การทำ E-mail Marketing นั้นเริ่มกลับมาได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน เพราะด้วยการที่สามารถติดต่อกับลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมายที่สนใจโดยตรงได้เลย สามารถหา insight ที่กลุ่มเป้าหมายสนใจได้จาก E-mail ที่ส่งไป จนถึงมีราคาและค่าใช้จ่ายที่ต่ำอย่างมากในการทำงานด้าน E-mail Marketing นี้ แต่หลาย ๆ ครั้งนักการตลาดก็มองข้ามวิธีการนี้ไป เพราะด้วยผลที่ได้ออกมาว่า การส่งไป แทบไม่มีคนอ่าน หรือไม่มีการเปิดของอีเมล์เลย ซึ่งจริง ๆ แล้วปัญหานี้สามารถแก้ไขได้ ถ้าเข้าใจว่าสาเหตุของการไม่เปิด E-mail ที่เข้ามาอ่านเหล่านั้น นั้นเป็นเพราะอะไร
ทั้งนี้ในชีวิตประจำวันของแต่ละคนนั้นรับการสื่อสารต่าง ๆ เยอะมาก ทำให้การอ่านอีเมล์นั้นกลายเป็นภาระที่ผู้บริโภครู้สึกว่าต้องทำให้เสร็จให้เร็วที่สุด ทำให้หลาย ๆ อีเมล์ที่ไม่มีความน่าสนใจนั้นหรือไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับตัวเอง จะถูกโยนทิ้งหรือถูกกาว่าเป็นจดหมายขยะขึ้นมา ซึ่งทำให้เกิดผลกระทบกับการทำการตลาดขึ้นมา จนทำให้นักการตลาดนั้นต่างถอยหนีวิธีนี้กัน ทั้งนี้เพื่อช่วยให้นักการตลาดที่อยากทำ E-mail Marketing ให้ดีขึ้น วันนี้จึงมี 5 วิธีที่จะช่วยนักการตลาดที่ส่งอีเมล์ออกไป ให้มียอดเปิดอีเมล์ที่เพิ่มขึ้นมาได้
1. เปลี่ยน Subject
ปัญหาหลาย ๆ ครั้งของการทำ E-mail Marketing ไม่ได้ผลคือการที่อีเมล์ที่ส่งออกไปนั้นไร้ความน่าสนใจอย่างมาก หรือมี Subject ที่ไม่ได้น่าดึงดูด หรือตรงกับความสนใจของผู้รับเลย ทำให้ผู้รับอีเมล์เหล่านั้นไม่เปิดอีเมล์อ่านเลย แย่ไปกว่านั้นบางอีเมล์ส่งไปใช้หัวข้อแบบ Spam เมล์ ทำให้ระบบกรองเมล์เหล่านั้นเข้าไปอยู่ในระบบแสปม หรือผู้รับเองก็กรองจดหมายเหล่านั้นเข้าไปสู่ระบบแสปม
ทั้งนี้เพื่อช่วยให้อัตราการเปิดจดหมายนั้นเพิ่มขึ้นมาได้ การมีศาสตร์และศิลป์ในการแต่ง subject นั้นเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก เพราะด้วยการเปลี่ยน Subject นี้ทำให้ยอดเปิดนั้นเพิ่มขึ้นกว่า 17.3% เลยทีเดียว ดังนั้นถ้าคุณส่งอีเมล์ไปแล้ว ปรากฏว่าไม่มีคนเปิดอีเมล์เลย คุณควรลองส่งไปใหม่อีกรอบหนึ่งด้วยการเปลี่ยนแปลง Subject ให้มีความน่าสนใจเพิ่มขึ้นหรือการทำ Personalised Subject นั้นก็ช่วยได้อย่างมาก
2. ส่งอีเมล์ให้พอดีมากขึ้น
การส่งอีเมล์ออกไปนั้นเรียกได้ว่าเป็นหลักการทางวิทยาศาสตร์เลยทีเดียว เพราะด้วยการส่งอีเมล์ที่มากเกินไปจะทำให้คนนั้นเกิดความรำคาญจนบอกว่าอีเมล์ที่ส่งมานั้นคือขยะ แต่ถ้าส่งน้อยเกินไปคนนั้นก็จะลืมอีเมล์และแบรนด์คุณที่ส่งออกไป ทำให้การทำอีเมล์นั้นไม่ได้ผล เพราะฉะนั้นนักการตลาดนั้นต้องหาให้ดีว่าจำนวนอีเมล์ที่ส่งในแต่ละเดือนนั้นควรเป็นเท่าไหร่
สิ่งหนึ่งที่ช่วยนักการตลาดได้ในวิธีนี้คือการทำ A/B Testing ว่าจำนวนอีเมล์เท่าไหร่ที่ได้ผลกับการทำการตลาดของตัวเอง ถ้ายังไม่รู้ก็ลองเริ่มจากตัวเลขของ HubSpot ที่บอกว่าส่งสำหรับคน B2B อยู่ที่ 16-30 อีเมล์ต่อเดือน และมีอัตราการกดอยู่ที่ 6% ซึ่งมากกว่าอัตราการกดอีเมล์ธุรกิจอยู่ทั่วไปถึง 2 เท่า ดังนั้นถ้าอีเมล์ส่งให้จำนวนที่ดี จะสามารถรักษาฐานสมาชิกและยังได้ลูกค้าเพิ่มขึ้นอีกด้วย
3. เลย์เอาท์อีเมล์นั้นสำคัญ
ปัจจุบันนนั้นคนอ่านอีเมล์ผ่านมือถือเป็นส่วนใหญ่ และทำให้อีเมล์ที่ส่งนั้นควรออกแบบมาสำหรับมือถือเลย ซึ่งนี้เป็นจุดผิดพลาดของการทำ E-mail Marketing ของนักการตลาดส่วนใหญ่ที่ยังออกแบบอีเมล์ที่อ่านได้ยากบนมือถือ เพราะเมื่ออ่านได้ยาก หรือดูได้ยากแล้วละก็จะทำให้คนรับอีเมล์นั้นไม่อยากจะอ่านอีเมล์ที่ส่งมาอีกต่อไป
ดังนั้นนักการตลาดควรรู้ว่าอีเมล์ที่ตัวเองส่งไปนั้นกำลังจะไปถูกนำเสนอที่ไหนขึ้นมา และผู้รับอ่านด้วยเครื่องมืออะไร มีปฏิสัมพันธ์กับอีเมล์อย่างไรนั้นต่อ ทำให้นักการตลาดนั้นจะสามารถออกแบบอีเมล์ที่เหมาะสมต่อสถานการณ์การอ่านในรูปแบบต่าง ๆ และเหมาะสมกับเครื่องมือที่อ่านอีกด้วย
4. Segment E-mails
หลาย ๆ ครั้ง อีเมล์ที่ไม่ถูกเปิดอ่านนั้นเป็นเพราะการที่ส่งอีเมล์ออกไป เหมือนกันหมดทุกคน ด้วยความคิดที่ว่า One Sized Fit All แต่ในความเป็นจริงแล้ว ผู้บริโภคแต่ละคนมีความต้องการที่แตกต่างกัน และต้องการได้ข้อมูลที่ตรงกับความสนใจของตัวเอง ดังนั้นการสร้าง Segment ของ E-mail นี้จะทำให้อัตราการเปิดนั้นเพิ่มขึ้น เพราะสามารถส่งอีเมล์ได้ตรงกับความสนใจในแต่ละ Segment ขึ้นมาได้
นอกจากนี้ข้อดีของการสร้าง Segment คือการที่ยังสามารถทำรอบส่งอีเมล์เป็นรอบ ๆ ได้ ทำให้อัตราการเปิดนั้นจะสูงกว่าการส่งอีเมล์ออกไปทั้งหมดในรอบเดียวกันขึ้นมา ทั้งนี้ด้วยวิธีการสร้าง Segmentation นี้พบว่ามีอัตราการกดเปิดกว่า 100.95%
5. อย่าลืมให้แชร์
สุดท้ายแล้วการทำ E-mail ให้ได้ผลนั้น อย่าคิดว่าให้จบที่อีเมล์เพียงอย่างเดียว แต่ต้องคิดถึงการสามารถต่อยอดจากอีเมล์เหล่านี้ไปยังเรื่องอื่น ๆ ได้ ตัวอย่างในที่นี้คือการสร้างปุ่มแชร์ไว้ในอีเมล์ที่ส่งไป ทำให้คนที่อ่านอีเมล์แล้วสนใจ สามารถแชร์ส่งที่น่าสนใจออกไปยัง Social Media ของตัวเองได้ทันที ทำให้การตลาดที่ตัวเองทำนั้นได้ผลและได้กลุ่มเป้าหมายเพิ่มขึ้นมาอีก