หากจะถามถึงปัญหาสังคมไทยที่ผ่านมา คงต้องยอมรับว่าการศึกษาคือเป็นปัญหาใหญ่ที่สุดของประเทศไทย เพราะการศึกษาคือพื้นฐานในการแก้ปัญหาทุกเรื่อง เมื่อการศึกษาเกิดปัญหาจึงไม่สามารถแก้ปัญหาในทุกๆ เรื่องได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ แม้จะมีการปรับเปลี่ยนหลักสูตรแก้ไขเพิ่มเติม แต่เหมือนจะไม่ใช่การแก้ปัญหาของระบบการศึกษาในประเทศไทยที่แท้จริง
ยิ่งสถานการณ์ COVID-19 ก่อให้เกิดผลกระทบต่อระบบการศึกษาของประเทศไทย โดยเฉพาะการเลื่อนเปิดเทอมไปอีกอย่างน้อยหนึ่งเดือนครึ่ง ซึ่งจากการศึกษาแล้วพบว่า การเลื่อนเปิดเทอมจะก่อให้เกิดปรากฏการณ์ที่เรียกว่า “Summer Slide” หรือความรู้เกิดการถดถอย ยิ่งการเลื่อนเปิดเทอมออกไปหนึ่งเดือนครึ่งหรือ 6 สัปดาห์ จะก่อให้เกิดความรู้ถดถอยหายไปถึงครึ่งปีการศึกษา
ซึ่งเด็กๆ ควรได้รับการศึกษาอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเรียนรู้ที่สนุกสนานและมีความเหมาะสมกับเด็กแต่ละคนที่มีพื้นฐานแตกต่างกัน นั่นจึงทำให้นักการศึกษาอย่าง พริษฐ์ วัชรสินธุ หรือ ไอติม อดีตนักการเมืองรุ่นเล็กและหลานสุดรักของ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ต้องออกมาช่วยเสริมการศึกษาให้กับเยาวชนไทยผ่านรูปแบบแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน
“StartDee” แอปพลิเคชันด้านการศึกษา ที่คุณไอติมชี้ว่า เกิดมาจากน้องนักศึกษาที่ไปพบโดยบังเอิญ โดยมีนามสมมุติว่า น้องมะลิ ซึ่งน้องมะลิเป็นเด็กนักเรียนจากจังหวัดกำแพงเพชร อายุ 17 ปี ที่ต้องเข้ามาเรียนพิเศษเพียงคนเดียวตามลำพัง เพื่อให้สามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ ได้ นั่นเป็นการบ่งบอกว่าการศึกษายังคงกระจุกตัวอยู่ในกรุงเทพฯ
จากข้อมูลที่คุณไอติมสำรวจพบว่า เด็กนักเรียนไทยต้องเรียนหนังสือเฉลี่ย 1,200 ชั่วโมงต่อปีในโรงเรียน ซึ่งถือว่าเป็นการเรียนที่หนักลำดับต้นๆ ของโลก นอกจากนี้ยังต้องเรียนพิเศษอีกอย่างน้อย 600 ชั่วโมงต่อปี เพื่อให้สามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำ หมายความว่าคนที่เรียนระดับนี้จะต้องมีเงินทุนอย่างน้อย 40,000 บาทต่อปีเฉพาะค่าเรียนพิเศษ และต้องมีเงินอีกอย่างน้อย 10,000 บาทต่อปี สำหรับค่าเดินทางและค่าที่พักในกรณีที่เป็นเด็กต่างจังหวัด
ซึ่งสิ่งที่เด็กต่างจังหวัดต้องสูญเสียไปเพื่อแลกกับการเรียนเพื่อให้สามารถเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำ คือ ระยะเวลา 20 วันที่จะได้เที่ยวเล่นกับเพื่อนในช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์ และอาหารมื้อเย็นที่ได้ทานพร้อมหน้าพร้อมตากับพ่อแม่อีก 75 มื้อ ซึ่งสำหรับน้องมะลิแล้วอาจจะเป็นเด็กที่มีโอกาสในการศึกษา แต่เมื่อมองย้อนกลับไปจะพบว่า ยังมีเด็กอีกจำนวนมากที่อาจมีทุนทรัพย์ไม่เท่าน้องมะลิ
คุณไอติมจึงวิเคราะห์การศึกษาในประเทศไทยแบบง่ายๆ ว่า เมื่อมองลงไปในระดับโรงเรียน จะเห็นว่าโรงเรียนชั้นนำสามารถส่งเด็กไปคว้าแชมป์โอลิมปิกได้อย่างต่อเนื่อง แต่ยังมีโรงเรียนขนาดเล็กอีกจำนวนมากที่ยังมีครูไม่เพียงพอสำหรับ การศึกษาในทุกระดับชั้น เมื่อมองดูในระดับสังคม มีหลายครอบครัวที่พร้อมจ่ายค่าเรียนพิเศษได้อย่างเต็มที่ แต่ยังมีอีกหลายครอบครัวส่วนใหญ่ที่มีข้อจำกัดในการใช้จ่าย ขณะที่ในระดับประเทศ เด็กไทยเรียนหนักอันดับต้นๆ ของโลก แต่ผลตรวจวัดกลับอยู่ข้างล่างของตารางการศึกษาระดับโลก หากเทียบกับประเทศในอาเซียนด้วยกัน ประเทศไทยอยู่ในอันดับ 5 จากทั้งหมด 7 ประเทศ
เพื่อให้การศึกษาสามารถเข้าถึงเด็กไทยทุกคน คุณไอติมจึงได้พัฒนาแอพพลิเคชั่น StartDee ซึ่งเป็นการเลียนเสียงมาจากคำว่า “Study” โดยเป็นแอปพบิเคชันที่รวบรวมคอนเทนต์ด้านการศึกษาเสมือนกับ Netflix ของการศึกษาไทย โดยจุดเด่นที่สำคัญของ StartDee แบ่งออกเป็น 3 ด้านด้วยกัน ทางด้านการศึกษาที่เหมาะกับเด็ก (Personalised) เพราะเด็กๆ มีความสามารถในการเรียนรู้ที่แตกต่างกัน โดย StartDee จะมีการใช้ AI เรียนรู้ถึงวิธีการศึกษาของเด็กแต่ละคน เพื่อนำเสนอ แบบเรียนและวิธีการสอนที่เหมาะสมกับการเรียนรู้ของเด็กแต่ละคน
การศึกษาที่สนุกสนาน (Gamified) เพราะความสนุกอยู่คู่กับเด็กทุกคน การเรียนที่ไม่สนุกสนานจะทำให้เด็กเรียนรู้ได้ยากขึ้น StartDee จึงมีระบบ Reward ซึ่งจะช่วยให้เด็กได้รับคะแนน หรือเรียนพิเศษ เพื่อใช้ในการร่วมกิจกรรมอื่นๆ ที่เด็กๆสนใจ และการศึกษาแบบเรียนรู้ร่วมกัน (Social) นอกจากเรื่องของการเรียนแล้ว StartDee ยังมีฟีเจอร์ที่ช่วยให้สามารถเรียนรู้ร่วมกัน โดยสามารถถามตอบกับครูผู้สอนได้ในแอปพลิเคชัน สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลกับเพื่อนนักเรียนที่อยู่ในแอปพลิเคชันเดียวกันได้
นอกจากจุดเด่นทั้ง 3 ข้อแล้ว คุณไอติมยังมีเป้าหมายที่จะให้ StartDee เป็นแอปพลิเคชันสำหรับทุกคนตามวิสัยทัศน์ “A Good Start For All” ที่ช่วยให้นักเรียนสามารถเรียนรู้ผ่าน StartDee ได้อย่างเท่าเทียมกัน ภายใต้กลยุทธ์ 3 ด้าน ทั้งด้าน “ทุกคน” ที่ให้มีเนื้อหาการเรียนการสอนครอบคลุมทุกระดับชั้นตั้งแต่ ป.1 – ม.6 สามารถเรียนได้ทุกที่ทุกเวลา ด้วยราคาที่ทุกคนเข้าถึงได้ คาดว่าจะคิดรายเดือนอยู่ที่ 300-400 บาทต่อเดือน
“ทุกวิชา” ครบถ้วนด้วยเนื้อหาของทุกวิชาหลักที่มีการสอนอยู่ในโรงเรียน รวมถึงการพัฒนาทักษะด้านอื่นของเด็กๆ เพื่อรองรับความต้องการของตลาดในอนาคตและความสามารถของเด็กๆ โดยจะเป็นการเรียนผ่านหลากหลายรูปแบบทั้งแบบวิดีโอ แบบฝึกหัดหรือข้อสอบจำลอง และ “ทุกระบบ” ที่จะช่วยให้เด็กๆ สามารถเข้าถึงการเรียน ผ่านอุปกรณ์หลากหลายชนิดทั้งมือถือและแท็บเล็ต รวมถึงการสร้างความเสถียรและความปลอดภัยในการศึกษาผ่านระบบออนไลน์ของเด็กๆ ที่สำคัญมีการเตรียมนำ AI เพื่อเข้ามาช่วยให้การเรียนของเด็กๆ มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
โดยในช่วงการเลื่อนเปิดเทอมนี้ StartDeeจึงเร่งพัฒนาแอปพลิเคชันเพื่อให้เด็กนักเรียนได้เรียนฟรี ตั้งแต่ 18 พฤษภาคม – 30 มิถุนายนนี้ ผ่าน 3 บริการพิเศษ FREE Self-Learning ช่วยให้เด็กเข้าถึงเนื้อหาการเรียนการสอนทุกส่วนในแอปพลิเคชันฟรี ในลักษณะของการเรียนรู้ด้วยตัวเองผ่านวิดีโอและแบบฝึกหัด ครอบคลุมทุกวิชาหลักในระดับชั้นมัธยมศึกษา ที่จะเริ่มในเดือน พ.ค.และชั้นประถมศึกษา ที่จะเริ่มในเดือน มิ.ย., FREE Online Class เป็นการสอนเพิ่มเติมทุกวันฟรีโดยครูชั้นนำในแต่ละวิชาทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ 9.00 น. – 12.00 น. ผ่านการไลฟ์สตรีมในแอปพลิเคชันสำหรับนักเรียนระดับชั้น ม.3 และ ม.6 และ FREE Internet with AIS ซึ่งร่วมมือกับเครือข่ายมือถือที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ เพื่อสนับสนุนการเข้าถึงการเรียนการสอนให้กับเด็กไทยอย่างมีคุณภาพทั่วประเทศ
ด้าน นางสาวเบญจพร กำเพ็ชร หัวหน้าส่วนงานการตลาดกลุ่มลูกค้าทั่วไป เอไอเอส ชี้ว่า AIS พร้อมสนับสนุนการศึกษาของเด็กและคนไทย โดย AIS ได้ร่วมกับ StartDee สนับสนุนใน 4 ด้านหลักทั้งการนำจุดแข็งทางด้านวิดีโอแพลตฟอร์มมาช่วยสนับสนุนการศึกษาผ่าน AIS Play ช่อง Education ช่วยให้เด็กสามารถเข้าถึงคอนเทนต์การเรียน การสอนจาก StartDee, ด้านอินเทอร์เน็ตเพื่อการศึกษา โดยมอบสิทธิพิเศษฟรีดาต้า ช่วยให้เข้าถึงการเรียนการสอนบนแอปฯ Startdee เป็นเวลา 3 เดือน (เริ่มตั้งแต่ 15 พ.ค. เป็นต้นไป) สำหรับผู้ที่ใช้ ZEED SIM
ด้านการพัฒนาคอนเทนต์ โดย AIS และ Startdee จะร่วมพัฒนาคอนเทนต์ให้ความรู้เกี่ยวกับดิจิทัล นวัตกรรมและเทคโนโลยี โดยบุคลากรของเอไอเอสที่มีความรู้และประสบการณ์ในด้านดิจิทัลและเครือข่าย จะเข้ามาร่วมสร้างสรรค์เนื้อหาความรู้ด้วยกัน และด้านความร่วมมือระยะยาวในเชิง Innovation Partnership โดยร่วมพัฒนาในส่วน Infrastructure เช่น การนำ Big Data มาวิเคราะห์และประมวลผลเพื่อใช้ประโยชน์ร่วมกันและนำไปพัฒนาการเรียนการสอนให้ตอบโจทย์และตรงกับความต้องการของเด็กมากขึ้น รวมถึงการอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้สามารถชำระค่าบริการแอปฯ StartDee ผ่านทางค่าใช้จ่าย AIS
สามารถดาวน์โหลดแอปฯ StartDee ได้ทั้งในระบบ iOS และ Android
