หลังการเริ่มเปิดประเทศ พร้อมกับที่สถานการณ์โรคระบาดทั่วโลกเริ่มเข้าสู่ภาวะที่ควบคุมได้ กระแสของการเดินทางท่องเที่ยวออกนอกประเทศกลับมาคึกคักมากขึ้น โดยเฉพาะกับประเทศไทยที่ถือว่าเป็นธุรกิจท่องเที่ยวคือกำลังสำคัญในการผลักดันเศรษฐกิจประเทศให้ฟื้นตัวได้เร็วที่สุด ซึ่งพบว่าทั้งตัวเลขนักท่องเที่ยวก็เพิ่มขึ้น รวมถึงรายได้ที่ประมาณการจากการท่องเที่ยวก็มีการคาดการณ์ว่าจะเป็นตัวเลขที่สวยงามด้วย ซึ่งเราได้รวบรวมมาเพื่อเป็นประโยชน์ต่อแบรนด์และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องไว้ให้แล้ว
ตัวเลขนักท่องเที่ยวกลับมาคึกคัก ‘มาเลเซีย’ ฮิตมาไทยอันดับ 1
เปิด 20 อันดับนักท่องเที่ยว เข้าไทยคึกคัก 1 มกราคม ถึง 12 มีนาคม 2566 โดย สถิติจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ณ วันที่ 13 มีนาคม 2566
- มาเลเซีย 681,489 คน
- รัสเซีย 461,416 คน
- เกาหลีใต้ 374,392 คน
- จีน 341,173 คน
- อินเดีย 249,219 คน
- สหรัฐฯ 191,380 คน
- ลาว 185,135 คน
- เยอรมัน 181,297 คน
- สหราชอาณาจักร 176,418 คน
- เวียดนาม 172,215 คน
- ฝรั่งเศส 159,972 คน
- สิงคโปร์ 156,643 คน
- ญี่ปุ่น 136,160 คน
- ฮ่องกง 120,631 คน
- ออสเตรเลีย 120,501 คน
- อินโดนีเซีย 113,030 คน
- กัมพูชา 106,958 คน
- ไต้หวัน 106,834 คน
- ฟิลิปปินส์ 66,364 คน
- สวีเดน 65,622 คน
สอดรับกับข้อมูลของ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ที่ระบุว่า ในปี 2565 นักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยคาดว่าจะมีจำนวน 11.0 ล้านคน ซึ่งดีกว่าที่ทางการได้ตั้งเป้าหมายไว้ที่ 10 ล้านคน ในขณะที่ปี 2566 มองว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยน่าจะมีจำนวนประมาณ 20.0 – 24.0 ล้านคน หรือกลับมาคิดเป็นสัดส่วน 50.0%-60.0% เมื่อเทียบกับจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยในปี 2562 โดยนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคตะวันออกกลางคาดกลับมาฟื้นตัวก่อนและเติบโตกว่าปี 2562 ส่วนนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคอื่นในภาพรวมน่าจะฟื้นตัวได้ดี แต่ยังต้องใช้เวลากว่าที่จะกลับไปสู่ระดับก่อนการระบาดของโควิด
สำหรับตลาดนักท่องเที่ยวจีน ยังต้องติดตามการระบาดระลอกใหม่ และการดำเนินนโยบายช่วงปีหน้า ซึ่งอาจทำให้การกลับมาของนักท่องเที่ยวจีนแบบปกติอาจไม่เกิดขึ้นเร็ว
ค่าใช้จ่ายของ นทท. ประเมินอาจจะยังเอาชนะปี 2562 ไม่ได้
สำหรับการใช้จ่ายของชาวต่างชาติเที่ยวไทยสู่ธุรกิจท่องเที่ยวและเกี่ยวเนื่องในปี 2566 คาดว่าจะมีมูลค่าประมาณ 0.84 – 1.01 ล้านล้านบาท โดยค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคนต่อทริปยังต่ำกว่าปี 2562 จากหลายปัจจัย ทั้งความต้องการเดินทางท่องเที่ยวที่เปลี่ยนไป ส่วนใหญ่ยังเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวระยะใกล้ กลุ่ม Younger Travelers กลุ่มที่เดินทางแบบ Backpacker และเศรษฐกิจที่ชะลอตัวซึ่งมีผลต่องบประมาณในการใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยว
ทั้งนี้ ในปี 2566 แม้คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยจะมากขึ้น แต่ยังอยู่ระดับต่ำกว่าก่อนการระบาดของโควิด และการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติยังไม่ทั่วถึง ด้วยสภาพแวดล้อมของตลาดยังมีปัจจัยท้าทายหลากหลาย โดยเฉพาะปัจจัยความเสี่ยงจากแนวโน้มเศรษฐกิจหลักของโลกอย่างในสหรัฐฯและยุโรปหลายประเทศเข้าสู่ภาวะถดถอย ความเสี่ยงต่อการฟื้นตัวของรายได้และการมีงานทำ สถานการณ์สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิด และปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ที่เกิดขึ้นในเอเชียตะวันออก รวมถึงปัญหาค่าครองชีพที่ยังทรงตัวสูง ทำให้ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวยังคงต้องมีแผนการบริหารความเสี่ยงรองรับเพื่อให้เท่าทันสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงและไม่กระทบสภาพคล่องของธุรกิจ อาทิ แผนรองรับการเปลี่ยนแปลงหรือยกเลิกการเดินทางของนักท่องเที่ยว การลงทุนโครงการใหม่ที่ยังคงต้องระมัดระวัง การเจาะตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติหลากหลายมากขึ้นเพื่อกระจายความเสี่ยง รวมถึงการศึกษาทิศทางเทรนด์ของตลาดเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ความต้องการของนักท่องเที่ยว ท้ายสุดมาตรฐานความปลอดภัยและคุณภาพการให้บริการยังเป็นสิ่งจำเป็น
Source