เชื่อว่าตอนนี้ทุกคนคงมีมือถือเป็นของตัวเอง อย่างน้อยก็คนละเครื่อง ในส่วนของการใช้งาน ก็จะแตกต่างกันไปตามความชอบส่วนบุคคล ดังนั้น หน้าที่ของนักการตลาดคือ ต้องเข้าใจว่าพวกเขาต้องการอะไร มีพฤติกรรมอย่างไรในการใช้สมาร์ทโฟน เพื่อเพิ่มโอกาสทางการขาย
จากการสำรวจของ xAd เผยว่า ผู้บริโภคจะใช้สมาร์ทโฟนเพื่อซื้อสินค้า และสื่อสารกับแบรนด์ โดยคาดหวังว่าแบรนด์จะตอบสนองอย่างรวดเร็ว 64% ของผู้ใช้จะใช้สมาร์ทโฟนขณะอยู่ในบ้าน และอีก 36% จะใช้เมื่ออยู่นอกบ้าน
สำหรับเหตุผลที่สมาร์ทโฟนได้รับความนิยม ส่วนใหญ่จะบอกว่า เพราะใช้งานง่าย สะดวกรวดเร็ว และสามารถเข้าถึงคอนเทนต์ต่างๆ ได้ง่าย แม้ว่าจะมีคอมพิวเตอร์วางอยู่ใกล้ตัว เราเชื่อว่า บางคนก็เลือกที่จะหยิบมือถือมากกว่า
จากภาพจะเห็นว่า 21% ต้องการสินค้าภายใน 1 ชั่วโมง หลังจากการค้นหาข้อมูลผ่านมือถือ เมื่อดูตั้งแต่ปี 2013 จนถึงปี 2015 เปอร์เซ็นต์ก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และเมื่อมีข้อมูลแล้ว จะตัดสินใจซื้อภายใน 1 อาทิตย์ (38%) และภายในชั่วโมงนั้นเลย (21%)
นอกจากนี้ ผลสำรวจยังพบอีกว่า ปัจจุบัน (2015) ผู้บริโภคจะเลือกใช้สมาร์ทโฟนในการค้นหาสินค้า มากกว่าการใช้คอมพิวเตอร์ ซึ่งนับเป็นปีแรกที่สมาร์ทโฟนขึ้นนำคอมพิวเตอร์ แถมยังนำห่างอีกด้วย จาก 25% ในปี 2013 ขึ้นมาเป็น 53% ในปีนี้
ในส่วนของแบรนด์ ก็ต้องเตรียมความพร้อมด้านข้อมูลสินค้าให้ครบถ้วน เพราะบางครั้งผู้บริโภคจะหาข้อมูลจากที่บ้านแล้ว เมื่อเข้าไปที่ร้านก็จะสอบถามพนักงานอีกที อย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้นว่า การค้นหาข้อมูลส่วนใหญ่จะใช้งานผ่านสมาร์ทโฟน แบรนด์จึงต้องพัฒนาเว็บให้รองรับกับการใช้งานด้วย
• 56% จะสอบถามข้อมูลสินค้ากับพนักงานในร้าน
• 21% จะหาข้อมูลสินค้าโดยใช้สมาร์ทโฟน
โดย 1 ใน 3 ของผู้บริโภคจะดูสินค้าขณะอยู่บ้าน และ 33% จะซื้อสินค้าภายใน 1 สัปดาห์ หรือมากกว่านั้น อย่างไรก็ตาม 1 ใน 5 ของผู้บริโภคจะมองหาเว็บที่มีโปรโมชั่นพิเศษ หรือเปรียบเทียบหลายๆ เว็บ และ 42% วางแผนจะซื้อสินค้าภายใน 1 ชั่วโมง
ทั้งนี้ เมื่อผู้บริโภคใช้งานผ่านสมาร์ทโฟน นั่นอาจหมายความว่า พวกเขามีความตั้งใจที่จะซื้อสินค้าจริงๆ เพราะตอนนี้เราสามารถทำธุรกรรมทางการเงินได้ภายในไม่กี่นาที เมื่อได้สินค้าที่ต้องการแล้ว ก็จ่ายเงินได้เลย
และในปี 2015 ผู้บริโภคกว่า 51% บอกว่า ต้องการซื้อสินค้าจากร้านที่มีหน้าร้าน มีสถานที่ตั้งที่ชัดเจน เพราะต้องการเห็นสินค้าจริง ส่วนที่ตัดสินใจซื้อเมื่อไปถึงร้าน ก็มีมากถึง 36%
นอกจากนี้ โลเคชั่น หรือสถานที่ตั้งของร้านก็มีส่วนสำคัญเช่นกัน เพราะ 66% ของผู้บริโภคต้องการซื้อสินค้าจากร้านที่อยู่ใกล้บ้านในระยะไม่เกิน 8 กิโลเมตร และต้องการซื้อภายใน 1 ชั่วโมง
และเมื่อแบ่งตามช่วงอายุ กลุ่มที่มีอายุ 18-34 ปี 63% ต้องการเดินทางน้อยกว่า 8 กิโลเมตร ส่วนกลุ่มที่มีอายุระหว่าง 35-54 ปี (45%) ไม่คาดหวังเรื่องการเดินทางเท่าไรนัก