TIME Magazine ขายกิจการอีกครั้ง! สู่อ้อมอกเศรษฐี บ.เทคฯ ยักษ์ใหญ่ สู้สถานการณ์สิ่งพิมพ์ดิ่งเหว

  • 841
  •  
  •  
  •  
  •  

time
Photo Credit : TIME

หลังจากเมื่อปลายปีที่แล้ว “Meredith Corporation” อาณาจักรสื่อยักษ์ใหญ่ เข้าซื้อกิจการ “Time Inc.” บริษัทสื่อรายใหญ่ของสหรัฐฯ (เจ้าของสื่อใหญ่หลายหัว เช่น TIME, Sports Illustrated, Travel + Leisure, Food & Wine, Fortune) แต่แล้ววันนี้อุตสาหกรรมสื่อในอเมริกา เกิดดีลประวัติศาสตร์อีกครั้ง เมื่อ “Meredith Corp.” ตัดสินใจขาย “TIME Magazine” ด้วยมูลค่า 190 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้ “Meredith Corp.” ขายเฉพาะ “TIME Magazine” ให้กับสองสามี-ภรรยา “Marc และ Lynne Benioff” เศรษฐีผู้ก่อตั้ง “Salesforce” บริษัททำเกี่ยวกับ Cloud Computing และ Software รายใหญ่ในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นคู่แข่ง “Oracle” และ “Microsoft” ด้วยมูลค่าดีล 190 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเป็นการซื้อในนามส่วนตัวของสองสามี-ภรรยาตระกูล “Benioff” ไม่ได้เกี่ยวข้องกับธุรกิจ Salesforce แต่อย่างใด และคาดว่าจะปิดดีลการซื้อขายภายใน 30 วันนับจากนี้ โดยสองสามี-ภรรยา ยังคงให้ทีมงาน TIME บริหารดังเดิม ไม่ได้เข้าไปแทรกแซงการทำงานแต่อย่างใด

เหตุผลที่ทำให้ Marc และ Lynne ตัดสินใจทุ่มเงินซื้อ เพราะมองเห็นถึงศักยภาพของนิตยสารทรงอิทธิพลระดับโลกที่มีฐานผู้อ่านจำนวนมหาศาลทั่วโลก และที่ผ่านมา TIME Magazine ขยายมายังแพลตฟอร์มวิดีโอ จนเป็นธุรกิจที่เติบโตได้ดี ที่สำคัญ TIME Magazine มีการนำเสนอเรื่องราวที่แตกต่าง ครอบคลุมทั้งเรื่องที่เกี่ยวกับประชาชนทั่วไป และเหตุบ้านการเมืองที่มีผลกระทบระดับโลก ทำให้สามารถเชื่อมโยงผู้คนทั่วโลกเข้าหากัน

Edward Felsenthal บรรณาธิการ TIME Magazine เขียนจดหมายถึงทีมงานว่า ธุรกิจของพวกเรา ยังคงแข็งแกร่ง และมีผลกำไร โดยปัจจุบัน Time Magazine มีฐานผู้อ่าน-ผู้ชมทั่วโลกมากกว่า 100 ล้านคน และสร้างการเติบโตได้ดีบนแพลตฟอร์มวิดีโอ อีกทั้งเราได้รับรางวัล Emmy ดังนั้นเรายังคงต้องรักษาความเป็นสำนักข่าวสื่อสิ่งพิมพ์รายใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา

“ทุกคนที่เกี่ยวข้อง รวมถึงทีมบริหาร Meredith มีความมุ่งมั่นที่จะหานักลงทุนใหม่ มาร่วมแชร์คุณค่า และความเชื่อมั่นถึงทิศทางที่ TIME กำลังเดินไป ดังนั้นในครั้งแรกที่พวกเราได้พบปะ และพูดคุยกับ “Marc – Lynne Benioff” เจ้าของคนใหม่ เพื่อหารืออนาคตของ TIME นับจากนี้ ไม่ได้เป็นการพูดคุยถึงเป้าหมายด้านธุรกิจแต่อย่างใด

แต่เป็นการพูดคุยถึงจุดประสงค์ที่ต่างเห็นพ้องตรงกันว่า “Marc – Lynne Benioff” มีความมุ่งมั่นในการค้นหาแนวทางการแก้ปัญหาให้กับสังคมและชุมชน เช่น การสร้างโรงพยาบาลสำหรับเด็ก หรือแก้ปัญหาคนไร้บ้าน พวกเขาทั้งสองคนมีความมุ่งมั่นเช่นเดียวกับ “TIME” ที่ต้องการร่วมแบ่งปันคุณค่าให้กับสังคม พร้อมทั้งยกระดับมาตรฐานนักสื่อสารมวลชนให้มีคุณภาพสูงขึ้น”

นอกจากนี้ Edward Felsenthal ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า “ที่ผ่านมาเราได้ transform แบรนด์นี้ให้เป็นมากกว่านิตยสารรายสัปดาห์ เพื่อทำให้เราสามารถเติบโตและทำกำไรได้อย่างมั่นคง” 

อย่างไรก็ตาม The Wall Street Journal รายงานว่า การเข้าซื้อกิจการนิตยสารระดับโลก ทั้ง “Marc และ Lynne Benioff” ต้องเผชิญกับความท้าทายใหญ่ นั่นคือ สถานการณ์ยอดขายโฆษณาในธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์ลดลง โดยนิตยสารหลายฉบับต่างพยายามดิ้นรน เพื่ออยู่รอด ด้วยการปรับโมเดลธุรกิจสร้างรายได้โฆษณาจาก “สื่อดิจิทัล” เป็นหลัก (Digital-first) หลังจากสื่อดั้งเดิมได้รับผลกระทบจาก Technology Disruption

ภายใต้ “TIME Inc.” พยายามลดต้นทุนสิ่งพิมพ์ลง และหันไปลงทุนในส่วน “สื่อดิจิทัล” มากขึ้น เพื่อพัฒนาโมเดลธุรกิจให้เป็น “Multi-platform” ครอบคลุมทั้งสื่อดั้งเดิม และสื่อดิจิทัล โดยเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ผู้ชม TIME.com มีจำนวน 31.7 ล้านคน

ทั้งนี้การเข้าซื้อกิจการ TIME Magazine ในครั้งนี้ เป็นอีกครั้งที่ทำให้เห็นว่า “ธุรกิจสื่อ” ยังคงเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพ โดยเฉพาะ “สื่อใหญ่” มีพลังมหาศาลในการเข้าถึงผู้คนทั่วโลก ทำให้ที่ผ่านมาเราจะเห็น “นักธุรกิจอภิมหาเศรษฐี” ต่างต้องการเป็นเจ้าของ “ธุรกิจสื่อ” เช่นก่อนหน้านี้เมื่อปี 2013 “Jeff Bezos” ผู้ก่อตั้งอาณาจักร Amazon.com ซื้อ Washington Post และเมื่อปีที่แล้ว “Laurene Powell Jobs” ภรรยาของ Steve Jobs เข้าถือหุ้นใหญ่ใน Atlantic magazine

 

Source : The Wall Street Journal , TIME 

 


  • 841
  •  
  •  
  •  
  •  
WP
อยู่ในแวดวงนิตยสารธุรกิจการตลาดกว่าสิบปี สนุกและชอบติตตามเทรนด์ ไลฟ์สไตล์ใหม่ๆ และอยากเรียนรู้เพิ่มเติมในแพลตฟอร์มดิจิทัล มาร่วมแบ่งปันประสบการณ์การตลาดและดิจิทัลร่วมกันนะคะ