NinjaVan เปิดคลังสินค้าใหม่ใหญ่ที่สุดในไทย หนึ่งใน 3 กลยุทธ์สร้างความยั่งยืนให้ธุรกิจ

  • 1
  •  
  •  
  •  
  •  

NinjaVan หนึ่งในผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ เปิดตัวคลังสินค้าแห่งใหม่ที่เรียกได้ว่าเป็นคลังสินค้าที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยมีการติดตั้งสายพานลำเลียงยาวถึง 4 กิโลเมตร พร้อมด้วยระบบ Dim Weigh System และรูปแบบการลำเลียงพัสดุแบบเส้นตรง I-Shape ที่ช่วยให้จัดส่งพัสดุเร็วขึ้น 4 ชม. โดยคลังสินค้าใหม่เป็นหนึ่งในแผนการสร้างความยั่งยืนในยุคที่เศรษฐกิจชะลอตัวอาจถึงขั้นถดถอย

หนึ่งในธุรกิจที่เรียกได้ว่า ยังคงเป็นพระเอกในยุคเศรษฐกิจยังมองไม่เห็นจุดสิ้นสุดของปัญหา คงหนีไม่พ้นธุรกิจ e-Commerce แม้ว่าสถานการณ์จะเอื้อให้ผู้คนหันออกไปใช้ชีวิตนอกบ้านมากขึ้น แต่ด้วยความเคยชินในช่วงที่ผ่านมาจนฝังกลายเป็นพฤติกรรมการช้อปออนไลน์ ที่ยังคงมีการเติบโตแม้จะไม่ได้หวือหวาหรือโดดเด่นเหมือนในช่วงก่อนหน้านี้ และด้วยสภาพดินฟ้าอากาศที่ไม่เอื้อต่อการออกนอกบ้าน e-Commerce จึงยังสามารถเติบโตต่อไปได้

นั่นทำให้ธุรกิจคู่ขนานอย่าง Logistic ก็ได้รับอานิสงส์เติบโตไปด้วย หากแต่ผู้เล่นในธุรกิจ Logistic ก็มีจำนวนไม่น้อย และผู้เล่นส่วนใหญ่ล้วนแต่มีฐานลูกค้าและมีจุดให้บริการจำนวนมาก นั่นจึงทำให้ผู้เล่นในตลาดต่างพยายามดึงดูดให้หันมาใช้บริการของตัวเอง การพัฒนาคลังสินค้าให้พัสดุสามารถจัดส่งได้ไว จึงเป็นหนึ่งทางเลือกในการแข่งขันยุคที่การจัดส่งพัสดุต้องการความเร็ว รวมถึงการใช้ “สงครามราคา (Price War)” มาเป็นตัวดึงดูดให้มีการใช้บริการเพิ่มมากขึ้น

 

คลังสินค้าแห่งใหม่จัดส่งสินค้าได้เร็วขึ้น

NinjaVan ตัดสินใจเปิดตัวคลังสินค้าใหม่บนทำเลย่านบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ โดยถือเป็นคลังสินค้าใหญ่ที่สุดในประเทศไทยของ NinjaVan สามารถรองรับพัสดุมากกว่าเดิมถึง 30% หรือราว 8 แสนชิ้นต่อวัน บนพื้นที่กว่า 2 หมื่นตารางเมตร หนึ่งจุดเด่นที่น่าสนใจของคลังสินค้าแห่งนี้ คือ สายพานลำเลียงที่ยาวถึง 4 กิโลเมตร ผสานการออกแบบสไตล์ I-Shape ที่เน้นการขนส่งแบบเส้นตรง โดยแบ่งแยกออกเป็นพัสดุขนาดเล็ก ขนาดใหญ่และพัสดุมีน้ำหนัก ช่วยลดเวลาการขนส่งพัสดุในแต่ละจุด

คุณเพียซ เอิง กรรมการบริหารฝ่ายปฏิบัติการและผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท นินจาแวน ประเทศไทย จำกัด

โดย คุณเพียซ เอิง กรรมการบริหารฝ่ายปฏิบัติการและผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท นินจาแวน ประเทศไทย จำกัด ชี้ว่า นอกจากเรื่องของสายพานลำเลียงแล้ว เรายังมีท่าจอดรถจำนวนมากสำหรับขนถ่ายสินค้าและพัสดุรองรับได้มากกว่า 300 คัน ยิ่งไปกว่านั้นเรายังนำระบบ Dim Weigh System หรือระบบการวัดขนาดพัสดุที่สามารถวัดขนาด ชั่งน้ำหนัก ถ่ายรูปแบบอัตโนมัติ เพื่อทำการคัดแยกโดยจะเชื่อมต่อข้อมูลกับแต่ละประเภทของสายพานคัดแยกแบบ Real Time สามารถคัดแยกได้สูงถึง 92,000 ชิ้นต่อชั่วโมง ช่วยให้สามารถจัดส่งพัสดุได้เร็วขึ้นกว่าเดิมถึง 4 ชม.

 

นอกจากนี้ คุณเพียซยังเสริมอีกว่า การพัฒนาพื้นที่ภายในคลังสินค้าจะช่วยให้การขนย้ายพัสดุเข้าออกคลังสินค้าทำได้อย่างมีประสิทธิภาพรวดเร็วขึ้น และการบริการจัดการพัสดุจะช่วยให้การคัดแยกพัสดุทำได้รวดเร็วขึ้น ตอบความมุ่งมั่นที่ NinjaVan ที่จะช่วยลดความยุ่งยากในการจัดส่งพัสดุสินค้า ไม่เพียงแค่ในประเทศไทยแต่ครอบคลุมถึงภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยได้ตั้งเป้าเติบโตการจัดส่งพัสดุสินค้าอยู่ที่ 200%

 

พัฒนาเทคโนโลยีช่วยลดต้นทุน

NinjaVan เรียกได้ว่าเป็นบริษัทที่อยู่กับ Data มาตั้งแต่เริ่มต้นธุรกิจ ดังนั้นการทำ Digital Transformation จึงกลายเป็นเรื่องปกติของ NinjaVan ยกตัวอย่างเช่น การตรวจสอบรถขนส่งพัสดุที่ไม่ได้ดูแค่ว่ารถยนต์วิ่งไปที่ไหน ใช้เส้นทางใด แต่สามารถตรวจสอบได้ว่าคนขับรถเข้าทำงานกี่โมง ส่งพัสดุสินค้าเสร็จตอนกี่โมง เพื่อนำมาพัฒนาการรับส่งพัสดุสินค้าที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

“ระบบ Dim Weigh System เป็นอีกหนึ่งรูปแบบของการ Digital Transformation ซึ่งเป็นระบบใหม่ที่เรานำเข้ามาใช้ จากเดิมที่เป็นแค่ Weigh Machine ที่เชื่อมต่อข้อมูลผ่านระบบ Cloud และทำการเชื่อมต่อข้อมูลกัลแผนกงานอื่นๆ แต่ตอนนี้ระบบสามารถแยกขนาด น้ำหนักได้ด้วย ซึ่งข้อมูลดังกล่าวนอกจากจะเชื่อมกับระบบการคัดแยกพัสดุแล้ว ยังสามารถนำไปเพื่อเตรียมจำนวนและประเภทของรถในการรับพัสดุสินค้าที่เหมาะสม เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการจัดส่งพัสดุสินค้า โดยสามารถลดต้นทุนค่าขนส่งลงได้ 5%”

 

สร้างความยั่งยืนผ่าน 3 กลยุทธ์

จากวิกฤติเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นทั่วโลก ส่งผลกระทบอย่างมากต่อหลายธุรกิจและเรียกได้ว่าเป็นการซ้ำเติมเศรษฐกิจโลก หลังโลกผ่านวิกฤติโรคระบาดมาหมาดๆ ส่งผลต่ออัตราดอกเบี้ยที่มีการปรับเพิ่มขึ้น ขณะที่หลายธุรกิจต้องการเงินทุนเข้ามาช่วยพัฒนาธุรกิจหลังผ่านวิกฤติ นั่นจึงทำให้เห็นว่ายิ่งใช้เงินทุนเพิ่มมากขึ้น แทนที่จะเพิ่มประสิทธิภาพของธุรกิจกลังกลายเป็นการสร้างปัญหาต้นทุนให้กับธุรกิจแทน

 

“ถ้าเราต้องการเติบโตก็ต้องใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง นั่นจึงทำให้เรามุ่งเป้าไปที่การสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจ โดยเราจะแบ่งออกเป็น 3 กลยุทธ์หลัก ยังคงขยายการจับมือกับพันธมิตร โดยนับจากนี้จะมีการคัดเลือกพันธมิตรที่มีศักยภาพในการร่วมมือทางธุรกิจ โดยจะเน้นไปที่การพัฒนาการให้บริการ ต้องช่วยให้ลูกค้าหรือผู้ส่งอยู่ใกล้ชิดเรามากขึ้น ด้วยการขยายสาขาช่วยสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าลดภาระการเดินทาง และการพัฒนาช่องทางดิจิทัล อย่างล่าสุดที่มีการพัฒนา Mobile App ที่สามารถเรียกให้ NinjaVan เข้าไปรับสินค้าได้ทันที”

เน้นการให้บริการสม่ำเสมอ เช่น บริการส่งเร็ว ส่งตรงเวลา ซึ่งเป็นบริการพื้นฐาน โดยจะพัฒนาระบบต่างๆ ให้เข้าสู่ระบบอัตโนมัติ (Automation) เพื่อให้ทำงานได้รวดเร็วขึ้นลดความผิดพลาดลง และการสร้าง Engagement เห็นได้จากตลาด e-Commerce ที่หลายคนหันมาซื้อสินค้าผ่าน LIVE Streaming เพราะมีการพูดคุยสื่อสารกัน เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีกับลูกค้า โดยไม่ใช่แค่บริษัทที่ขนส่งพัสดุจากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่ง

ถือเป็นหนึ่งบริษัทด้าน Logistic ที่เรียกว่า “มองการณ์ไกล” นั่นเพราะคุณเพียซเห็นว่า การแข่งขันราคาในปัจจุบันหรือการแข่งขันการพัฒนารูปแบบการส่งแบบ Same Day เป็นการใช้งานเงินลงทุนที่ค่อนข้างสูงมากและเทียบไม่ได้กับผลที่ได้รับ ในขณะที่การให้บริการที่สม่ำเสมอจะช่วยให้สามารถนำต้นทุนไปพัฒนาด้านอื่นๆ ที่สำคัญกว่า แล้วมองหาพันธมิตรที่มีศักยภาพมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดส่ง น่าจะเป้นทางออกที่ดีกว่าในยุคที่เศรษฐกิจยังมีความไม่แน่นอน


  • 1
  •  
  •  
  •  
  •  
Gigolo
เมื่อเทคโนโลยีอยู่ใกล้กับชีวิตทุกคน มารู้เท่าทันเทคโนโลยีเพื่อใช้มัน แต่อย่าให้เทคโนโลยีมันใช้เรา