เมื่อพูดถึงการแพทย์ทางเลือก เรามักจะนึกถึงแพทย์แผนไทยและแผนจีน ซึ่งการรักษาแพทย์แผนไทยจะเน้นไปที่การใช้ยาสมุมไพร แต่สำหรับแพทย์แผนจีน ถ้าที่เคยไปรับการรักษาจะทราบว่า มีรูปแบบการรักษาที่มากมาย ตั้งแต่การจับชีพจรหรือการแมะ การฝังเข็ม การครอบแก้ว ยิ่งคนรุ่นใหม่ที่ต้องการการรักษาที่สามารถวัดผลได้ ยิ่งทำให้การเข้าถึงการแพทย์แผนจีนทำได้ยากขึ้น แถมหลายคนไม่เข้าใจการรักษา
เพื่อให้คนรุ่นใหม่สามารถเข้าถึงการรักษาแพทย์แผนจีน คลินิกการแพทย์แผนจีนหัวเฉียว ผู้ให้บริการการแพทย์แผนทางเลือกแผนจีนแบบดั้งเดิม เปิดตัวเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ผสาน AI ช่วยประเมินการรักษาเบื้องต้น โดยเทคโนโลยีดังกล่าวจะช่วยเป็นแนวทางการรักษาร่วมกับศาสตร์การแพทย์แผนจีน ทั้ง กระจกตรวจโรคอัจฉริยะ AI และ หุ่นยนต์เสี่ยวคัง AI
กระจกวิเคราะห์โรคผ่านใบหน้าและลิ้น
กระจกตรวจโรคอัจฉริยะ AI เป็นเทคโนโลยีที่นำเข้าจากประเทศจีน ด้วยฐานข้อมูลที่ถูกจัดเก็บไว้ปริมาณมาก ทำให้การวิเคราะห์มีความแม่นยำสูงถึง 70% นอกจากนี้ยังมีความสามารถในการวิเคราะห์สุขภาพแบบองค์รวม ผ่านการถ่ายภาพใบหน้าและลิ้น ซึ่งระบบจะทำการประมวลผลสุขภาพแบบเรียลไทม์ ช่วยให้ได้ผลลัพธ์ภายใน 6 วินาที
ระบบจะทำการประมวลผลผ่านการให้คะแนนสุขภาพโดยรวม และข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความผิดปกติของภาวะต่างๆ เช่น ภาวะชี่พร่อง หยางพร่อง ร้อนชื้น เลือดคั่ง หรือจุดที่ติดขัด ซึ่งเป็นพื้นฐานสําคัญในการทําความเข้าใจสุขภาพของตนเองตามหลักการแพทย์แผนจีน และยังมีฟังก์ชันวิเคราะห์ความเสี่ยงของการเกิดโรคในอนาคตอีกด้วย
ที่สำคัญยังสามารถให้คําแนะนําเฉพาะบุคคล ไม่ว่าจะเป็นการดูแลสุขภาพตามฤดูกาล การเลือกใช้สมุนไพรจีนในการประกอบอาหาร การกดจุดเพื่อส่งเสริมสุขภาพ หรือแม้แต่การเลือกชาสมุนไพรที่เหมาะกับแต่ละบุคคล ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถแนะนำการบริหารร่างกายในรูปแบบไท้เก๊กที่เหมาะสม และยังมีระบบเซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวเพื่อแนะนำท่าทางการกำลังออกกำลังกายอย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ
เสี่ยวคัง หุ่นยนต์ AI เช็คสุขภาพเชิงลึก
นอกจากกระจกตรวจโรคอัจฉริยะ AI แล้ว ยังมีหุ่นยนต์เสี่ยวคัง AI ที่ได้รับการพัฒนาโดยมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน เสี่ยวคังเป็นนวัตกรรมหุ่นยนต์ตรวจสุขภาพที่ผสานศาสตร์การแพทย์แผนจีน เข้ากับเทคโนโลยี AI ที่ล้ำสมัยเพื่อประเมินสุขภาพพื้นฐานของร่างกายแบบองค์รวม ที่ให้ผลความแม่นยำในการประเมินผลสูงถึง 80%
สำหรับหุ่นยนต์เสี่ยวคังสามารถทำการประเมินผลได้ด้วย 4 ขั้นตอน
- การสแกนลิ้น โดยเสี่ยวคังจะวิเคราะห์ลักษณะของสีและลักษณะของลิ้นอย่างละเอียด เพื่อบ่งชี้สภาวะของอวัยวะภายในต่างๆ
- การสแกนใบหน้า โดยเสี่ยวคังจะทำการตรวจจับความผิดปกติบนใบหน้า ช่วยให้แพทย์สามารถวินิจฉัยและป้องกันปัญหาสุขภาพได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น
- การตรวจชีพจร เสี่ยวคังมาพร้อมกับเครื่องแมะสำหรับการชีพจรอัจฉริยะสามารถวัดชีพจรได้อย่างแม่นยำ ช่วยให้แพทย์ประเมินสภาวะของอวัยวะภายในได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- การตอบคำถามเฉพาะบุคคล ด้วยการออกแบบคำถามมาเพื่อให้การวิเคราะห์สุขภาพมีความแม่นยำและตรงกับความต้องการของแต่ละบุคคลมากยิ่งขึ้น
สำหรับทั้ง 2 อุปกรณ์ AI จะถูกติดตั้งไว้ที่แผนกหย่างเซิง ภายในคลินิกการแพทย์แผนจีนหัวเฉียว ซึ่งทั้ง 2 อุปกรณ์จะอยู่ในการดูแลของแพทย์ เนื่องจากระบบต่างๆ ยังเป็นภาษาจีน ซึ่งทางคลินิกฯ มีแผนในการพัฒนาระบบให้เป็นภาษาไทย
ข้อจำกัดในการใช้งานและแผนอนาคต
แม้ว่าจะใช้งานง่ายสามารถตรวจสุขภาพได้เบื้องต้น แต่เนื่องจากระบบเป็นภาษาจีนเป็นหลักทำให้ต้องมีผู้เชี่ยวชาญในการใช้งานเพื่ออธิบายข้อมูลต่างๆ นั่นคือจุดแรกที่ทำให้ทั้ง 2 AI ยังอาจไม่เป็นที่แพร่หลาย นอกจากนี้ตัวคลินิกการแพทย์แผนจีนหัวเฉียวยังไม่มีแผนการขยายสาขา ทำให้การใช้งานของ 2 AI จึงมีเพียงจุดเดียวที่คลินิกการแพทย์แผนจีนหัวเฉียว ในแผนกหย่างเซิงเท่านั้น
ซึ่ง คุณอรัญ เอี่ยมสุรีย์ ผู้อำนวยการคลินิกการประกอบโรคศิลปะ สาขาการแพทย์แผนจีน หัวเฉียว อธิบายว่า การแพทย์แผนจีนถือเป็นหนึ่งการแพทย์ทางเลือก ที่กำลังได้รับความสนใจมากขึ้นโดยเฉลี่ยมีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นปีละ 10% การที่มี 2 AI เข้ามาจะช่วยให้การแพทย์แผนจีนจับต้องได้ผ่านข้อมูลต่างๆ จากเดิมที่ไม่มีการวัดผลเป็นรูปแบบที่ชัดเจนอย่างเครื่องสแกน MRI หรือเครื่อง X-Ray ซึ่งจะช่วยให้ผู้มาใช้บริการเข้าใจและเห็นภาพการรักษาที่ชัดเจนมากขึ้น
สำหรับในประเทศจีนทั้ง 2 AI ถูกนำไปใช้ตามบ้านผู้คนที่อยู่ห่างไกลหลายพันกิโลเมตร ซึ่งช่วยให้เข้าถึงการแพทย์ได้ง่าย ขณะที่ในประเทศไทยทางหัวเฉียวก็มีแผนเช่นเดียวกัน แต่ยังต้องปรับปรุงระบบเพื่อให้เหมาะสมกับคนไทยก่อน นอกจากนี้คลินิกการแพทย์แผนจีนหัวเฉียวยังมีแผนขยายเป็นโรงพยาบาลคาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ภายใน 4-5 ปีนี้ ซึ่งที่ประเทศจีนยังมีนวัตกรรมทางการแพทย์อีกมากที่สามารถนำมาใช้ในประเทศไทยได้
ถือเป็นเทคโนโลยีที่น่าสนใจ ซึ่งทางคลินิกการแพทย์แผนจีนหัวเฉียวเน้นย้ำว่า ทั้ง 2 AI ไม่ใช่การรักษาแต่เป็นเพียงการวิเคราะห์เบื้องต้นเพื่อส่งต่อไปยังแพทย์แผนจีนเฉพาะทางอีกต่อหนึ่ง โดยข้อแนะนำต่างๆ จะเป็นเฉพาะส่วนบุคคล สำหรับความกังวลเรื่องของ Data ที่เกิดขึ้น ทางคลินิกการแพทย์แผนจีนหัวเฉียวให้ความมั่นใจว่าข้อมูลส่วนบุคคลทั้งหมดที่ใช้กับ 2 AI จะไม่มีการจัดเก็บไว้ในระบบใดๆ