หนึ่งในเทรนด์การตลาดที่มาแรงแซงมากๆ ในปี 2025 นี้ก็คือ การขายของผ่านไลฟ์สตรีม พร้อมกับการทำ Affiliate Marketing ที่ไม่ว่าแบรนด์ไหนก็ต้องกระโดดมาทำกันอย่างต่อเนื่อง แต่คำถามสำคัญก็คือ ต้องทำอย่างไรจึงจะตอบโจทย์ผู้บริโภคให้ได้มากที่สุด ล่าสุด Milieu Insight (Thailand) บริษัทวิจัยตลาดชื่อดังได้ไปทำสำรวจและนำ Insight ของผู้บริโภคมาให้คำตอบกับเราแล้ว
การเปิดเผยข้อมูล Insight จากผลสำรวจล่าสุดนี้มีขึ้นหลังจาก Milieu เปิด Insight ผู้บริโภคชาวไทยในปี 2025 ไปแล้ว ซึ่งได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ส่วน Insight ล่าสุดนี้เป็นผลสำรวจที่ชื่อว่า “Livestreaming Affiliate Marketing” ทำการสำรวจออนไลน์กลุ่มตัวอย่างชาวไทยที่มีอายุระหว่าง 16-70 ปีทั่วประเทศจำนวน 1,000 คนเพื่อทำความเข้าใจพฤติกรรมและทัศนคติของผู้บริโภคชาวไทยที่มีต่อไลฟ์สตรีมมิ่ง Affiliate Marketing ให้ได้มากที่สุด
ผู้หญิงดูไลฟ์สตรีมมากกว่าผู้ชาย!
จากผลสำรวจ “Livestreaming Affiliate Marketing” โดย Milieu Insight (Thailand) พบว่ากลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็น ผู้หญิง คิดเป็น 70% ของกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด ส่วนในด้านอายุ กลุ่มอายุ 25-34 ปี มีสัดส่วนมากที่สุด คิดเป็น 33% รองลงมาคือกลุ่มอายุ 35-44 ปี (25%) นอกจากนี้ 58% ของกลุ่มตัวอย่างอาศัยอยู่ในเขตเมือง
ที่สำคัญ กลุ่มตัวอย่างทั้งหมดล้วนเป็น Livestream shopper ซึ่งหมายความว่า ข้อมูลเชิงลึกที่ได้จากการสำรวจครั้งนี้ มาจากกลุ่มคนที่คุ้นเคย และมีประสบการณ์ในการซื้อสินค้าผ่านไลฟ์สตรีมมิ่งเป็นอย่างดี
ข้อมูลเหล่านี้เป็นอีกข้อพิสูจน์ว่ว่า “ไลฟ์สตรีมมิ่งกำลังได้รับความนิยมและเติบโตขึ้นอย่างมาก” โดยเฉพาะในกลุ่มผู้หญิง อายุ 25-44 ปี ที่อาศัยอยู่ในเขตเมือง ดังนั้นนักการตลาดสามารถนำไปใช้คิดกลยุทธ์ทางการตลาด เลือกสินค้า และช่องทางการสื่อสาร ให้ตรงกับความสนใจ และพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมายเหล่านี้ได้ เช่น การเลือกใช้ Influencer หรือ KOL ที่เป็นผู้หญิง และมีอายุอยู่ในช่วง 25-34 ปี การนำเสนอสินค้า และโปรโมชั่นที่ดึงดูดใจกลุ่มผู้หญิง การใช้ภาษา และรูปแบบการสื่อสารที่เข้าถึงคนกลุ่มนี้นั่นเอง
ดูไลฟ์และซื้อของผ่าน TikTok มากที่สุด!
เมื่อรู้จักกลุ่มเป้าหมายแล้ว คำถามสำคัญก็คือคนกลุ่มนี้อยู่ในแพลตฟอร์มไหนมากที่สุด ซึ่ง Milieu ก็มีคำตอบมาให้ในการสำรวจครั้งนี้ด้วยโดยพบว่า TikTok, Shopee และ Facebook เป็น 3 แพลตฟอร์มยอดนิยมที่กลุ่มเป้าหมายใช้ดูไลฟ์สตรีมมิ่งมากที่สุด โดยมีสัดส่วนดังนี้
- TikTok (86%)
- Shopee (69%)
- Facebook (45%)
นอกจากนี้ลำดับแพลทฟอร์มที่คนเข้าไปซื้อของผ่านไลฟ์มากที่สุดก็ยังมีลำดับตามนี้ในสัดส่วนที่แตกต่างออกไปก็คือ TikTok (77%) Shopee Live (59%) และ Facebook (30%)
TikTok ยังคงเป็นช่องทางยอดนิยมสำหรับการไลฟ์สดขายของ สะท้อนให้เห็นถึงอิทธิพลของแพลตฟอร์มวิดีโอสั้น และพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ชอบความเร็วและความง่าย ดังนั้น แบรนด์ และนักการตลาด ก็ควรให้ความสำคัญกับ TikTok ในการวางแผนกลยุทธ์ไลฟ์สตรีมมิ่งให้มากที่สุดโดยเฉพาะหากมีกลุ่มเป้าหมายเป็นคนรุ่นใหม่
ด้าน Shopee ก็ยังเป็นแพลตฟอร์มที่เติบโตเพราะมีความสะดวกในการซื้อสินค้า และมีฐานผู้ใช้งานจำนวนมาก เหมาะกับแบรนด์ที่มีร้านค้าบน Shopee อยู่แล้วและอยากเพิ่มยอดขายให้มากยิ่งขึ้น ในขณะที่ Facebook ก็ยังคงเป็นช่องทางที่สำคัญ สำหรับการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย โดยเฉพาะหากเป็นกลุ่มเป้าหมายที่เป็นผู้ชายและมีอายุ 25 ปีขึ้นไป
ดูไลฟ์ทุกวันเมื่อคิดอยากซื้อ!
เมื่อรู้แล้วว่าคนส่วนใหญ่ดูไลฟ์สดและซื้อของผ่านช่องทางใดบ้าง คำถามต่อไปที่น่าสนใจก็คือ แล้วพวกเขาดูไลฟ์สดบ่อยแค่ไหน และดูเมื่อไหร่? ซึ่งผลสำรวจพบว่าคนไทยดูไลฟ์สดขายสินค้าบ่อยมากโดยกลุ่มตัวอย่างเกือบ 1 ใน 3 บอกว่าดูไลฟ์เกือบทุกวัน โดยเรียงลำดับความถี่ดังนี้
- ทุกวันหรือเกือบทุกวัน (31%)
- 1-2 วันต่อสัปดาห์ (29%)
- 3-6 วันต่อสัปดาห์ (24%)
- น้อยกว่าอาทิตย์ละวัน (16%)
จะเห็นได้ว่า คนไทยดูไลฟ์สดขายของเกือบทุกวัน หรืออย่างน้อย 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ เรียกว่าเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับนักการตลาดและแบรนด์ ที่ต้องการใช้การไลฟ์เป็นช่องทางในการขายสินค้าเพื่อเพิ่มยอดขายในปีนี้
นอกจากนี้ ผลสำรวจยังพบว่า คนไทยดูไลฟ์สดขายสินค้าเมื่อ
- เมื่อคิดจะซื้อของออนไลน์ (64%)
- เมื่อเป็นช่วงแคมเปญ เช่น2, 3.3, 10.10 (58%)
- เมื่อมีเวลาว่าง (58%)
- เมื่อต้องการสินค้าราคาพิเศษ (54%)
- เมื่อมีสินค้าใหม่ๆ ออกมา (30%)
- เมื่อเงินเดือนออก (29%)
Milieu ระบุว่าจากผลสำรวจ ผู้บริโภคจะชมไลฟ์สตรีมในเวลาที่กำลังพิจารณาซื้อของออนไลน์ หรือต้องการสินค้าราคาพิเศษ เหตุผลที่พบบ่อยที่สุดในลำดับถัดไปก็จะแตกต่างกันไปตามกลุ่มอายุด้วย โดยผู้ใช้งานที่อายุ 16-34 ปี มักจะรับชมในช่วงแคมเปญพิเศษ เช่น โปรโมชั่น Double Day ในขณะที่ผู้ใช้งานที่มีอายุมากกว่า 35 ปีขึ้นไป) มักจะรับชมเมื่อมีเวลาว่างเป็นต้น
จากข้อมูลนี้ นักการตลาดและแบรนด์สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการวางแผนไลฟ์สตรีมมิ่งได้ เช่นการจัดไลฟ์สดบ่อยๆ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ดูไลฟ์สดเป็นประจำ จัดโปรโมชั่นพิเศษ ในช่วงเวลาที่คนนิยมดูไลฟ์สด เช่น ช่วงเย็น วันหยุดสุดสัปดาห์ หรือช่วงแคมเปญ 2.2, 3.3, 10.10 เป็นต้น
ซื้อผ่านไลฟ์เพราะราคาถูกกว่าแถมมีส่งฟรี!
นอกจากนี้จากผลสำรวจพบว่า 5 เหตุผลหลักๆ ที่คนไทยเลือกซื้อสินค้าผ่านไลฟ์สด ได้แก่
- สินค้าราคาถูกกว่า (69%)
- มีโปรโมชั่นที่ดีกว่า (69%)
- มีโปรค่าส่ง/ไม่ต้องเสียค่าส่ง (55%)
- ดูเหมือนว่าได้เห็นสินค้าจริง ช่วยในการตัดสินใจ (44%)
- มีสินค้าให้เลือกเยอะ (35%)
ข้อมูลนี้ทำให้เราเห็นชัดเจนว่าราคาที่ถูกกว่า และโปรโมชั่นที่ดีกว่า เป็น “ปัจจัยสำคัญ” ที่ทำให้คนเลือกซื้อสินค้าผ่านไลฟ์สด นอกจากนี้ “ค่าส่ง” ที่มีส่วนลดหรือ “ฟรี” ให้เลยก็มีส่วนสำคัญในการดึงดูดลูกค้าเช่นกัน
ที่น่าสนใจคือ การที่ผู้ซื้อรู้สึกว่า “เหมือนได้เห็นสินค้าจริง“ ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ช่วยกระตุ้นให้ตัดสินใจซื้อได้และนี่คือข้อได้เปรียบของการไลฟ์ ที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกใกล้ชิดกับสินค้ามากขึ้น แม้จะไม่ได้สัมผัสสินค้าจริงก็ตาม
ดังนั้นสิ่งที่นักการตลาดหรือแบรนด์จะต้องนำมาใช้ ในช่องทางการไลฟ์สดขายของ หรือการทำ Affiliate Marketing ร่วมกับ KOL ด้วยก็คือ จะต้องมีราคาและโปรโมชั่นที่น่าสนใจเพื่อดึงดูดลูกค้า มีโปรโมชั่นค่าส่งฟรีหรือลดราคาค่าส่ง เพื่อจูงใจลูกค้า รวมถึงการให้รายละเอียดสินค้า ที่ต้องทำให้ชัดเจนมากที่สุดนั่นเอง
สินค้าแฟชั่นต้องไลฟ์ขาย!
หากถามว่าคนดูไลฟ์สดสนใจสินค้าประเภทไหน และสินค้าประเภทไหนที่พวกเขาเลือกซื้อผ่านไลฟ์สด? หาคำตอบได้จากผลสำรวจ ที่พบว่า 3 อันดับแรกของสินค้าที่ผู้บริโภคชื่นชอบดูผ่านไลฟ์สด ก็คือสินค้าแฟชั่น เช่น เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า ที่มีสัดส่วนสูงถึง 72% ส่วนลำดับอื่น ๆ ก็เรียงกันไปตามนี้
- สินค้าเกี่ยวกับแฟชั่น เช่น เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า (72%)
- สินค้าเกี่ยวกับความงาม เช่น ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว เครื่องสำอาง (59%)
- ของกิน/ขนม (54%)
จะเห็นว่า สินค้าแฟชั่น เป็นสินค้าที่คนนิยมดูไลฟ์สุดมากที่สุด รองลงมาคือสินค้าความงาม ซึ่งได้รับความนิยมเป็นพิเศษโดยเฉพาะกลุ่มผู้หญิงอายุ 16-24 ปีในเขตเมือง ส่วน “ของกินหรือขนม” นั้นกลุ่มผู้ชมที่มีอายุก็จะนิยมมากกว่ากลุ่มคนอายุน้อย และเมื่อถามถึงสินค้าที่ผู้บริโภคเลือกซื้อผ่านช่องทางไลฟ์สดมากกว่าช่องทางอื่น 3 อันดับแรกก็ยังคงเป็นสินค้าประเภทเดียวกัน
- สินค้าเกี่ยวกับแฟชั่น เช่น เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า (69%)
- สินค้าเกี่ยวกับความงาม เช่น ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว เครื่องสำอาง (51%)
- ของกิน/ขนม (43%)
จากข้อมูลนี้ นักการตลาดและแบรนด์ควรให้ความสำคัญกับการไลฟ์สตรีมมิ่ง และการทำ Affiliate Marketing ในกลุ่มสินค้าแฟชั่น ความงาม และอาหารเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นสินค้าที่ผู้บริโภค “นิยมดู“ และ “นิยมซื้อ“ ผ่านช่องทางไลฟ์สด
พฤติกรรมการซื้อของที่เปลี่ยนไปจากปรากฏการณ์ไลฟ์สด
การไลฟ์สดขายของ นอกจากจะเป็นช่องทางขายสินค้าใหม่ๆ แล้ว ยังส่งผลต่อพฤติกรรมการซื้อของของผู้บริโภคอีกด้วยโดยกลุ่มตัวอย่างที่ทำแบบสำรวจบอกว่าเมื่อได้ซื้อสินค้าผ่านไลฟ์สดแล้ว มีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปดังนี้
- ซื้อของบ่อยขึ้น (47%)
- ซื้อของเท่าเดิม (49%)
- ซื้อของน้อยลง (4%)
จะเห็นได้ว่า เกือบครึ่งหนึ่งของผู้ตอบแบบสอบถาม ซื้อของออนไลน์บ่อยขึ้นหลังจากที่เริ่มซื้อสินค้าผ่านไลฟ์สด สะท้อนให้เห็นว่า ไลฟ์สดมีอิทธิพลต่อการกระตุ้นยอดขายช่องทางออนไลน์ได้จริงๆ และเมื่อถามว่าหลังจากได้เริ่มซื้อสินค้าหรือกดตะกร้าจากไลฟ์สดทำให้การใช้จ่ายในการซื้อของออนไลน์เป็นอย่างไรก็พบว่ากลุ่มตัวอย่างมีพฤติกรรมดังนี้
- ใช้จ่ายมากขึ้น (50%)
- ใช้จ่ายเท่าเดิม (44%)
- ใช้จ่ายน้อยลง (6%)
เรียกว่านอกจากความถี่ในการซื้อที่เพิ่มขึ้นแล้ว ผู้ตอบแบบสอบถามกว่าครึ่ง ยังใช้จ่ายในการซื้อของออนไลน์มากขึ้นอีกด้วย ส่วน พฤติกรรมการ “ซื้อของที่ร้านค้า” เองก็ไม่ได้ลดลงด้วยเพราะผลสำรวจพบว่ากลุ่มตัวอย่างนั้นมีพฤติกรรมดังนี้
- ใช้จ่ายมากขึ้น (23%)
- ใช้จ่ายเท่าเดิม (48%)
- ใช้จ่ายน้อยลง (30%)
เห็นได้ว่าการ “ซื้อของที่ร้านค้า” กลับไม่ได้ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ มีเพียง 30% ที่ใช้จ่ายน้อยลง แสดงว่าไลฟ์สดไม่ได้เข้ามาแทนที่การซื้อของแบบเดิมๆ แต่เป็นการเพิ่มทางเลือกในการซื้อสินค้าให้กับผู้บริโภคนั่นเอง
คุณปวีร์ ศรีวารีรัตน์ Country Manager แห่ง Milieu Insight สรุปสิ่งที่ได้จากผลสำรวจในครั้งนี้ว่า “ผลสำรวจ “Livestreaming Affiliate Marketing” นี้เป็นเหมือนกับ Navigator ที่ช่วยให้นักการตลาดและแบรนด์เข้าใจพฤติกรรมและความต้องการของผู้บริโภคในยุคที่การทำ Affiliate Marketing ผ่าน Live Streaming กำลังเติบโตมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะข้อมูลของ Livestream Shopper ที่พบว่าเป็นผู้หญิงมากถึง 70% ในช่วงอายุ 25-34 ปี”
“นอกจากนี้ยังมี Insight ที่น่าสนใจอย่าง TikTok ที่เป็นแพลตฟอร์มยอดนิยมที่คนไทยใช้ดูและซื้อสินค้าผ่านไลฟ์สดมากที่สุดแบบค่อนข้างทิ้งห่างแพลตฟอร์มอื่น ๆ นอกจากนี้ ยังพบว่าคนไทยที่ชอบซื้อสินค้าแฟชั่นและสินค้าเกี่ยวกับความงามมากที่สุดในช่องทางนี้ และยังมีแนวโน้มที่จะซื้อสินค้าและใช้จ่ายในการซื้อสินค้าออนไลน์มากขึ้น สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้นักการตลาดและแบรนด์สามารถปรับกลยุทธ์หาช่องทางการขายที่ถูกต้อง เพื่อสร้างยอดขายและการมีส่วนร่วมจากผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพจริงๆ” คุณปวีร์ระบุ
“แน่นอนว่าแบรนด์ที่สามารถปรับตัวและวางกลยุทธ์ได้สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปและสามารถตามเทคโนโลยีให้ทันย่อมเป็นผู้ที่ยืนหยัดในสนามที่แข่งขันกันอย่างดุเดือดในปี 2025 นี้ได้อย่างแข็งแกร่ง” คุณปวีร์ ปิดท้าย