อย่างที่ทราบกันดีว่า ช่วงการแพร่ระบาดที่ผ่านมาอุปกรณ์อิเลคทรอนิกส์หลายอย่างได้รับความนิยม ทั้งเพื่อใช้ในการทำงานและเพื่อผ่อนคลายในช่วงที่ต้อง Work from Home จนส่งผลให้มียอดขายเพิ่มขึ้นอย่างมาก บางอุปกรณ์เกิดปัญหาราคาปรับตัวสูงขึ้น เป็นผลมาจาก Margin ที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นและบางอุปกรณ์ก็ขาดแคลน เนื่องจากผลิตไม่ทันต่อความต้องการ
หนึ่งในปัญหาการขาดแคลนที่สำคัญคือการขาดแคลน “ชิปเซมิคอนดักเตอร์” ที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน ส่งผลให้อุปกรณ์ยอดนิยมอย่าง iPhone และ PlayStation กำลังประสบปัญหาการผลิต อีกทั้งยังเป็นปัญหาต่อเนื่องมาจากช่วงสงครามการค้าจีน-สหรัฐที่ผ่านมา ซึ่งมีการกักตุนเซมิคอนดักเตอร์ นอกจากนี้อุตสาหกรรมรถยนต์ที่กำลังก้าวสู่ยานยนต์ไฟฟ้า จำเป็นต้องใช้เซมิคอนดักเตอร์ด้วยเช่นกัน
โดยมีรายงานว่า ยอดขาย iPhone เริ่มได้รับผลกระทบจากปัญหาขาดแคลนชิปเซมิคอนดักเตอร์ รวมไปถึงเครื่องเล่นเกมอย่าง PlayStation 5 ของ SONY และเครื่องเล่นเกม Xbox ของ Microsoft รวมถึง บริษัท Qualcomm ผู้ผลิตชิปมือถือรายใหญ่ที่สุดของโลกที่ใช้เซมิคอนดักเตอร์เป็นส่วนประกอบและ AMD ผู้ผลิตไมโครโปรเซสเซอร์รายใหญ่
แม้ว่าจะมีบริษัทผู้ผลิตชิปในสหรัฐฯ จำนวนมาก แต่ส่วนใหญ่เป็นบริษัทในการออกแบบชิป ขณะที่การผลิตขั้นพื้นฐานส่วนใหญ่อยู่ในทวีปเอเชีย โดยเฉพาะในไต้หวันซึ่งมีคำสั่งผลิตชิปเซมิคอนดักเตอร์สำหรับในอุตสาหกรรมรถยนต์จำนวนมาก การเปิดตัวเทคโนโลยี 5G ยิ่งเพิ่มกระบวนการผลิตชิปเซมิคอนดักเตอร์ในอุตสาหกรรมสมาร์ทโฟน จนทำให้ความต้องการชิปเซมิคอนดักเตอร์สูงกว่ากำลังการผลิต
หลายบริษัทยักษ์ใหญ่มองเห็นปัญหาที่จะเกิดขึ้นจึงเร่งกักตุนชิปเซมิคอนดักเตอร์ ก่อนที่จะเกิดปัญหาการขาดแคลนทั่วโลก ซึ่งปัญหาการขาดแคลนชิปเซมิคอนดักเตอร์อาจส่งผลให้ต้องชะลอการผลิตรถยนต์เกือบหนึ่งล้านคันในไตรมาสแรกของปีนี้ โดยคาดว่าปัญหาจะบรรเทาลง หลังมีการฉีดวัคซีนทั่วโลกซึ่งจะช่วยให้โรงงานผลิตสามารถกลับมาทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ
Source: Japan Today