ลงทุนทั้งทีต้องคุ้มค่าที่สุด “LTF-RMF” เลือกให้แล้วว่าดี จาก KAsset บลจ.ยอดเยี่ยมแห่งปีจากเวที SET Awards 2018

  • 4.9K
  •  
  •  
  •  
  •  

MarketingOops_KDLTF

บรรยากาศช่วงสิ้นปีแบบนี้ นอกจากชวนให้นึกถึงเทศกาลหยุดยาวที่หลายคนเริ่มวางแผนท่องเที่ยวกันแล้ว แน่นอนว่าวัยทำงานอย่างเราก็เริ่มวางแผน “หาตัวช่วย” เพื่อการลดหย่อนภาษี หรือแม้แต่เพิ่มช่องทางลงทุน สร้างความมั่นคงให้ชีวิตที่ได้มากกว่าการออมเงิน ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ “LTF-RMF” จะเป็นกองทุนที่หลายๆคนเทใจเลือกลงทุน เพื่อรับประโยชน์ 2 ทาง ทั้งสิทธิลดหย่อนภาษีและได้ผลตอบแทนจากการลงทุน

แต่โจทย์ใหญ่ของเรื่องนี้ไม่ได้อยู่ที่ คุณจะเลือก LTF (กองทุนรวมหุ้นระยะยาว) หรือ RMF (กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ) เพราะนั่นเป็นโจทย์เริ่มต้นที่ต้องตัดสินใจเลือกให้เหมาะสมกับความต้องการในการรับประโยชน์และการเก็บออมก่อนอยู่แล้ว แต่โจทย์ใหญ่ของจริง คือ กองทุนใดจะสร้างความคุ้มค่าได้สูงสุด

อย่างที่บอกว่าช่วงปลายปีเป็นจังหวะที่คนส่วนใหญ่กำลังมองหาและเตรียมตัวนำเงินไปลงทุนก่อนถึงฤดูเสียภาษีเงินได้ ทำให้กองทุนต่างๆ ทยอยออกมาแนะนำตัวอย่างคึกคัก ทั้งตอกย้ำด้วยตัวเลขผลตอบแทน ผลการจัดอันดับจากสถาบันชั้นนำ เพื่อโน้มน้าวใจผู้ลงทุน แต่สิ่งที่นักลงทุนมือใหม่ควรรู้ก็คือ ผลตอบแทนไม่ได้สำคัญแค่ตัวเลขสูงๆ ระยะสั้น แต่ยังมีความเสี่ยงจากหลายปัจจัย รวมทั้งแนวโน้มเศรษฐกิจที่ต้องจับตาทั้งระดับประเทศและระดับโลก ก็เป็นประเด็นสำคัญที่เราต้องพิจารณา

SET_1

ต้องยอมรับว่าเมื่อมีโอกาสศึกษาเรื่อง LTF และ RMF ก็ทำให้เราต้องพยายามมองหากองทุนที่มีศักยภาพแข็งแกร่งและโดดเด่นกว่ากองทุนทั่วไป รวมทั้งการบริหารจัดการกองทุนจากมืออาชีพก็เป็นอีกเหตุผลสำคัญที่ทำให้การลงทุนครั้งนี้ได้ผลคุ้มค่าตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ อย่างล่าสุดบลจ.ชั้นนำอย่าง บลจ.กสิกรไทย หรือ KAsset ก็เพิ่งคว้ารางวัลบลจ.ยอดเยี่ยมแห่งปี จากเวที SET Awards 2018 ไปหมาดๆ ทำให้กองทุน “KDLTF” และ “KEQRMF” ที่เป็นกองทุนยอดนิยมประจำปีของกสิกร เป็น 2 กองทุนที่เข้าตาและเหมาะสมแก่การเปิดใจพิจารณา

เริ่มกันที่ KDLTF กองทุนเปิดเค หุ้นระยะยาวปันผล

จุดเด่นที่เราสรุปมาให้แบบตรงประเด็นของกองทุน KDLTF คือ มีการคัดเลือกหุ้นปัจจัยพื้นฐานดี

มีความมั่นคงสูงและให้ผลตอบแทนที่เหมาะสม ขณะเดียวกันก็มีการลงทุนแบบกระจายในหลากหลายอุตสาหกรรม เพื่อรับการเปลี่ยนแปลงและสามารถสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในทุกภาวะตลาดด้วย ส่วนเรื่องการจ่ายปันผลนั้น มีการจ่ายปันผลสม่ำเสมอทุกปีตั้งแต่จัดตั้งกองทุน เมื่อ 19 ต.ค.2547 รวมทั้งสิ้น 22 ครั้ง รวมเป็นเงิน 9.83 บาท ทั้งยังมีอัตราการจ่ายเงินปันผลในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา (Dividend Yield) ที่ระดับ 8.19% ต่อปี (ข้อมูลจาก Morningstar 31 ต.ค. 2561) ซึ่งถือว่าเป็นกองทุนปันผลสูงสุดของกสิกรไทยเลย และด้วยเงื่อนไขของกองทุน LTF ที่ต้องถือยาว 7 ปีปฏิทินขึ้นไป การเลือกกองทุนที่มีปันผลอย่างสม่ำเสมอ จึงเหมือนได้กำไรระหว่างทางไปด้วยนั่นเอง

KEQRMF กองทุนเปิดเค หุ้นทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ

แน่นอนว่าเป็นอีกหนึ่งกองทุน ซึ่งคัดเลือกและลงทุนหุ้นขนาดใหญ่ที่มีความมั่นคงสูง โดยเฉพาะกลุ่มผู้นำอุตสาหกรรมและมีผลการดำเนินงานโดดเด่น สามารถสร้างกำไรอย่างสม่ำเสมอ ขณะเดียวกัน ยังกระจายการลงทุนหลายกลุ่มอุตสาหกรรมเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ และสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในทุกสภาวะตลาด นอกจากนี้ยังมีการกระจายลงทุนบางส่วนในต่างประเทศด้วย กลายเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมกองทุน KEQRMF สามารถทำผลตอบแทนติดอันดับ Quartile ที่ 1 และ 2 เปรียบเทียบจากกองทุน RMF ที่เน้นลงทุนหุ้นไทยทั้งหมดในอุตสาหกรรม 48 กองทุน อย่างสม่ำเสมอตลอดระยะเวลาการลงทุน 5 ปีย้อนหลังที่ผ่านมา (ที่มา: Morningstar ณ 31 ต.ค. 61) อีกทั้งช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ยังสามารถทำผลตอบแทนได้อย่างโดดเด่นเอาชนะคู่แข่งสำคัญได้อย่างสม่ำเสมออีกด้วย

SET_2

วิเคราะห์ KDLTF และ KEQRMF ใช้กลยุทธ์ การลงทุนแบบใด

สิ่งที่ชัดเจน คือ ทั้ง 2 กองทุนล้วนเน้นลงทุนในหุ้นไทยที่เป็นบริษัทชั้นนำในแต่ละหมวดอุตสาหรรม ผ่านการลงทุน 3 กลุ่มอุตสาหกรรมหลัก อาทิ

  • กลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของการบริโภคภายในประเทศ เช่น หุ้นในกลุ่มธนาคาร กลุ่มค้าปลีก
  • กลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากการลงทุนภาครัฐที่เน้นปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานของประเทศรวมทั้งการลงทุนขนาดใหญ่ผ่านโครงการ EEC เช่น กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง กลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม
  • กลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก เช่น กลุ่มพลังงาน/ปิโตรเคมี กลุ่มโรงพยาบาล

ขณะเดียวกัน ทั้ง 2 กองทุนยังกระจายการลงทุนในหลากหลายอุตสาหกรรมและมีจำนวนหุ้นที่ลงทุนประมาณ 50 ตัว เพื่อความเหมาะสมและสอดรับสถานการณ์การลงทุนในปัจจุบัน โดยทั้ง 2 กองทุนล้วนมีสัดส่วนการลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ประมาณ 80% ของพอร์ตการลงทุน

จับตาปัจจัยสนับสนุนการตัดสินใจลงทุน

สำหรับสิ่งที่นักลงทุนควรติดตามสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ ซึ่งมีแนวโน้มเป็นปัจจัยสนับสนุนต่อการลงทุน โดยเฉพาะเศรษฐกิจไทยที่ยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะมาจากการลงทุนภาครัฐ และการฟื้นตัวของการบริโภคภายในประเทศ รวมถึงสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศที่จะมีเสถียรภาพมากขึ้น จากการจัดการเลือกตั้งที่คาดว่าจะเกิดขึ้นได้ภายในปี 2019

ขณะเดียวกันก็ยังมีปัจจัยภายในประเทศอื่นๆ อาทิ ค่าเงินบาทยังมีเสถียรภาพ สะท้อนจากระดับดุลบัญชีเดินสะพัดที่เกินดุล ทำให้รองรับต่อสถานการณ์เม็ดเงินไหลออกในช่วงที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ ขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ ประกอบกับสภาพคล่องภายในประเทศที่ยังอยู่ในระดับสูง จึงทำให้การลงทุนในหุ้นยังคงน่าสนใจอยู่

เกาะติดปัจจัยเสี่ยง สู่เป้าหมายของนักลงทุน

แม้จะมีปัจจัยสนับสนุนการลงทุนหลายประการ แต่ปัจจัยที่ถือเป็นความเสี่ยงก็ยังมีอยู่ไม่น้อย ซึ่งนักลงทุนควรให้ความสำคัญและพิจารณาอย่างถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจ อาทิ ประเด็นความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่การเจรจาค่อนข้างล่าช้าและบานปลาย รวมถึงการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือแม้แต่ผลกระทบเชิงลบจากแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นในบางตลาด

ขณะที่ปัจจัยทางการท่องเที่ยวที่ชะลอตัวจากนักท่องเที่ยวจีน ก็ยังคงต้องดูว่ารัฐบาลจะมีมาตรการอย่างไรเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว แม้จะมีการคาดการณ์ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติน่าจะฟื้นตัวในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้จนถึงไตรมาส 1 ปีหน้า ส่วนเรื่องการส่งออกที่มีแนวโน้มชะลอตัวจากสงครามทางการค้า แต่คาดว่าการที่เดโมแครตได้ครองเสียงข้างมากในสภาล่างอาจทำให้ทรัมป์มีโอกาสใช้นโยบายกีดกันทางการค้าน้อยลง ก็ยังเป็นประเด็นที่ควรจับตามองต่อไป

นอกจากนี้ทาง บลจ.กสิกรไทยยังมีโปรโมชั่นพิเศษมอบให้ผู้ลงทุนทั้งกองทุน LTF และ RMF เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ ด้วย Starbucks e-Coupon สูงสุด 200 บาท เมื่อซื้อกลุ่มกองทุนดังกล่าวผ่านแอป K PLUS หรือ K-My Funds เป็นครั้งแรก

โดยลงทุนสะสมสุทธิ 50,000-99,999 บาท จะได้รับ Starbucks e-Coupon มูลค่า 100 บาท

ส่วนถ้าลงทุนสะสมสุทธิ 100,000 บาทขึ้นไป รับ Starbucks e-Coupon มูลค่า 200 บาท ตั้งแต่วันนี้ถึง 28 ธ.ค.61

หากคุณพิจารณามาถึงบรรทัดนี้ และพบว่า KDLTF หรือ KEQRMF คือทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับการลงทุนและเก็บออมที่ให้ประโยชน์หลายทาง ก็ไม่ต้องกังวลว่าความเป็นมือใหม่ หรือมือเก๋าแต่เวลาทำงานรัดตัว จะทำให้ไม่มีโอกาสลงทุน เพราะทั้ง 2 กองทุนนี้ สามารถซื้อได้ง่ายๆ ผ่านแอปพลิเคชัน K PLUS และ K-My Funds รวมถึงธนาคารกสิกรไทย ทุกสาขา หรือถ้าอยากศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/2qKWRYQ

คำเตือน

  • ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้าเงื่อนไข ผลตอบแทน ความเสี่ยง และศึกษาข้อมูลภาษีในคู่มือการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน
  • ผลการดำเนินงานในอดีตมิได้ยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
  • เงินปันผลจะถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 10% หรือสามารถเลือกให้ไม่หัก ณ ที่จ่ายก็ได้ แต่จะต้องนำเงินปันผลไปรวมเป็นรายได้ เพื่อคำนวณภาษีเงินได้สิ้นปี

#KAsset #LTFRMF #KDLTF #KEQRMF #เลือกให้แล้วว่าดี


  • 4.9K
  •  
  •  
  •  
  •