นวัตกรรมสร้างสรรค์ ‘ธุรกิจไอศกรีม’ ให้โตติดสปีดได้อย่างไร? เผยทุก อินไซต์-เทรนด์ ‘ตลาดไอศกรีม’ ผ่านมุมมอง ‘เต็ดตรา แพ้ค’ มืออาชีพด้านเทคโนโลยีไอศกรีมระดับโลก

  • 3.4K
  •  
  •  
  •  
  •  

 

ว่ากันว่าวันไหนที่รู้สึกห่อเหี่ยวใจ การทานไอศกรีมจะช่วยฟื้นฟูจิตใจทำให้รู้สึกสดชื่นมีพลังในการลุกขึ้นสู้ต่อไปได้ ดังนั้น หลายคนจึงมองว่าเมนูไอศกรีมคือความสุขเล็กๆ ที่เรียบง่ายของมวลมนุษยชาติ และแน่นอนว่าสำหรับประเทศไทย ที่ถูกยกให้เป็นประเทศที่มี 3 ฤดู คือร้อน ร้อนมาก และร้อนที่สุดนั้น ก็ก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในประเทศ 3 อันดับแรก ที่มีอัตราการเติบโตสูงสุดของตลาดไอศกรีมในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และแม้ว่าหลายธุรกิจจะได้รับผลกระทบจากโควิดถึง 2 ปี แต่ตลาดไอศกรีมก็ยังคงโตต่อเนื่อง และยังมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอีกด้วย

แต่ไม่เพียงแค่อัตราการเติบโตที่น่าสนใจ ตลาดไอศกรีมยังเป็นธุรกิจที่มีความพิเศษมีความน่าสนใจในหลายด้าน ซึ่งวันนี้เราจะมาเปิดเผยถึงอินไซต์ในมิติต่างๆ ของตลาดไอศกรีม โดยผู้ที่จะเปิดเผยมุมต่างๆ ของตลาดไอศกรีมเป็นบริษัทที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของแบรนด์ไอศกรีมระดับโลกต่างๆ มากมาย นั่นก็คือ “เต็ดตรา แพ้ค” โดย คุณสุภนัฐ รัตนทิพ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดของ บริษัท เต็ดตรา แพ้ค (ประเทศไทย) จำกัด จะมาเล่าให้เราฟังว่า ธุรกิจตลาดไอศกรีมที่หลายคนอาจจะมองว่าเป็นของหวานทานเล่น จะทำให้คุณทึ่งได้มากขนาดไหน

 

 

ไอศกรีม’ ธุรกิจแสนล้าน ‘ไทย’ ส่งออกอันดับ 1 ของอาเซียน

คุณสุภนัฐ เล่าถึงตลาดไอศกรีมว่า ถ้าเป็นตลาดโลกเราต้องยอมรับว่ามันค่อนข้างใหญ่มากทีเดียว เพราะว่ากลุ่มเป้าหมายกว้างมากเป็นได้ตั้งแต่เด็ก ผู้ใหญ่ ไปจนถึงคนสูงวัย ทั้งนี้ มีการประเมินกันว่าตลาดไอศกรีมโลกในปี 2021 มีมูลค่าสูงถึง 1.13 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ และมีการคาดการณ์กันว่าในปี 2027 จะเติบโตเพิ่มขึ้นไปอีกโดยไปแตะอยู่ที่ 1.65 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือว่าโตเฉลี่ยถึงปีละ 6.47% เลยทีเดียว ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่ดีมากๆ

ในขณะที่ตลาดเมืองไทย ก็น่าสนใจมากเช่นกันเพราะว่ามีอัตราการเติบโตที่สูงถึง 1.5% และมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 12,705 ล้านบาท ทำให้เราเป็นประเทศ 3 อันดับแรกที่มีการเติบโตสูงที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ในส่วนของภาคการส่งออกก็ยิ่งดีไปใหญ่เพราะถือว่าไทยเราอยู่ในอันดับ 4 ของโลกในเรื่องการส่งออกเป็นรองแค่ยุโรป อเมริกา และอังกฤษเท่านั้น ส่วนในระดับภูมิภาคอาเซียน ประเทศไทย ขึ้นอันดับ 1 ในฐานะผู้ส่งออกเลยทีเดียว

“นับเป็นตลาดที่ดีที่โตต่อเนื่อง แม้จะมีโควิด ก็ไม่ได้รับผลกระทบมากนัก ถ้าเทียบกับพวกตลาดเครื่องดื่ม ผู้บริโภคยังคงบริโภคอยู่ เพียงแต่ว่าพฤติกรรมการซื้ออาจจะมีการปรับเปลี่ยนไปบ้าง ทำให้เห็นว่ามีการโตต่อเนื่อง และยังเห็นด้วยว่ายังมีเจ้าเล็กๆ เข้ามาในตลาดเยอะขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มตลาดโฮมเมดหรือเป็นบูธีคไอศกรีม ซึ่งกลุ่มนี้มีปริมาณที่เพิ่มขึ้นและเน้นการสร้างสรรค์รสชาติใหม่ๆ ช่วยสร้างสีสันให้กับตลาดได้อย่างน่าสนใจเลย”

 


 

เทรนด์ไอศกรีม และการเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภค

ในมุมของการเติบโตอย่างที่เห็นว่าเติบโตต่อเนื่องและเป็นตลาดที่ไปได้สวยทีเดียว แต่ไม่ได้หมายความว่าตลาดไอศกรีมจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรเลย คุณสุภนัฐ ระบุว่า จุดที่น่าสังเกตของตลาดนี้คือ การบริโภคโตแต่พฤติกรรมการบริโภคเปลี่ยนไป ซึ่งในช่วงโควิดที่ผ่านมาเราได้เห็นมุมนี้เกิดขึ้นมาก โดยอดีตไอศกรีมเป็นกลุ่ม Impulse product (ผลิตภัณฑ์ที่ซื้อฉับพลัน โดยไม่ได้มีการวางแผนในการซื้อไว้ก่อน) แต่ในช่วงที่เกิดโควิด เราเห็นชัดเจนเลยว่าผู้บริโภคมีการแพลนการซื้อไอศกรีมทานกัน มีการซื้อตุนไปมากกว่าเดิม เพราะไม่ต้องการออกจากบ้านบ่อยๆ หรือออกไม่ค่อยได้ อันนี้คือการเปลี่ยนแปลงในมุมของผู้บริโภค

ขณะที่มุมของธุรกิจไอศกรีมก็พบว่า ปัจจุบันการทำไอศกรีมต้องมีสตอรี่ (Story telling) คือไม่สามารถจะมีรสชาติเดิมอย่างวนิลา ช็อกโกลแลตชิพ สตรอว์เบอร์รี ฯลฯ แค่นี้ได้อีกต่อไปแล้ว แต่มันจะต้องมีสตอรี่ต่อว่า รสชาตินี้มาจากอะไร คือเรื่องของรสชาติใหม่ๆ เกิดขึ้น อาจจะสร้างสรรค์เองหรือไปคอลแล็บฯ กับแบรนด์อื่นๆ เช่น ร่วมกับแบรนด์ช็อกโกแลตยี่ห้อดัง เป็นต้น รวมไปถึงเรื่องการครีเอทรูปลักษณ์ใหม่ๆ ที่แปลกตา เพื่อตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคที่จะต้องแชะแชร์โชว์ในโลกโซเชียลฯ ด้วย

นอกเหนือจากการเปลี่ยนแปลงทั้งในมุมผู้บริโภคและการสร้างสรรค์ใหม่ๆ ของธุรกิจไอศกรีมก็ยังทำให้เกิดเทรนด์ที่น่าสนใจ ซึ่งแม้ว่าตอนนี้ตลาดกลุ่ม Ice cream dairy-based ยังเป็นตลาดใหญ่อยู่และโตต่อเนื่อง แต่ก็พบเทรนด์ใหม่ที่เกิดขึ้นมาจากเทรนด์รักสุขภาพ (Health Trend) ได้แก่ เทรนด์ของ Plant-based และเทรนด์ของไอศกรีมน้ำตาลน้อย เป็นต้น ซึ่งถือเป็นเทรนด์ไอศกรีมใหม่ที่มาแรงมากทีเดียว แต่อย่างไรก็ตามเรื่องของรสชาติยังมีความสำคัญอยู่อย่างแน่นอน นั่นจึงทำให้เรื่องของนวัตกรรมและเทคโนโลยีเข้ามาเป็นโซลูชันสำคัญที่ทำให้ธุรกิจโตต่อได้

“ดังนั้น ทั้งหมดนี้จึงเป็นโอกาสสำคัญที่ทำให้เราพบว่า กลุ่มผู้ประกอบการแบบโฮมเมดและบูธีคไอศกรีม ที่เริ่มมีมากขึ้นในตลาด และเขามีความต้องการที่จะสเกลอัปธุรกิจให้ใหญ่ขึ้น อยากจะเติบโตในมุมเชิงพาณิชย์เพิ่มขึ้นเป็นในระดับ Industrial scale ซึ่งตอนนี้เริ่มมีหลายรายที่เข้ามาคุยกับเต็ดตรา แพ้ค”

 

 

3 บริการโดย เต็ดตรา แพ้คตอบโจทย์อย่างครบวงจร

ด้วยการเติบโตของตลาดและรูปแบบตลาดที่เปลี่ยนไปตามพฤติกรรมผู้บริโภค ดังนั้น เต็ดตรา แพ้ค ซึ่งมีประสบการณ์มากกว่า 70 ปี และยังได้ร่วมงานกับลูกค้าที่เป็นผู้ประกอบการธุรกิจไอศกรีมชั้นนำจากหลากหลายประเทศ และมีการพัฒนาต่อยอดทั้งมุมนวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์ ทำให้เราอยากที่จะเข้ามามีส่วนช่วยเติมเต็มในธุรกิจไอศกรีมของไทยให้กับผู้ประกอบการในทุกระดับผ่านนวัตกรรมใหม่ๆ ที่เรามีบนจุดแข็งสำคัญ 3 ประการ ดังนี้

  1. Good Equipment คือ การมีเครื่องจักร เครื่องมือ อุปกรณ์ที่ทันสมัย สามารถตอบโจทย์ได้ทุกความต้องการของผู้ประกอบการ ตั้งแต่รายเล็กที่ต้องการสเกลอัปให้ธุรกิจเติบโตยิ่งขึ้น ไปจนถึงผู้ประกอบรายใหญ่ที่ต้องการทำให้กระบวนการผลิตมีความคงที่ เกิดความเสถียรทั้งในเรื่องของคุณภาพและรวมไปถึงสามารถควบคุมต้นทุนได้ดีด้วย อย่างอุปกรณ์การผลิตที่เป็นหัวใจสำคัญของการเริ่มผลิตก็คือ Freezer เป็นเครื่องแปรรูปไอศกรีมจากของเหลวให้มีความหนืดเพิ่มรสสัมผัส ซึ่ง Freezer ของเต็ดตรา แพ้ค พิเศษตรงที่ใช้ซอฟต์แวร์ระบบดิจิทัลเข้ามาช่วยทำให้ผลิตภัณฑ์คงตัว มีความเสถียร และได้คุณภาพตามต้องการ
  2. Good Ingredients หลายคนอาจจะไม่รู้ว่า เต็ดตรา แพ้ค ช่วยลูกค้ามองหาแหล่งส่วนผสมวัตถุดิบให้กับลูกค้าด้วย เพราะว่าเรามีพาร์ทเนอร์ทั่วโลก เราสามารถหาวัตถุดิบคุณภาพและหลากหลายได้ ตั้งแต่ นมผง สารทดแทนความหวาน หรือผลิตภัณฑ์แทนนม ฯลฯ เราก็สามารถช่วยลูกค้าในการเสาะแสวงหา Ingredient ชั้นดีได้ โดยเราจะช่วยลูกค้าในการระดมสมองไอเดียในการรังสรรค์ไอศกรีมรสชาติใหม่หรือรูปลักษณ์ใหม่ ผ่านศูนย์พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เราเรียกว่า PDC (Product development center) ที่จะช่วยให้ผู้ผลิตสามารถไปถึงเป้าหมายในสิ่งที่เขาต้องการได้อย่างเป็นรูปธรรม
  3. Good Services เป็นบริการหลังการขายที่เราพร้อมอยู่กับลูกค้าไปตลอด เพื่อให้แน่ใจว่าหลังจากที่ผู้ผลิตได้รับอุปกรณ์เครื่องจักร ผลิตภัณฑ์และบริการจากเราไปแล้ว จะสามารถสร้างประสิทธิภาพที่ดีที่สุดในการทำงาน เพื่อให้ลูกค้าได้คุ้มต้นทุนและได้ผลิตภัณฑ์ที่ดีมีคุณภาพออกไปสู่มือผู้บริโภค

“เกือบครึ่งหนึ่งของไอศกรีมทั่วโลกผลิตโดยเครื่องจักรของเต็ดตรา แพ้ค หลังจากทำงานร่วมกับผู้ผลิตไอศกรีมชั้นนำควบคู่ไปกับการสร้างนวัตกรรมการผลิตมาเป็นเวลากว่าหลายสิบปี เต็ดตรา แพ้ค ได้กลายมาเป็น ธุรกิจไอศรีมแบบครบวงจร (End to End Solution) คือตั้งแต่เครื่องผสมไอศกรีม เครื่องแปรรูปไอศกรีม เครื่องเติมส่วนผสม และ เครื่องขึ้นรูปไอศกรีม โซลูชันจากต้นน้ำไปจนถึงปลายทางธุรกิจนี้ และเรายังมีส่วนประกอบที่ตอบสนองความต้องการของผู้ผลิต เพื่อใส่ลงไปในผลิตภัณฑ์ไอศกรีม ตั้งแต่นมผง สารทดแทน ส่วนผสมเพิ่มความคงตัว รสชาติและสีสัน รวมถึงไม้ไอศกรีม และโคนหรือบิสกิตต่างๆ อีกด้วย”

 

 

ความท้าทายของธุรกิจไอศกรีม กับเป้าหมายโตต่อเนื่อง

เมื่อถามถึงความท้าทายในการเป็นเบอร์หนึ่งของบริษัทด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ไอศกรีมระดับโลกคุณสุภนัฐ กล่าวว่า ด้วยประสบการณ์หลายสิบปีในตลาด เราทำงานร่วมกับแบรนด์ทั่วโลกซึ่งเราได้เรียนรู้ แลกเปลี่ยน และเก็บเกี่ยวประสบการณ์มามากมาย ซึ่งเราได้นำเอาองค์ความรู้ตรงนั้นมาพัฒนา ปรับปรุง และต่อยอดตัวเองอยู่เสมอ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าเทคโนโลยีที่เรามีอยู่มีความทันสมัยและสามารถสนองตอบความต้องการของผู้ผลิตและผู้บริโภคได้ ดังนั้น หากจะพูดถึงความท้าทาย สำหรับเราก็คือ เราจะเอาเทคโนโลยีใหม่ๆ นี้มาใส่ในเครื่องจักรหรืออุปกรณ์ต่างๆ ของเราอย่างไร เพื่อที่จะให้มีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อมาสร้างผลิตภัณฑ์แปลกๆ ใหม่ๆ ได้ โดยที่ลูกค้ายังสามารถควบคุมต้นทุนได้ดีเหมือนเดิม

ส่วนในแง่การเติบโตนั้น หลังจากการเปิดตัวในครั้งนี้เราก็มองว่าผู้ผลิตที่อยู่ในธุรกิจไอศกรีมจะได้รู้จักกับเรามากขึ้น และขณะเดียวกันผู้ที่อยู่ในแวดวงอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มอาจจะมองเห็นโอกาสในการแตกไลน์ธุรกิจในด้านนี้ ซึ่งเราก็คาดหวังว่าเราจะสามารถโตไปพร้อมกับการโตของตลาด ซึ่งอยู่ที่ประมาณปีละ 4-5%

 


 

สร้างความแตกต่างเคล็ดลับสู่ความสำเร็จ

สำหรับคำแนะนำให้แก่ผู้ประกอบการที่จะลุยในธุรกิจไอศกรีม คุณสุภนัฐ ย้ำว่า ส่วนตัวมองว่าธุรกิจไอศกรีมไม่ใช่ธุรกิจที่ยากเกินไป เราสามารถเริ่มต้นจากสเกลที่ไม่ใหญ่มากนักก่อนได้ แต่สิ่งสำคัญคือเราต้องโฟกัสเรื่องของคุณภาพ รสชาติ และเท็กซ์เจอร์เนื้อไอศกรีมให้ดี เพื่อที่จะทำให้ผู้บริโภคเกิดความประทับใจเวลาที่ได้ลิ้มลองก็รู้สึกอยากจะกลับมาทานซ้ำอีก

ส่วนรายใหม่ๆ ที่อยากจะเข้ามาในธุรกิจนี้ก็อาจจะต้องโฟกัสในเรื่องของการสร้างความแตกต่าง (Differentiate) ว่าจะเข้ามาสร้างความแตกต่างในตลาดได้อย่างไร ในขณะเดียวกันก็ต้องรักษาคุณภาพให้ดี เพราะว่าเจ้าตลาดเดิมเขาเซ็ท benchmark ที่ดีเอาไว้อยู่ เพราะฉะนั้นหากมีรายใหม่จะเข้ามาก็ต้องมาอยู่ใน benchmark นี้ให้ได้ก่อนที่จะไต่ขึ้นไปเรื่อยๆ อย่างไรก็ตาม ตลาดไอศกรีมก็มีหลายระดับ ตั้งแต่แมส ไปจนถึง พรีเมียม และซูเปอร์พรีเมียมเลย ก็ขึ้นอยู่ที่ว่าจะเขามาอยู่ในระดับไหน

“เต็ดตรา แพ้ค เราพร้อมดูแลลูกค้าได้ในทุกแง่มุมของกระบวนการผลิตไอศกรีม ตั้งแต่ไอเดียการผลิตไปจนถึงระบบดิจิทัลสู่การใช้บรรจุภัณฑ์และอื่นๆ ซึ่งรวมไปถึงอุปกรณ์การผลิต วัตถุดิบ การดูแลด้านวิศวกรรมและวิศวกรสนับสนุนการดำเนินงานในโรงงานลูกค้า ดังนั้น วันนี้เราอยากจะบอกกับผู้ประกอบการว่า เรามีพร้อมทุกอย่าง หากคุณอยากขยายกำลังการผลิตหรือว่าสร้างการเติบโตแบบสเกลอัป เราคือ onestop service ที่พร้อมให้บริการอยู่ตรงนี้แล้ว”

เรียกได้ว่าเป็นข้อมูลอินไซต์ที่น่าสนใจและมีหลายอย่างที่เราก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าตลาดไอศกรีมจะน่าทึ่งได้ขนาดนี้ และที่สำคัญคือ เต็ดตรา แพ้ค ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้นำระดับโลกด้านโซลูชันการผลิตและบรรจุภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม จะมีความเชี่ยวชาญในกลุ่มผลิตภัณฑ์ไอศกรีม ที่พร้อมจะขับเคลื่อนให้ธุรกิจไอศกรีมไทยเติบโตก้าวไปข้างหน้ายืนเทียบเคียงในระดับโลกได้อีกด้วย ซึ่งถ้าใครสนใจอยากจะร่วมงานกับมืออาชีพอย่าง “เต็ดตรา แพ้ค” ก็สามารถเข้าไปศึกษารายละเอียดต่อได้ที่  โซลูชันครบวงจรด้านไอศกรีมของเต็ดตรา แพ้ค หรือที่ Facebook @TetraPakThailand


  • 3.4K
  •  
  •  
  •  
  •