หลังเป็นประเด็นร้อนมาตลอดทั้งวัน เกี่ยวกับกระแสข่าว ‘ช่อง 3’ ปลดพนักงานฟ้าผ่าเกือบร้อยคน ล่าสุดทาง ฝ่ายประชาสัมพันธ์ ของทางช่อง 3 ได้ส่งข้อความชี้แจงเรื่องที่เกิดขึ้นว่า มีข้อมูลคลาดเคลื่อน โดยมีใจความว่า
เรียนท่านสื่อมวลชน
ตามที่มีการรายงานข่าวเกี่ยวกับการเลิกจ้างพนักงาน ของไทยทีวีสีช่อง 3 มาก่อนหน้านี้ ไทยทีวีสีช่อง 3 ขอเรียนแจ้งข้อเท็จจริง เนื่องจากกระแสข่าวดังกล่าวมีความคลาดเคลื่อนในเนื้อหาที่นำเสนอ ดังนี้
๑. ในช่วงที่ผ่านมาไทยทีวีสีช่อง 3 ได้ดำเนินการปรับโครงสร้างองค์กรให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยพิจารณาถึงจำนวนพนักงานและการตอบแทนพนักงานหลังเกษียณอายุ เนื่องจากไทยทีวีสีช่อง 3 มีจำนวนพนักงานจำนวนหนึ่งที่อายุเกินกว่า 60 ปี ดังนั้นโครงการเกษียณอายุ จึงถือเป็นทางเลือกให้กับพนักงานกลุ่มนี้ ซึ่งจำนวนผลตอบแทนที่มอบให้ในโครงการเกษียณก็สูงกว่าสิ่งที่กฏหมายแรงงานได้กำหนดไว้ พร้อมทั้งยังมีการมอบประกันสุขภาพให้พนักงานที่เข้าโครงการต่อไป เพื่อให้พนักงานยังสามารถมีประกันสุขภาพดูแลตนเองต่อไปแม้จะเกษียณอายุไปแล้ว
๒. กรณีที่พนักงานรับเงินตามโครงสร้างการเกษียณแล้ว แต่บริษัทยังเล็งเห็นศักยภาพว่ายังสามารถปฏิบัติภารกิจในตำแหน่งงานนั้นได้ต่อไปอย่างเต็มที่ พนักงานผู้นั้นก็จะได้รับการว่าจ้างต่อไปตามความเหมาะสม
๓. ตามที่มีกระแสข่าวออกมาว่า ทางไทยทีวีสีช่อง 3 มีการปลดพนักงานกว่า 80 คนนั้นคลาดเคลื่อนจากความเป็นความจริง เพราะขณะนี้บริษัทยังอยู่ในการพิจารณาอัตรากำลังที่เหมาะสมกับสภาวะเศรษฐกิจของทีวีดิจิตอล ซึ่งยังไม่ได้มีเป้าหมายหรือตัวเลขที่ชัดเจนแต่อย่างใด
๔. อีกทั้งกรณีที่มีการเสนอข่าวว่า มีการปลดพนักงานอายุระหว่าง 40-55 ปีนั้นก็ไม่เป็นความจริง เพราะที่จริงแล้วพนักงานในวัยนี้ถือเป็นกำลังสำคัญต่อการผลิตผลงานคุณภาพของไทยทีวีสีช่อง 3
ไทยทีวีสีช่อง 3 ตระหนักถึงความสำคัญของบุคลากรอยู่เสมอ เพราะพวกเขาเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรและผลิตผลงานคุณภาพเพื่อผู้ชม สำหรับโครงการนี้ก็เป็นสิ่งที่เราทำเพื่อปรับองค์กรให้เข้ากับสภาวะตลาด และเพื่อให้พนักงานได้มีโอกาสเลือกแผนในการดำเนินชีวิตของเขาต่อไป
จึงใคร่ขอเรียนชี้แจงข้อเท็จจริงให้กับท่านสื่อมวลชนตามนี้
ขอขอบพระคุณ
ไทยทีวีสีช่อง 3
อย่างไรก็ตาม กระแสข่าวปลดคนของช่อง 3 มีมาตั้งแต่ช่วงปีที่ผ่านมา หลังจากผลประกอบการของบริษัท บีอีซี เวิล์ด จำกัด(มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของช่อง 3 ลดลงต่อเนื่อง จากภาระต้นทุนจากค่าลิขสิทธิ์ทีวีดิจิทัลที่ถืออยู่จำนวน 3 ช่อง ได้แก่ ช่อง 3 HD (ช่อง 33) , ช่อง 3 SD (ช่อง 28) และ ช่อง family (ช่อง 13) และรายได้จากการขายโฆษณาไม่เป็นไปตามเป้าหมาย
รวมถึงมีการลาออกของผู้บริหารอย่างต่อเนื่อง อย่างเมื่อวันที่ 30 พ.ย.ที่ผ่านมา ทางช่อง 3 ได้ทำหนังสือแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยถึงการลาออกของ ‘อรนา ตั๋นเจริญ’ หัวหน้าคณะผู้บริหารสายงานวิจัย มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.2561 เป็นต้นไป
ส่วนผลประกอบการนั้น ในปี 2560 มีรายได้อยู่ที่ 11,226.06 ล้านบาท กำไร 61.01 ล้านบาท และในไตรมาส 3 ของปี 2561 ทำรายได้ไป 7,939.55 ล้านบาท ขาดทุน 70.26 ล้านบาท