กระแสการลงทุนในเงินดิจิทัล Cryptocurrency มีความร้อนแรงไม่แผ่วลงเลย โดยเฉพาะตอนนี้นักลงทุนมือใหม่ต่างก็ให้ความสนใจอยากลงทุนด้านนี้ไม่ใช่น้อย และต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง เพื่อให้การลงทุนนั้นเป็นไปอย่างราบรื่น
Cryptocurrency คืออะไร
Cryptocurrency เป็นสินทรัพย์ดิจิทัลประเภทหนึ่งที่เป็นสกุลเงินในอนาคต หรือเรียกว่า สกุลเงินเสมือน ที่ต้องเข้ารหัสเพื่อใช้ในการป้องกันในการทำธุรกรรมที่เรียกว่า Blockchain โดยสามารถทำการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการระหว่างสินทรัพย์ดิจิทัลผ่านอินเทอร์เน็ต ซึ่ง Cryptocurrency นั่น ๆ จะเรียกว่า เหรียญ เช่น เหรียญบิตคอยน์ เป็นต้น
ปัจจุบันนักลงทุนที่เข้ามาลงทุนใน Cryptocurrency จะเน้นเล่นแบบเก็งกำไร หรือเป็นการเทรดเพื่อทำกำไรส่วนต่างจากราคาที่ซื้อไว้ตอนแรก ไม่ค่อยนิยมถือยาวเหมือนกันลงทุนในหุ้น แต่ก็เป็นการลงทุนที่คล้าย ๆ เล่นหุ้น เพราะต้องใช่กราฟเทคนิคเข้ามาเป็นตัววิเคราะห์ราคาว่าช่วงนั้นเป็นขาขึ้น หรือขาลง และจึงเข้าไปลงทุน แต่การลงทุนใน Cryptocurrency สามารถลงทุนได้ตลอด 24 ชม. นั่นหมายความว่า ราคาขึ้นและลงสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาในช่วงยามที่นักลงทุนไม่ได้อยู่เฝ้าหน้าจอนั่นเอง
7 Cryptocurrency ที่ลงทุน ซื้อขายได้ถูกกฎหมาย
นักลงทุนมือใหม่อาจสงสัยว่า การลงทุน Cryptocurrency ซึ่ง ณ ปัจจุบันสกุลเงินคริปโตนิยมลงทุนกันมากที่สุด ถึง 7 สกุลเงินดิจิทัล ได้แก่
• Bitcoin เป็นสกุลเงินดิจิทัลที่เก่าแก่ที่สุดและเป็นสกุลเงินแรกของโลก นักลงทุนมือใหม่ หรือนักลงทุนรายย่อยสามารถเริ่มต้นลงทุนในบิทคอยน์ได้โดยซื้อหน่วยลงทุนเป็นจุดทศนิยม หรือเป็นการเริ่มต้นลงทุนไม่ถึงพันบาท
• Ethereum ได้รับความนิยมมาเป็นอันดับ 2 รองจาก Bitcoin เป็นระบบบล็อคเชนที่ได้รับความนิยมใช้งานสูงสุดเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ทำให้เหรียญ Ethereum มีความต้องการสูง
• Bitcoin Cash (BCH) เป็นสกุลเงินที่แยกออกมาจาก Bitcoin สภาพคล่องสูงจะช่วยลดระยะเวลาการทำธุรกรรมเช่น ซื้อ ขาย โอน ให้ไวขึ้น ถือเป็นอีกสกุลเงินที่ได้รับการยอมรับ และมาแรง รวมถึงมีมูลค่าในตลาดสูง
• Etheremu Classic เป็นสกุลเงินดิจิทัลแยกตัวออกมาจาก Ethereum เกิดขึ้นจากกลุ่มพัฒนาเก่าของ Blockchain
สร้างในปี 2559 มีเทคนิคที่แตกต่างจาก Ethereum เพราะเป็นเครือข่ายที่ใช้ในการโฮสต์นั่นเอง
• Litecoin เป็นสกุลเงินดิจิทัลที่สร้างขึ้นในปี 2011 คล้ายกับ Bitcoin แต่มีความเร็วกว่าบิตคอยน์ถึง 4 เท่า ในการประมวลผลทางการทำธุรกรรม และมีค่าธรรมเนียมที่ถูกลงมาก
• Ripple (XRP) มีความแตกต่างจากสกุลเงินอื่น ๆ เพราะถูกออกแบบภายใต้ระบบ Private Blockchain เป็นสกุลเงินดิจิทัลหลักในการแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศ ซึ่ง Ripple เป็นที่ยอมรับเป็นวงกว้างของสถาบันการเงินและบริษัทชั้นนำทั่วโลก อาทิ Google หรือ Standard Chartered เป็นต้น
• Stellar (XLM) สกุลเงินที่ถูกพัฒนามาจาก Ripple เพื่อการถ่ายโอนแลกเปลี่ยนกับสกุลเงินหลัก ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานทั่วไป
เปิดบัญชีเทรด Cryptocurrency สัญชาติไทยได้ที่ไหน
การเลือกบัญชีเพื่อเทรด Cryptocurrency สัญชาติไทย ควรเลือกบริษัทที่ได้รับใบอนุญาตจาก สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. แล้วเท่านั้น เพื่อความปลอดภัย
Bitkub (บิทคับ)
เว็บเทรดคริปโทฯ สัญชาติไทยที่ก่อตั้งเดือนกุมภาพันธ์ 2561 อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ก.ล.ต. จุดเด่นของ Bitkub คือสามารถเทรดบิทคอยน์ หรือเหรียญดิจิทัลอื่น ๆ ด้วยเงินบาท มีจำนวนสกุลเงินบนกระดานให้เก็งกำไรทั้งสิ้น 46 สกุลเงินและเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยผู้ก่อตั้ง 3 คน ได้แก่ นายจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา นายอธิชนัน พูลเกษ และนายสกลย์กร สระกวี
• ค่าธรรมเนียมการเทรด 0.25%
• ค่าธรรมเนียมการถอน 20 บาท
Satang Pro (สตางค์โปร)
เว็บเทรดคริปโทฯ สัญชาติไทย ก่อตั้งเมื่อเดือนกันยายน 2560 ในชื่อ TDAX ก่อนจะเปลี่ยนชื่อมาเป็น Satang Pro และอยู่ภายใต้การกำกับของ ก.ล.ต. ปัจจุบัน มีสกุลเงินทั้งหมด 31 สกุลเงินบนกระดาน มีนายปรมินทร์ อินโสม เป็นผู้ก่อตั้ง และเป็นผู้สร้างเหรียญ Firo สามารถฝากและถอนเหรียญระหว่างสตางค์โปรและ Binance ได้ไม่มีค่าธรรมเนียมฝากถอนเหรียญจากไบแนนซ์
• ค่าธรรมเนียมการเทรด 0.12-0.20%
• ค่าธรรมเนียมการถอน 18 บาท
Bitazza (บิทาซซ่า)
หนึ่งในบริษัทที่ได้รับใบอนุญาตจาก ก.ล.ต. และกระทรวงการคลังแห่งประเทศไทย เป็นเว็บเทรดคริปโทฯ ประเภทนายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลหรือโบรกเกอร์ ที่สามารถซื้อขายกับเจ้าของเว็บโดยตรงผ่านการจับคู่ออเดอร์ที่อยู่เว็บเทรดอื่นๆ ทั่วโลกบนกระดานที่หน้าตาเหมือนกระดานแลกเปลี่ยนปกติ บิทาซซ่า ปัจจุบันมีจำนวนสกุลเงินบนกระดานทั้งหมด 25 สกุลเงิน ก่อตั้งในปี 2562 โดย อาร์ท-กวิน พงษ์พันธ์เดชา และทีม
• ค่าธรรมเนียมการเทรด 0.25%
• ค่าธรรมเนียมการถอน 20 บาท
Zipmex (ซิปเม็กซ์)
เว็บไซต์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลรายเดียวในไทยที่ไม่เก็บค่าธรรมเนียมการซื้อขาย ก่อตั้งในปี 2561 โดยผู้ก่อตั้งชาวไทยและสิงคโปร์ โดย ดร.เอกลาภ ยิ้มวิไล และ มาร์คัส ลิม ปัจจุบันมีสกุลเงินบนกระดาน 19 สกุลเงิน
• ค่าธรรมเนียมการเทรด ไม่มี
• ค่าธรรมเนียมการถอน 20 บาท
เปิดบัญชีเทรด Cryptocurrency ของต่างประเทศได้ที่ไหน
ไบแนนซ์ (Binance)
เว็บเทรดคริปโท ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก ปัจจุบันมีสกุลเงินบนกระดาน 358 สกุลเงิน เริ่มก่อตั้งในปี 2560 โดย ชางเพ็ง เจา ชายหนุ่มสัญชาติจีน-แคนาเดียน นักธุรกิจที่เคยเป็นพนักงานแมคโดนัลและขายอพาร์ทเมนต์เพื่อทุ่มเงินลงทุนในบิตคอยน์
• ค่าธรรมเนียมการเทรด 0.1%
• ค่าธรรมเนียมการถอน ขึ้นอยู่กับแต่ละสกุล
หั่วปี้ (Huobi)
เว็บเทรดคริปโท ที่ก่อตั้งในปี 2556 โดยลีออน ลี (Leon Li) ในประเทศจีน ปัจจุบันมีสกุลเงินบนกระดานแลกเปลี่ยน 327 สกุลเงิน
• ค่าธรรมเนียมการเทรด 0.25%
• ค่าธรรมเนียมการถอน 15 บาท
สร้างรายได้จาก Cryptocurrency ได้อย่างไร
• ลงทุนระยะยาว คล้ายการลงทุนในหุ้น ที่ซื้อมาในราคาที่ถูก และถือไว้จนได้ในราคาที่พอใจ แล้วจึงทำการขายทำกำไรออกไป แต่อย่างไรก็ตาม ต้องทำการศึกษาดูกราฟเชิงเทคนิคอลด้วยว่า เหรียญที่เราถืออยู่นั้นยังมีการเติบโตเพิ่มขึ้นหรือไม่ ในอนาคตราคายังจะวิ่งขึ้นไปแตะที่ประมาณเท่าไร
• เก็งกำไรในระยะสั้น เป็นการซื้อ ขายช่วงระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้น หรือได้กำไรเป็นที่พอใจเล็ก ๆ น้อย หรือเรียกว่า เป็นค่ากับข้าว แต่การเล่นเก็งกำไรแบบนี้ก็ต้องอาศัยประสบการณ์ การติดตามข่าวสาร และการนำกราฟเชิงเทคนิคมาวิเคราะห์ด้วย เพื่อไม่ให้เงินนั้นสูญหายไป
ภาษี Cryptocurrency ที่นักลงทุนมือใหม่ต้องรู้
ตามพระราชกําหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 ซึ่งระบุว่า สินทรัพย์ดิจิทัลหากมีกำไรหรือมีผลตอบแทนที่ได้จากการลงทุนจะต้องเสียภาษีหัก ณ ที่จ่าย ร้อยละ 15 ของกำไร และบุคคลที่มีเงินได้จากการซื้อขายคริปโตฯ จะต้องยื่นแบบแสดงการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โดย พระราชกําหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 19) พ.ศ. 2561 ของกฎหมาย 3 ข้อ คือ
• ส่วนแบ่งกำไรที่ได้ต้องเสียภาษี
• ผลประโยชน์ที่เกิดจากการโอนต้องเสียภาษี
• ให้ผู้จ่ายเงินได้หัก 15% เมื่อมีการจ่ายเงินได้ และหักแล้วไม่สามารถใช้สิทธิ Final TAX
กรณีเป็นเงินได้จากต่างประเทศจะไม่ต้องเสียภาษีในประเทศไทย หากอยู่ในไทยในปีนั้นไม่ถึง 180 วัน และไม่ได้นำเงินได้เข้ามาในปีที่เกิดเงินได้
อย่างไรก็ตาม การลงทุนไม่ว่าจะในรูปแบบใดย่อมมีความเสี่ยงหากเราไม่ศึกษาหาความรู้ก่อนที่จะเข้าไปลงทุน แบบนั้นย่อมไม่เป็นผลดีแน่ ๆ ฉะนั้นแล้วเพื่อนที่คิดจะเดินเข้ามาลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลควรศึกษาอย่างรอบก่อน เพื่อให้เงินที่เรานำมาลงทุนนั้นไม่สูญหายไป