การจากไปของนิตยสารไทยที่อยู่ได้ด้วยรายได้หลักจากยอดขาย (มิใช่โฆษณา) อย่าง “คู่สร้างคู่สม” ที่มาพร้อมเหตุผลเท่ๆ จากผู้ก่อตั้งที่ว่าเขาชอบทำนิตยสาร ชอบอยู่กับการเขียน กระดาษ การจัดหน้า ฉะนั้นเมื่อสื่อใหม่ที่ฟรีและไวกว่าอย่างโซเชียลเข้ามาแย่งซีน จึงประกาศปิดตัวไปแบบถาวร
เหตุการณ์นี้เหมือนเป็นจดหมายเหตุให้คนในวงการ นักวิเคราะห์การตลาดรีบฟันธงไปเลยว่า “สื่อดั้งเดิม” ตายแน่ๆ
ดังนั้นลองมาดูว่า “บลูมเบิร์ก (Bloomberg)” คนทำข่าวผ่านทีวีมาหลายทศวรรษ เขาจะมีการปรับตัวแบบมืออาชีพอย่างไร?
คำตอบก็คือ ปรับทั้งเนื้อหา วิธีการนำเสนอ และพื้นที่ในการนำเสนอใหม่ทั้งหมด จนออกมาเป็น “ทิกท็อก (TicToc)” สถานีข่าว 24 ชั่วโมงที่รายสดเฉพาะบนทวิตเตอร์เท่านั้น โดยมีกลุ่มเป้าหมายคือ คนรุ่นใหม่ ที่ใช้มือถือตลอดเวลา
ทีมงานได้นำนักข่าวและนักวิเคราะห์กว่า 2,700 คน ที่ทำอยู่ในประเทศต่างๆ 120 ประเทศทั่วโลก มาร่วมวงทำข่าวอย่างจริงจังบนทิกท็อก
และนี่คือหน้าตาของ “ทิกท็อก (TicToc)” สถานีข่าว 24 ชั่วโมงบนทวิตเตอร์ จุดเด่นคือ เปิดมาทีเดียวเห็นสองจอ ที่เป็นความตั้งใจให้จอซ้ายสำหรับดูคลิปใหม่ๆ และจอขวาดูหัวข้อข่าวล่าสุด หน้าตาแบบนี้ยากที่จะคุ้นชินสำหรับผู้หลักผู้ใหญ่ แต่เหมาะมากสำหรับการติดตามเหตุการณ์ถ่ายทอดสดอีเว้นท์ใหญ่ๆ อาทิ งานออสการ์ แมทช์ฟุตบอลสำคัญ เพราะดูทั้งคลิป และอ่านข่าวล่าสุดได้ในเวลาเดียวกัน
ที่มาของ TicToc จริงๆ แล้วเป็นความตั้งใจของ “ทวิตเตอร์” ที่ต้องการหาพันธมิตรคนดังมาใช้พื้นที่ของตนในการนำเสนอเนื้อหาแบบคลิปวิดีโอให้มากขึ้น และบลูมเบิร์กก็เป็นหนึ่งใน 35 พันธมิตรใหญ่นั้น
ในตอนนี้ยังไม่การเปิดเผยถึงการแบ่งปันรายได้ระหว่างทวิตเตอร์และบลูมเบิร์ก แต่ถึงอย่างไร ผู้ที่ได้ภาพลักษณ์ว่าเป็นสำนักข่าวสุดอินเทรนด์ และน่าเชื่อถือสำหรับวัยทีนก็คือ บลูมเบิร์กนั่นเอง
ดูวิดีโอพูดถึงที่มาที่ไปของ TicToc ได้ที่นี่