำเกินไป แน่นอนด้วยราคาที่ต่ำนั้นไม่สามารถจะทำกำไรได้ ทำให้คุณต้องแบกรับต้นทุนทั้งหมดเพื่อทำราคาสินค้าให้ขายได้ออก ซึ่งจุดนี้รวมถึงการทำสงครามราคากับคู่แข่งด้วยที่เป็นหนทางหายนะมาหลาย ๆ บริษัทแล้ว
4. ไม่เข้าใจตลาดหรือนิสัยผู้บริโภค : ถ้าคุณต้องเดินทางในความมืด สิ่งที่คุณต้องการคือหลักประกันความปลอดภัยในการเดินทาง เช่นไฟ เพื่อจะส่องสว่างให้เห็นข้อมูลทางการเดินทาง เพื่อทำให้คุณเข้าใจได้ว่ากำลังจะเผชิญอะไรต่อไป เช่นเดียวกับการตลาดการมีข้อมูลหรือการเข้าใจสภาพแวดล้อมทางการตลาดและผู้บริโภคว่ามีนิสัยอย่างไร จะทำให้คุณคาดการณ์ได้ว่าเงินงบประมาณของตัวเองจะลงทุนอย่างไรต่อไป หลาย ๆ บริษัทเลือกการใช้ข้อมูลที่ผิดพลาด ทำให้เข้าใจตลาดและผู้บริโภคผิดไป สิ่งที่เกิดขึ้นคือการที่เอาเงินไปลงผิดที่ หรีอทำให้พลาดโอกาสทางการตลาดต่าง ๆ ไปมากมาย
5. ติดกับ Social Media : แน่นอน social media นั้นมีพลังในการทำการตลาดอย่างมาก และสามารถสร้างกระแสให้กับธุรกิจของนักการตลาดได้อย่างมากมาย สิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นอย่างมากคือการไม่สนใจในการใช้ Social Media หรือไม่เชื่อว่า Social Media จะช่วยคุณได้ นอกจากนี้ยังไปทำกระแสต่าง ๆ แข่งกับกระแสใน Social Media สิ่งที่ตามมาคือนักธุรกิจหรือนักการตลาดนั้นจะละลายเงินอย่างมากกับการทำการตลาดแบบไม่ฉลาดแบบนี้