เป็นข่าวใหญ่ที่น่าจับตามอง เพราะนอกจากจะเป็นการขยับตัวขององค์กรใหญ่ ทั้ง AIS และกลุ่ม Singtel ในบทบาทที่ต่างไปจากภาพผู้ให้บริการเครือข่าย ความร่วมมือของทั้ง 2 บริษัท ถือเป็นก้าวแรกในการสร้างแพลตฟอร์ม e-Money ผ่านชื่อ “VIA”
อักษรสามตัวนี้ คืออะไร มีประโยชน์ หรือมีเป้าหมายทางธุรกิจอย่างไร เราสรุปมาให้คุณได้รู้จักผ่าน 10 ข้อ ที่รับรองว่าคุณจะเข้าใจ VIA มากขึ้นอย่างแน่นอน…
1. “VIA” ออกเสียงว่า “เวีย” คือ บริการชำระเงินผ่านมือถือแบบข้ามประเทศครั้งแรกในเอเชีย ที่คุณสามารถชำระค่าสินค้าและบริการจากมือถือได้แบบข้ามประเทศ ซึ่งเบื้องต้นสามารถใช้งานได้ระหว่างไทย-สิงคโปร์
2. อย่างที่บอก ความร่วมมือระหว่าง AIS และกลุ่ม Singtel ในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวแรกในการสร้างแพลตฟอร์ม e-Money รูปแบบใหม่ ซึ่งเป้าหมายในเฟสแรก ก็คือ การสร้างระบบ e-Payment ก่อนจะขยายไปยังประเทศอื่นในเครือข่าย Singtel เช่น Telkomsel ในอินโดนีเซีย, Globe ในฟิลิปปินส์, Airtel ในอินเดีย ซึ่งคาดว่าจะทยอยเปิดตัวในเร็วๆ นี้ รวมถึงการพัฒนาสู่บริการทางการเงินในรูปแบบอื่นๆ ด้วย
3. แม้ว่าทาง AIS จะมีความร่วมมือกับ LINE และ rabbit ผ่านการให้บริการกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์อย่าง rabbit LINE Pay อยู่แล้ว เช่นเดียวกับที่ Singtel ก็มีแอป Singtel Dash ให้ลูกค้าชาวสิงคโปร์ได้ใช้งาน แต่ทั้ง 2 บริการก็เป็นแค่กระเป๋าเงินออนไลน์ที่ใช้สแกนด้วยมือถือเพื่อการใช้จ่ายในประเทศ แตกต่างจาก VIA ที่สามารถเปิดแอปแล้วใช้จ่ายผ่านมือถือได้แม้อยู่ต่างประเทศ แต่ลูกค้าชาวไทยจำเป็นต้องดาวน์โหลดแอปกลางที่ชื่อ “Global Pay” เพื่อผูกระบบ rabbit LINE Pay เข้าด้วยกัน หากจะใช้งานในสิงคโปร์ก็เพียงเปิดแอปนี้และทำการสแกน QR Code เพื่อใช้จ่าย (แต่สามารถเลือกได้ว่าจะใช้เงินอิเล็กทรอนิกส์หรือบัตรเครดิตที่ผูกไว้กับบัญชี rabbit LINE Pay)
4. จุดเด่นของ VIA ที่แน่ๆ ก็คือ การอำนายความสะดวกในการใช้จ่าย เนื่องจากทุกคนต้องพกสมาร์ทโฟนติดตัวอยู่แล้ว การมีกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์จึงกลายเป็นการเพิ่มความสะดวกอีกขั้น โดยเฉพาะการใช้จ่ายในต่างแดนซึ่งทำให้คุณไม่ต้องถือเงินบาทไปแลกเป็นเงินสกุลอื่น ไม่ต้องนับเงิน ไม่ต้องพกเงินสดเป็นปึก แถม AIS ยังประกาศอย่างชัดเจนว่าอัตราแลกเปลี่ยนสำหรับผู้ที่ใช้จ่ายแพลตฟอร์มนี้ด้วยบัตรเครดิต จะได้รับอัตราแลกเปลี่ยนที่ต่ำกว่ามาตรฐานของการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตทั่วไป
“กลุ่ม Singtel มีฐานผู้ใช้งานกว่า 700 ล้านคน เรามองเห็นโอกาสขับเคลื่อนการใช้กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อผลักดันอาเซียนเข้าสู่สังคมไร้เงินสด สานต่อการสร้างตลาดดิจิทัลร่วมกัน โดยปีที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในตลาดของกลุ่ม Singtel ราว 80 ล้านคน ซึ่งในกลุ่มนี้มี 1.5 ล้านคนที่เดินทางไปท่องเที่ยวในสิงคโปร์และไทย ทั้งยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง” อาเธอร์ แลง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มสิงเทล อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าว
5. ปัจจุบัน มีจำนวนร้านค้าที่รองรับการใช้จ่ายผ่านแพลตฟอร์ม VIA ทั้งสิ้นเกือบ 2 ล้านร้านค้า ในประเทศไทยเริ่มต้นที่ร้านค้าในเครือข่ายธนาคารกสิกรไทย กว่า 1.6 ล้านร้านค้า และสิงคโปร์อีกประมาณ 20,000 ร้านค้า ทำให้ผู้ใช้บริการสามารถใช้จ่ายผ่านศูนย์การค้า ร้านแบรนด์ดัง ร้านในกลุ่ม SME ร้านค้าชุมชน หรือแม้แต่ร้าน Street Food ก็ได้
“AIS เป็นหนึ่งในองค์กรที่สนับสนุนแนวคิดสังคมไร้เงินสด เราจึงให้ความสำคัญกับการพัฒนาบริการเพื่อตอบโจทย์ Mobile Payment ซึ่งความร่วมมือในครั้งนี้ถือเป็นมิติใหม่ในการยกระดับสังคมไร้เงินสดอีกขั้น ผ่านประสบการณ์ใหม่ในการชำระเงินดิจิทัลแบบไร้พรมแดนทั้งชาวไทยและสิงคโปร์ และไม่ได้เป็นบริการเพื่อประโยชน์แก่ลูกค้า AIS เท่านั้น เพราะเป็นบริการเพื่อคนไทยแบบ Cross-Border” สมชัย เลิศสุทธิวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอส กล่าว
6. นอกจากความสะดวกสบายในการใช้จ่ายและอัตราแลกเปลี่ยนที่ต่ำกว่าเรทบัตรเครดิตทั่วไป VIA ยังมีจุดเด่นเรื่องความปลอดภัยจากความเสี่ยงทางออนไลน์ ด้วยการเลือกชำระเงินด้วยสกุลเงินของประเทศตนเอง ขณะเดียวกันก็ทำให้ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมการเงินข้ามประเทศ
7. ในวันที่ AIS มีลูกค้า 40 ล้านคนบนเครือข่าย และมีผู้ใช้งานอีก 5 ล้านคนบนระบบ rabbit LINE Pay ประโยชน์จากแพลตฟอร์ม VIA ไม่ได้หยุดนิ่งอยู่เท่านั้น เพราะยังเป็นการเปิดรับลูกค้าฐานใหญ่จากเครือข่ายกลุ่ม Singtel อีกจำนวนมหาศาล รวมถึงชาวไทยที่ใช้งาน LINE อีกกว่า 42 ล้านคน นั่นหมายความอย่างชัดเจนว่า ภายใต้ร่ม VIA คือการขยายโอกาสให้ AIS ได้เข้าถึงผู้คนกลุ่มที่ไม่ใช่ลูกค้าเดิมในเครือข่ายตนเอง ผ่านการใช้จ่ายอิเล็กทรอนิกส์นี่เอง
8. ถามว่ามีตลาดใหญ่แค่ไหนที่ VIA จะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง เอาเป็นว่า…ยกตัวอย่าง แค่ช่วงเริ่มต้นระหว่างสิงคโปร์และไทยตอนนี้ จำนวนผู้ใช้งานแอป Singtel Dash ก็มีอยู่แล้ว 500,000 คน ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่มีไลฟ์สไตล์และคุ้นชินกับการใช้จ่ายผ่านกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ จ่ายด้วยการสแกน QR Code อยู่แล้ว ณ ประเทศสิงคโปร์ ยังไม่ได้มองถึงในประเทศไทยที่เทรนด์การใช้จ่ายด้วยกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์กำลังถูกขับเคี่ยวและแข่งขันเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ หรือแม้แต่ฐานผู้ใช้งานกลุ่มใหญ่ในอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และอินเดีย ที่จ่อเตรียมเปิดให้บริการเป็นเป้าหมายต่อไป
9. เป็นธรรมเนียมในช่วงเปิดตัวเช่นนี้ ที่จะมีโปรโมชั่นมอบส่วนลด 10% สำหรับผู้ใช้ Singtel Dash ที่มีการชำระเงินผ่านแอปดังกล่าวในประเทศไทย ทั้งยังได้รับอินเทอร์เน็ตโรมมิ่ง 1GB ไปใช้งานฟรีๆ (สำหรับลูกค้า Singtel) อีกด้วย ส่วนคนไทยที่เดินทางไปสิงคโปร์และใช้จ่ายผ่าน GLOBAL Pay (ขั้นต่ำ 100 บาท) ภายในวันที่ 31 ธ.ค.นี้ ก็จะได้รับเงินคืน 100 บาท โยจำกัดสิทธิ์ 1 คน/สิทธิ์
10. สำหรับคนไทยที่สนใจใช้กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ใช้จ่ายข้ามประเทศ ระหว่างไทย-สิงคโปร์ ก็สามารถดาวน์โหลดแอป Global Pay ได้แล้วบนระบบปฏิบัติการ Android ส่วนบน iOS อาจต้องอดใจ รอช่วงกลางเดือน ต.ค.
