แบรนด์ต้องทำ 3 อย่างนี้เมื่อ Virtual Reality ประชิดผู้บริโภค

  • 73
  •  
  •  
  •  
  •  

คอนเทนต์ในสื่อสังคมออนไลน์มีคุณภาพมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นบทความ รูปภาพ หรือวีดีโอ ทำให้แบรนด์น่าจดจำและอยู่ในหัวของผู้บริโภค แต่คอนเทนต์ที่ดีอาจไม่เพียงพอ ในอนาคตผู้บริโภคต้องการ “ประสบการณ์” ที่สมจริงและน่าประทับใจมากขึ้น ผู้บริโภคจึงคาดหวังในตัวแบรนด์มากขึ้นกว่าเมื่อก่อนเช่นกัน

เทคโนโลยีอย่าง Virtual Reality หรือ VR จึงเข้ามามีบทบาทในการตลาดมากขึ้น กลายเป็น “การตลาดเชิงประสบการณ์”  (Experience Marketing) ทำให้ตอนนี้มีหลายๆแบรนด์เริ่มปรับตัวกับเทคโนโลยีนี้มากขึ้นเรื่อยๆเช่น Google ที่กำลังพัฒนา Chrome ในเวอร์ชั่น VR  NBC และ Samsung ที่ถ่ายทอดสดโอลิมปิคฤดูร้อนผ่าน VR และสตาร์ทอัพหลายๆเจ้ากำลังพัฒนาแอปพลิเคชั่นเพื่อรองรับ VR ให้ผู้ใช้แอปฯสามารถเสพคอนเทนต์ในรูปแบบ VR ได้ โดยเฉพาะวงการหนังอย่าง Live Nation, Vice Media, 21st Century Fox, และ the Walt Disney ก็ลงทุนใน VR อยู่ไม่น้อย

httpv://www.youtube.com/watch?v=lo3GTYSFhzw

แล้วนักการตลาดควรจะรับมือกับ VR ซึ่งเป็นเทรนด์ที่มาแน่ๆในปีหน้านี้อย่างไร เรามี 3 คำแนะนำง่ายๆมาฝาก

 

1. วีดีโอคอนเทนต์ต้องดีมากกว่าแค่ 30 วินาที

เพราะการทำคอนเทนต์ดีๆมีคุณภาพแค่ 30 วินาทีไม่ใช่ความคิดที่ดีในการสร้างแบรนด์แน่นอนหาก VR เข้ามา แบรนด์ด้องเล่าเรื่องออกมาไม่ใช่แค่ดีเยี่ยม แต่ต้องสมจริงด้วย ให้แบรนด์กับเรื่องราวที่แบรนด์เล่าเป็นเนื้อเดียวกัน ที่สำคัญต้องเปิดโอกาสให้ผู้ชมมีตัวเลือกในการเสพคอนเทนต์ผ่าน VR ได้หลากหลาย เช่นมีปฏิสัมพันธ์โต้ตอบ ขยายคอนเทนต์เพื่อได้รับประสบการณ์จากคอนเทนต์ที่ลึกขึ้น และขยายออกเพื่อได้เห็นเรื่องราวที่แบรนด์พยายามเล่าได้ทั้งหมด

LG ที่เป็บแบรนด์มือถือทำได้ดีในเรื่องของการพัฒนาคอนเทนต์สำหรับ VR ผู้ชมสามารถดูและขยายเข้าเพื่อเลือกดูมือถือในหน้าจอแล้วเล่นมือถือนั้นได้สมจริง 360 องศา และสามารถขยายให้เห็นมือถือทั้งหมดในวีดีโอโฆษณาได้ด้วย

httpv://www.youtube.com/watch?v=xKkBP9ctdRQ

VR จึงกลายเป็นเสื่อกลางที่ทำให้คอนเทนต์ที่มอบประสบการณ์เหนือคำบรรยาย แบรนด์สามารถเล่าเรื่องได้จุใจขึ้น จึงถูกในมาใช้ในวงการบันเทิง ไม่เว้นแต่วงการยานยนต์ที่ผลิตวีดีโอสั้นๆรองรับ VR ด้วยอย่าง Gatorade, Honda, และ Audi

httpv://www.youtube.com/watch?v=Y6LqDSQqj5k

 

2. โฟกัสหนักๆกับประสบการณ์ที่ผู้ชมจะได้รับ

ไม่ใช่แค่ภาพและเสียงที่เราเสพได้สมจริง แต่เป็นประสาทสัมผัสของเราจะโต้ตอบมันราวกับว่าเข้าไปอยู่ในวีดีโอและเข้าใจว่าในวีดีโอเป็นเรื่องจริง คอนเทนต์ที่ดึงประสาทสัมผัสของผู้ชมได้เยอะๆจะมอบประสบการณ์แก่ผู้ชมได้ดีมาก ดึงความสนใจของผู้ชมได้ ยิ่งผู้ชมรู้สึกว่าเหมือนจริง ประสบการณ์ที่ได้รับจากคอนเทนต์นั้นจะตราตรึงและผู้ชมจำได้มากขึ้น

และแบรนด์ก็อยากให้ผู้ชมจดจำและนึกถึงแบรนด์ได้เช่นกัน

httpv://www.youtube.com/watch?v=5YQuAVmk_v8

แต่ VR ก็ทำให้ข้อเสียของโฆษณาที่มีอยู่แล้วเพื่มขึ้นอีกเช่นเดียวกัน ถ้าผู้ชมรำคาญและเอียนกับโฆษณาอยู่แล้ว การใช้ VR ทำให้ผู้ชมไม่ชอบโฆษณามากขึ้นเป็นเท่าตัวเช่นกัน

ฉะนั้น VR จึงเป็นความบันเทิงที่แบรนด์มอบให้ผสมกับวีดีโอที่ผู้ชมมีปฏิสัมพันธ์กัน หากทำได้ดีแบรนด์นั้นจะยิ่งกว่าประสบความสำเร็จแบบเดิมๆ นักการตลาดต้องโฟกัสหนักๆกับประสบการณ์ที่ผู้ชมจะได้รับด้วย

 

3. ไม่จำเป็นต้องสร้างแพลตฟอร์มของตัวเองก็ได้

เพราะตอนนี้ผู้ใช้ VR ต้องดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่นหลายๆตัวในอุปกรณ์ VR เพื่อเสพคอนเทนต์ให้สมจริง แต่สำหรับแบรนด์แล้ว เหตุผลนี้ฟังไม่ขึ้นเลย คอนเทนต์สำหรับ VR มีแนวโน้มที่จะเป็นคอนเทนต์ตัวเลือกในแพลตฟอร์มอื่นมากกว่าสร้างแพตลฟอร์มเอง เช่นในกรณีของ FOX Sport หากใครมาดูก็จะเห็นแถบเมนูตัวเลือกหรือช่องที่มีแต่คอนเทนต์กีฬารุนแรงรองรับ VR จากแบรนด์ต่างๆเช่น GoPro หรือ Red Bull วีดีโอบางตัวก็เป็นของ FOX Sport เองแต่มีสปอนเซอร์สนับสนุน

httpv://www.youtube.com/watch?v=BZ-TI6498-4

 

httpv://www.youtube.com/watch?v=MKWWhf8RAV8

คอนเทนต์ที่ดีต้องเล่นกับประสาทสัมผัสของมนุษย์ให้มากที่สุด สมจริงที่สุด และ VR ในตอนนี้ก็เล่นทั้งเสียง ภาพ และการเคลื่อนไหวครบรส หากแบรนด์ต้องการทำโฆษณาต้องมั่นใจแล้วล่ะว่าคนเสพคอนเทนต์จะยินดีดูโฆษณาของคุณหรือไม่ด้วย

 

แหล่งที่มา

http://mashable.com/2016/08/11/brands-need-to-know-about-virtual-reality/?utm_cid=hp-h-9#5XmluUxNGmqt


  • 73
  •  
  •  
  •  
  •  
Sarunjade
แชร์มุมมองเกี่ยวกับ Digital Marketing, Digital Business และ Technology เท่าที่รู้ สามารถติชมหรืออยากให้เจาะลึกเรื่องไหนเป็นพิเศษ ส่งเมลมาเลยที่ contact@oopsnetwork.co.th