12 เทรนด์โลกมาแรง ที่คนยุคดิจิทัลต้องรู้จาก Internet Trends 2019 โดย Mary Meeker

  • 5.2K
  •  
  •  
  •  
  •  

12 เทรนด์โลกมาแรง ที่คนยุคดิจิทัลต้องรู้จาก Internet Trend Report 2019 โดย Mary Meeker นักวิเคราะห์ชื่อดัง
12 เทรนด์โลกมาแรง ที่คนยุคดิจิทัลต้องรู้จาก Internet Trends 2019 โดย Mary Meeker

Mary Meeker กูรูด้านการวิเคราะห์การลงทุน ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งและ Managing Partner ของ Bond Capital รวมทั้งยังเป็น Partner ของ Kleiner Perkins บริษัทร่วมลงทุนชื่อดังของอเมริกา นอกจากนี้ยังเป็นอดีต Managing Director และ Research Analyst ของ Morgan Stanley … เป็นประจำทุกปีที่เธอมักจะออกมาเผยแพร่ข้อมูลเชิงลึกเพื่อฉายภาพแนวโน้มของอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับอินเตอร์เน็ต ตลอดจนพฤติกรรมผู้บริโภค ทิศทางเศรษฐกิจและธุรกิจยุคดิจิทัล ผ่าน Internet Trends 2019 โดยในปีนี้มีสไลด์มากถึง333 สไลด์ มากกว่ารายงานเมื่อปีที่แล้วเกือบ 40 แผ่นเลยทีเดียว โดยในปีนี้ มีหัวข้อต่างๆ ที่น่าสนใจ ดังนี้

1) แนวโน้มประชากรอินเตอร์เน็ตโลกเติบโตในอัตราลดลง

แนวโน้มจำนวนผู้ใช้อินเตอร์เน็ตยังคงเติบโต แต่เพิ่มขึ้นในอัตราที่ลดลง โดยในปี 2018 เติบโต 6% ลดลงจากปี 2017ที่โต 7% ซึ่งลดลงจากปี 2016 ที่มีอัตราเติบโต12%  โดยข้อมูลนี้อาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าประชากรโลกส่วนใหญ่ได้เข้าถึงอินเตอร์เน็ตแล้ว โดย Mary มองว่าตัวเลขการเติบโตที่ลดลงของสมาร์ทโฟนเป็นหนึ่งในปัจจัยสนับสนุน

Bond Internet Report 2019 แนวโน้มประชากรอินเตอร์เน็ตโลกเติบโตในอัตราลดลง
Bond Internet Report 2019 – แนวโน้มประชากรอินเตอร์เน็ตโลกเติบโตในอัตราลดลง

 

2)  ประชากรอินเตอร์เน็ตโลกกว่าครึ่งมาจากประเทศแถบเอเชียแปซิฟิก

ในประชากรอินเตอร์เน็ตโลกกว่า 3.8 พันล้านคน มาจากประเทศแถบเอเชียแปซิฟิกถึง  53% โดย 3 ประเทศแรกที่มีประชากรอินเตอร์เน็ตมากที่สุด ได้แก่ จีน อินเดีย และสหรัฐฯ​ ส่วนเพื่อนบ้านเราอย่าง อินโดนีเซีย เข้ามาเป็นอันดับที่ 4

bond internet reportประชากรอินเตอร์เน็ตโลกกว่าครึ่งมาจากประเทศแถบเอเชียแปซิฟิก
Bond Internet Report – ประชากรอินเตอร์เน็ตโลกกว่าครึ่งมาจากประเทศแถบเอเชียแปซิฟิก

 

3) บริษัทเกี่ยวกับอินเตอร์เน็ตที่มูลค่ากิจการ (Market Cap) สูงสุด 30 อันดับแรก เป็นบริษัทสัญชาติอเมริกัน18 ราย สัญชาติจีน 7 ราย

สำหรับบริษัททั่วโลกที่มีกิจการสูงสุด 30 อันดับแรก เป็นบริษัทเทคโนโลยี 9 ราย โดยมีบริษัทเทคฯ ถึง 7 รายที่ติดอันดับ TOP10

Bond Internet Report บริษัทเกี่ยวกับอินเตอร์เน็ตที่มูลค่ากิจการ (Market Cap) สูงสุด 30 อันดับแรก เป็นบริษัทสัญชาติอเมริกัน18 ราย สัญชาติจีน 7 ราย
Bond Internet Report บริษัทเกี่ยวกับอินเตอร์เน็ตที่มูลค่ากิจการ (Market Cap) สูงสุด 30 อันดับแรก เป็นบริษัทสัญชาติอเมริกัน18 ราย สัญชาติจีน 7 ราย
Bond Internet Report บริษัทเกี่ยวกับอินเตอร์เน็ตที่มูลค่ากิจการ (Market Cap) สูงสุด 30 อันดับแรก เป็นบริษัทสัญชาติอเมริกัน18 ราย สัญชาติจีน 7 ราย
Bond Internet Report บริษัทเกี่ยวกับอินเตอร์เน็ตที่มูลค่ากิจการ (Market Cap) สูงสุด 30 อันดับแรก เป็นบริษัทสัญชาติอเมริกัน18 ราย สัญชาติจีน 7 ราย

4) แพลตฟอร์มออนไลน์ที่ประชากรอินเตอร์เน็ตใช้เวลาเพิ่มขึ้น ได้แก่ Youtube และ Instagram

ในรอบ 1  ปีครึ่ง Youtube และ Instagram เป็นแพลตฟอร์มที่คนทั่วโลกใช้เวลาด้วยเพิ่มขึ้นจาก 22% เป็น 27%ของเวลาทั้งหมดที่ใช้ในแต่ละวัน สำหรับ Youtube และ จาก 13% เป็น 19% สำหรับInstagram แต่แพลตฟอร์มที่ยังคงดึงเวลาของคนทั่วโลกไปได้มากที่สุดก็ยังหนีไม่พ้น Facebook ที่มีสัดส่วนถึง 30%

Bond Internet Report 2019 - แพลตฟอร์มออนไลน์ที่ประชากรอินเตอร์เน็ตใช้เวลาเพิ่มขึ้น ได้แก่ Youtube และ Instagram
Bond Internet Report 2019 – แพลตฟอร์มออนไลน์ที่ประชากรอินเตอร์เน็ตใช้เวลาเพิ่มขึ้น ได้แก่ Youtube และ Instagram
Bond Internet Report 2019 - แพลตฟอร์มออนไลน์ที่ประชากรอินเตอร์เน็ตใช้เวลาเพิ่มขึ้น ได้แก่ Youtube และ Instagram
Bond Internet Report 2019 – Video time

 

นอกจากนี้ ใน 1 ปี ชาวโลกออนไลน์นิยมดู VDO สั้น อย่าง Facebook/Messenger Stories, Instagram Stories และ WhatsApp Status เพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่า และฟัง Podcast เพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าในรอบ 4 ปี

5) บริษัทเทคฯ นอกอเมริกาเติบโตเร็วมาก โดยเฉพาะบริษัทที่ใช้ข้อมูลเป็นตัวขับเคลื่อน​

Bond Internet Report 2019 - บริษัทเทคฯ นอกอเมริกาเติบโตเร็วมาก โดยเฉพาะบริษัทที่ใช้ข้อมูลเป็นตัวขับเคลื่อน​
Bond Internet Report 2019 – บริษัทเทคฯ นอกอเมริกาเติบโตเร็วมาก โดยเฉพาะบริษัทที่ใช้ข้อมูลเป็นตัวขับเคลื่อน​
Bond Internet Report 2019 - บริษัทเทคฯ นอกอเมริกาเติบโตเร็วมาก โดยเฉพาะบริษัทที่ใช้ข้อมูลเป็นตัวขับเคลื่อน​
Bond Internet Report 2019 – บริษัทเทคฯ นอกอเมริกาเติบโตเร็วมาก โดยเฉพาะบริษัทที่ใช้ข้อมูลเป็นตัวขับเคลื่อน​

บริษัทเทคฯ กลุ่มแรกที่เติบโตสูงมาก คือ e-Commerce และ Delivery ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่เชื่อมต่อโดยตรงระหว่างผู้ขายกับผู้ซื้อ (Direct Fullfilment) ส่วนบริษัทเทคฯ กลุ่มที่สองที่เติบโตสูงมาก คือ แพลตฟอร์มบริการทางการเงิน

6) ภาพเป็นรูปแบบการสื่อสารที่ได้รับความนิยมอย่างมาก

หลายแพลตฟอร์มการสื่อสารจึงพัฒนาเทคโนโลยีเกี่ยวกับภาพ เช่น แพลตฟอร์มSocial Media รองรับการแชร์ภาพ รวมถึงมีการเพิ่มฟีเจอร์อีดิท (edit) และจัดเรียงภาพ เข้าไปเป็นลูกเล่นเสริมให้ นอกจากนี้ แม้แต่ Google ก็ยังพัฒนาเทคโนโลยีวิเคราะห์ภาพ เพื่อรองรับการค้นหาด้วยภาพ

Bond Internet Report 2019 ภาพเป็นรูปแบบการสื่อสารที่ได้รับความนิยมอย่างมาก
Bond Internet Report 2019 ภาพเป็นรูปแบบการสื่อสารที่ได้รับความนิยมอย่างมาก
Bond Internet Report 2019 ภาพเป็นรูปแบบการสื่อสารที่ได้รับความนิยมอย่างมาก
Bond Internet Report 2019 ภาพเป็นรูปแบบการสื่อสารที่ได้รับความนิยมอย่างมาก

7) เกมอินเตอร์แอคทีฟเป็นอีกรูปแบบในการสื่อสาร และวงการเกมเป็นวงการที่มีพัฒนาการสูงมาก

การเติบโตของเกมเมอร์ทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้นมาตลอด 5 ปี โดยปีที่ผ่านมา มีผู้เล่นราว 2.4 พันล้านคน เติบโต 6% เพิ่มขึ้นจากปี 2017 ที่โต 5% ซึ่งการเติบโตนี้มาจากวงการเกมมีการพัฒนาให้สามารถเล่นด้วยกันได้ พูดคุยกันได้ ส่งข้อความหากันได้ และชมการเล่นเกมของคนอื่นได้ จนนับได้ว่าเป็นอีก Social Platform

 

Bond Internet Report 2019 - เกมอินเตอร์แอคทีฟเป็นอีกรูปแบบในการสื่อสาร และวงการเกมที่มีพัฒนาการสูงมาก
Bond Internet Report 2019 – เกมอินเตอร์แอคทีฟเป็นอีกรูปแบบในการสื่อสาร และวงการเกมที่มีพัฒนาการสูงมาก
Bond Internet Report 2019 - เกมอินเตอร์แอคทีฟเป็นอีกรูปแบบในการสื่อสาร และวงการเกมที่มีพัฒนาการสูงมาก
Bond Internet Report 2019 – เกมอินเตอร์แอคทีฟเป็นอีกรูปแบบในการสื่อสาร และวงการเกมที่มีพัฒนาการสูงมาก

นอกจากนี้ ยังทำให้แพลตฟอร์มการสื่อสารที่เกี่ยวกับเกมเติบโตตามไปด้วย เช่น Discord แพลตฟอร์มให้บริการติดต่อสื่อสารระหว่างเกมเมอร์ เติบโตประมาณ 2 เท่าในรอบ 1 ปี หรือ Twitch แพลตฟอร์มการรับชมการเล่นเกมเติบโตราว 2 เท่าในรอบ 2 ปี ขณะที่บางเกมยังมีการจัด Event ภายในเกม เพื่อให้ผู้เล่นมาร่วมมีประสบการณ์ร่วมกัน​

8) Freemium เป็นรูปแบบธุรกิจที่ใช้ประสบการณ์ของผู้ใช้งานฟรีช่วยขับเคลื่อนทางการตลาด และผู้ใช้งานที่จ่ายเงินช่วยขับเคลื่อนทางการเงิน

โมเดล Freemium พัฒนาขึ้นมาจากธุรกิจเกม ต่อยอดไปสู่ธุรกิจที่พัฒนาสินค้า/บริการเพื่อขายให้กับบริษัทห้างร้าน เช่น Dropbox, Google G Suite ฯลฯ จนปัจจุบัน โมเดลนี้เป็นที่นิยมและใช้งานได้ดีกับธุรกิจที่ขายสินค้า/บริการให้กับผู้บริโภคโดยตรง เช่น Spotify ฯลฯ ซึ่งจะเห็นว่า ยิ่งมีผู้ใช้งานฟรีเพิ่มขึ้น ผู้ใช้งานแบบเสียเงินก็จะเพิ่มขึ้นตาม

Freemium เป็นรูปแบบธุรกิจที่ใช้ประสบการณ์ของผู้ใช้งานฟรีช่วยขับเคลื่อนทางการตลาด และผู้ใช้งานที่จ่ายเงินช่วยขับเคลื่อนทางการเงิน
Freemium เป็นรูปแบบธุรกิจที่ใช้ประสบการณ์ของผู้ใช้งานฟรีช่วยขับเคลื่อนทางการตลาด และผู้ใช้งานที่จ่ายเงินช่วยขับเคลื่อนทางการเงิน

โมเดล Freemium ถูกประยุกต์ใช้อย่างมากกับธุรกิจให้บริการ Cloud ซึ่งรายได้ปีที่แล้วของผู้ให้บริการยักษ์ใหญ่ทั้ง 3 ราย ได้แก่ Amazon, Micorsoft และ Google รวมกันสูงถึงเกือบ 1.4 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ​ โดยโตจากปีก่อนถึง 58%

9) ธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในยุคนี้ต้องขับเคลื่อนด้วย (ดิจิทัล) ดาต้าอย่างจริงจัง

อันที่จริง ก่อนหน้านี้ หลายๆ ธุรกิจที่ประสบความสำเร็จล้วนก็ต้องขับเคลื่อนด้วย “ดาต้า” เพียงแต่อาจจะเป็นข้อมูลแบบออฟไลน์ คือได้จากเซลล์บ้าง หรือพูดคุยกับลูกค้าโดยตรง แต่ในยุคใหม่ ธุรกิจต้องให้ความสำคัญกับ “Digital Data” อย่างมาก โดยนัยของคำนี้สำหรับโลกยุคดิจิทัล หมายถึง ข้อมูลที่มีมากมายมหาศาล เพราะ “รอยเท้า” ดิจิทัลต่างๆ ก็ล้วนเป็นข้อมูลอดิจิทัลในดีตที่มีค่า ขณะที่ Real-time Data ก็เป็นอีกข้อมูลที่สามารถนำมาใช้เพิ่มขีดความสามารถในการตอบสนองลูกค้าได้

ธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในยุคนี้ต้องขับเคลื่อนด้วย (ดิจิทัล) ดาต้าอย่างจริงจัง
ธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในยุคนี้ต้องขับเคลื่อนด้วย (ดิจิทัล) ดาต้าอย่างจริงจัง

หลายบริษัทที่นำดาต้าไปใช้ในการพัฒนาธุรกิจในวิถีต่างๆ เช่น ทำความเข้าใจความต้องการลูกค้าเพื่อพัฒนาธุรกิจ, ใช้เพิ่มการมีส่วนร่วมของลูกค้าเพื่อนำไปสู่การพัฒนาโปรดักส์ร่วมกัน, ใช้บริหารความสัมพันธ์และสื่อสารกับลูกค้า ฯลฯ

ส่วนตัวอย่างการนำ Real-time data มาใช้ประมวลผลเพื่อตอบสนองลูกค้าได้ในทันที ท่ีเห็นได้ชัดคือ เว็ปจองห้องพักที่จะแจ้งว่าในวันที่คุณเลือก ห้องประเภทนี้เหลือกี่ห้อง มีคนกำลังดูห้องนี้กี่คน ฯลฯ รวมถึงเมื่อลูกกค้าจองแล้ว ก็จะใช้ข้อมูลอีกชุดที่เกิดจากการประมวลข้อมูลดิจิทัลในอดีต รวมถึงดึงข้อมูลในฐานข้อมูลลูกค้าเก่า (หากคนนั้นเคยใช้บริการกับเครือบริษัทมาก่อน) มาใช้เพื่อนำเสนอกิจกรรม แพ็คเกจ รวมถึงบริการเสริมต่างๆ

Mary ย้ำว่า Data ที่มีปริมาณมากพอ บวกด้วย AI ถ้าถูกนำไปใช้อย่างถูกต้องเหมาะสม จะช่วยปรับปรุงความพึงพอใจของลูกค้าได้ และช่วยให้ธุรกิจพัฒนาอย่างรวดเร็วและขยายไปได้กว้างขึ้น​ 

10) มีสัญญาณบ่งชี้ถึงความกังวลในการใช้งานสื่อสังคม​ออนไลน์ โดยเฉพาะเรื่องสุขภาพ ความเป็นส่วนตัว และคอนเทนต์ที่มีปัญหา (เช่น Fake News, Hate Speech)​

มีสัญญาณบ่งชี้ถึงความกังวลในการใช้งานสื่อสังคม​ออนไลน์ โดยเฉพาะเรื่องสุขภาพ ความเป็นส่วนตัว และคอนเทนต์ที่มีปัญหา (เช่น Fake News, Hate Speech)​
มีสัญญาณบ่งชี้ถึงความกังวลในการใช้งานสื่อสังคม​ออนไลน์ โดยเฉพาะเรื่องสุขภาพ ความเป็นส่วนตัว และคอนเทนต์ที่มีปัญหา (เช่น Fake News, Hate Speech)​
มีสัญญาณบ่งชี้ถึงความกังวลในการใช้งานสื่อสังคม​ออนไลน์ โดยเฉพาะเรื่องสุขภาพ ความเป็นส่วนตัว และคอนเทนต์ที่มีปัญหา (เช่น Fake News, Hate Speech)​
มีสัญญาณบ่งชี้ถึงความกังวลในการใช้งานสื่อสังคม​ออนไลน์ โดยเฉพาะเรื่องสุขภาพ ความเป็นส่วนตัว และคอนเทนต์ที่มีปัญหา (เช่น Fake News, Hate Speech)​

ความกังวลเรื่องสุขภาพ: ประชากรอินเตอร์เน็ตทุกคนตระหนักถึงข้อดีและข้อเสียของการใช้ Social Mediaเป็นระยะเวลานานๆ โดยเฉพาะข้อเสียเกี่ยวกับสุขภาพกายและใจ ซึ่งถือว่ารุนแรงสูงสุด และนับเป็นความกังวลอันดับต้นที่ทำให้การใช้งาน Socail Media เติบโตในอัตราที่ลดลงอย่างมาก ดังนั้น หลายแพลตฟอร์มจึงออกฟีเจอร์ที่เกี่ยวกับติดตามดู (Tracking) เวลาในการใช้งาน รวมถึงเตือนให้ดูแลสุขภาพ เพื่อแก้ไขข้อเสียนี้​​

ความกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัว: ผู้ใช้ทั่วโลกกังวลเรื่องนี้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นำไปสู่การปรับปรุงกลไกควบคุมดูแลความเป็นส่วนตัวให้ผู้ใช้งาน ทั้งในแง่ของพัฒนาการทางกฎหมาย เช่น GDPR และการปรับปรุงการบริหารจัดการโดยผู้ให้บริการแพลตฟอร์มเอง ทั้ง 2 ส่วนนี้นำไปสู่การพัฒนาระบบเข้า-ถอดรหัสข้อมูล (Encryption) ในการส่งข้อความ

 

ความกังวลเรื่อง Problemetic Content : เพราะคนเราชอบเสพข่าวร้าย/ไม่ดียิ่งพอมาเจอกับธรรมชาติของข้อมูลในโลกอินเตอร์เน็ต มีมักมีการกลั่นกรองน้อยและขยายวงอย่างรวดเร็ว จึงไม่น่าแปลกใจที่ทำไมข่าวร้ายหรือข้อมูลปลอม (ข้อมูลมีปัญหา/ข้อมูลผิด) ถึงได้ลามไปไกลยิ่งกว่าไฟลามทุ่งในเวลาอันสั้น และยิ่งถ้าข้อมูลปลอมถูกนำเสนอด้วยภาพหรือ VDO พลังในแพร่ขยายก็ยิ่งมหาศาลกว่าข้อความหลายเท่า

ไม่เพียงความกังวลเรื่องตัวคอนเทนต์ที่เป็นปัญหา ยังมีความกังวลในแง่ปัญหาของ Algorithms ในจัดการหน้าฟีดให้ผู้ใช้คนนั้นได้พบเห็นแต่สิ่งที่ระบบประมวลเองว่าผู้ใช้คนนั้นน่าจะสนใจ​จากการดูข้อมูลในอดีต เช่น การค้นหา การอ่าน รวมถึงคาดเดาจากการใช้งานแอปฯ จากแวดวงบุคคลและความสนใจที่ผู้ใช้ไปติดตาม ฯลฯ​​ ซึ่งอาจนำไปสู่การสร้างแพทเทิร์นทางความคิดและพฤติกรรมของผู้ใช้งานคนนั้นโดยปริยาย​

นอกจากนี้ ยังกังวลกันว่า Social Media มักแนะนำคอนเทนต์ในกระแสความสนใจของคนส่วนใหญ่ ซึ่งมักมีแนวโน้มเป็นเรื่องลบหรือพฤติกรรมไม่ดี ซึ่งอาจกลายปลูกฝังอุดมคติผิดๆ ยิ่งเมื่อบวกกับการที่แพลตฟอร์มมักเอื้อให้คนที่เชื่อและชอบคล้ายกันมาปฏิสัมพันธ์กันบ่อยๆ คนกลุ่มนี้จึงมักวนอยู่กับโพสต์และการแสดงความเห็น ที่ไปในทางเดียวกัน จึงยิ่งเป็น การตอกย้ำความ​เชื่อนั้นจนทำให้เกิดความคิดสุดขั้วได้ง่ายๆ โดยเฉพาะในเรื่องการเมือง

ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มจึงพยายามแก้ไขข้อกังวลเหล่านี้ด้วยการพยายามตรวจจับ Hate Speech และคอนเทนต์ที่แฝงความรุนแรง หรือมีปัญหาอื่นๆ ก่อนที่ผู้ใช้งานจะรายงานหรือก่อนให้เผยแพร่

ทั้งนี้ Social Media ก็ไม่ได้เป็นกระบอกเสียงให้แต่ข่าวแย่ๆ บ่อยครั้งที่มันทำหน้าที่กระจายข่าวขอความช่วยเหลือระหว่างเพื่อนมนุษย์ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะ Twitter ที่ได้รับยกย่องว่าเป็น “กระบอกเสียงพลเมือง”  ซึ่งต่อมาก็มีแพลตฟอร์มอื่นขยายฟีเจอร์เพื่อสร้างบทบาทตรงนี้ของตนให้ชัดขึ้น

11) แพลตฟอร์มอินเตอร์เน็ตก่อให้เกิดโอกาสใหม่ๆ สำหรับประชากรอินเตอร์เน็ต ​

โอกาสทางการทำงาน : ความต้องการแบบอยากได้เมื่อไหร่ก็ต้องได้ (On-Demand) แต่ไม่อยากลงแรงเอง เป็นความปรารถนาที่ซ่อนอยู่ในผู้บริโภคแทบทุกคน เพียงแต่ก่อนหน้านี้ ไม่เคยได้รับการตอบสนอง แต่โลกอินเตอร์เน็ตทำให้ On-Demand ​Platform เกิดขึ้น จำนวนผู้บริโภคแบบ On-Demand Consumer ก็ยิ่งเพิ่มขึ้น ส่งผลให้แพลตฟอร์มเพิ่มขึ้น จนเป็น “ไข่กับไก่” คือจับต้นชนปลายไม่ถูกว่าอะไรเกิดกัน

แพลตฟอร์มอินเตอร์เน็ตก่อให้เกิดโอกาสใหม่ๆ สำหรับประชากรอินเตอร์เน็ต ​
แพลตฟอร์มอินเตอร์เน็ตก่อให้เกิดโอกาสใหม่ๆ สำหรับประชากรอินเตอร์เน็ต ​
แพลตฟอร์มอินเตอร์เน็ตก่อให้เกิดโอกาสใหม่ๆ สำหรับประชากรอินเตอร์เน็ต ​
แพลตฟอร์มอินเตอร์เน็ตก่อให้เกิดโอกาสใหม่ๆ สำหรับประชากรอินเตอร์เน็ต ​

ข้อมูลสะท้อนว่า On-Demand Consumer ในอเมริกาเพิ่มขึ้นราว 2 เท่าในเวลา  2 ปี ขณะที่แพลตฟอร์มก็มีเพิ่มขึ้น และเติบโตในหลายๆ แพลตฟอร์ม ซึ่งการเติบโตนี้ส่งผลให้เกิดการสร้างงานสำหรับ On-Demand Worker อย่าง Grab, Fastwork, Maidsapp, Lineman ฯลฯ ดังนั้น แม้อัตราการว่างงานในระบบอาจดูสูง แต่อำนาจซื้อหรือเศรษฐกิจอาจไม่ตกต่ำมากนัก เพราะประชาชนยังพอมีรายได้มาจับจ่ายใช้สอย

โอกาสทางการศึกษา : รูปแบบการเรียนการสอนออนไลน์ นอกจากสะดวก ยังทำให้คนกลุ่มใหญ่เข้าถึงการศึกษาที่ตนต้องการได้ง่ายขึ้น และช่วยลดค่าใช้จ่ายให้กับผู้เรียนได้อย่างมาก ปัจจุบัน การศึกษาออนไลน์ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยมีหลายระดับและหลากรูปแบบ แม้แต่การศึกษาออนไลน์สำหรับวิชาชีพเฉพาะทาง ยิ่งกว่านั้น บริษัทใหญ่ๆ บางแห่ง ยังเปิดสอนหลักสูตรตามสายงานที่เกี่ยวข้องกับบริษัทตน เมื่อผู้เรียนเรียนจบ จึงไม่เพียงแค่ได้ใบประกาศนียบัตร แต่ยังมีโอกาสได้งานทำกับบริษัทนั้นด้วย เช่น  Google เป็นต้น

 

ข้อมูลจากรายงานระบุว่า มีการรับชม VDO ประเภท “How to” ใน Youtube สูงถึงปีละ  4,500 ล้านชั่วโมง และมีผู้ใช้งานเจน  Z ถึง  59% ที่มองว่า Youtube เป็นเครื่องมือในการเรียนรู้ที่พวกเขาชื่นชอบมากกว่าช่องทางอื่น

ข้อมูลจาก Coursera แพลตฟอร์มระบบการเรียนออนไลน์ที่รวบรวมหลักสูตรมาจากหลายๆ มหาวิทยาลัยชื่อดังและสถาบันที่เช่ียวชาญในเรื่องนั้นๆ ระบุว่าเกือบ 80% ของรายได้ปี 2018 มาจากหลักสูตรทางด้าน Data Science สูงสุดถึง 31% ตามมาด้วยหลักสูตรด้านเทคโนโลยี มีสัดส่วน 25% และหลักสูตรทางด้านธุรกิจ 23% 

โอกาสทางการแพทย์ : อินเตอร์เน็ตมีบทบาทอย่างมาก โดยเฉพาะการเข้าถึงงานวิจัย การเข้าถึงข้อมูลเรื่องยีนส์ (Genetic Data) ในวงกว้าง ทำให้การทดสอบทางพันธุศาสตร์ (Genomic) เกิดประสิทธิผลเพิ่มขึ้น รวมถึงการเข้าถึงความร่วมมือในการรักษาแบบ Real-time ส่งผลให้การรักษาดีขึ้นโดยต้นทุนต่ำลง ขณะที่การที่คนไข้มีโอกาสเข้าถึงข้อมูลด้านสุขภาพและการรักษา ย่อมทำให้คนไข้สามารถตัดสินใจร่วมกับแพทย์ได้ดีขึ้น อีกทั้งยังส่งผลในเชิงป้องกันดูแลด้วย​​

โอกาสทางการแพทย์
โอกาสทางการแพทย์

นอกจากนี้ ยังธุรกิจทางด้านสุขภาพอื่นๆ ที่นำระบบอินเตอร์เน็ตไปใช้อย่างมากและได้ผลดี คือ ประกันสุขภาพ หรือแม้แต่บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ระดับโลก ก็ล้วนนำเอาเรื่องสุขภาพมาเป็นไอเดียตั้งต้นในการพัฒนานวัตกรรมทางสุขภาพ และหน่วยธุรกิจใหม่ ไม่ว่าจะเป็น Apple, Google, Microsoft และ Amazon ​

12)  จีนในยุคอินเตอร์เน็ต  = นวัตกรรมและการเติบโตทางธุรกิจที่ทั้งโลกต้อง “ซูฮก”  ​(ยกเว้น Donald Trump)

ประเด็นสุดท้ายในรายงานฉบับนี้พูดถึงปรากฏการณ์ “มังกรผงาด” ในโลกอินเตอร์เน็ต โดย Mary อธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกอินเตอร์เน็ตในเมืองจีนไว้ในหลายแง่มุม ดังนี้​

China Short Form Video
China Short Form Video
  1. เทรนด์การใช้งานอินเตอร์เน็ตของคนจีนในช่วง 2 ปีมานี้ มี VDO สั้น (Short-Form VDO) เป็นตัวกระตุ้นอัตราการเติบโตในการใช้งานอย่างมีนัยสำคัญ​ โดยแพลตฟอร์มผู้นำ Short-Form VDO ของจีน ได้แก่ Douyin รองมา Kuaishou และ Haokan
  2. นวัตกรรมหลายอย่างของจีนขับเคลื่อนมาจาก “เล่นเกม” Mary มองว่าเกมสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงในระบบการชำระเงิน, การซื้อขายออนไลน์​ (e-Commerce), วงการค้าปลีก และการศึกษา
WeChat Jump Jump
WeChat Jump Jump

ด้วยความนิยมในเกม Tiao yi tiao (Jump Jump) ซึ่งเป็น Mini-Program ใน WeChat โดยเป็นเกมงายๆ แค่กระโดดข้ามกล่อง แต่แค่เพียง 2 อาทิตย์หลังเปิดตัว ปรากฏว่ามีคนเล่นไปกว่า 100 ล้านคน WeChat จึงต่อยอดหารายได้ด้วยการนำเกมนี้ไปใช้สร้างแบรนด์ โดยมีหลายแบรนด์ที่นำโลโก้ตัวเองเข้าไปอยู่บนกล่องในเกมให้ผู้เล่นกระโดดข้าม

แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือ เกม Tiao yi tiao เป็นต้นแบบ Mini-Program ที่ทำให้ต่อมาหลายๆ ธุรกิจที่มี Offial Account สามารถมาเชื่อมต่อทำธุรกิจบนแพลตฟอร์ม WeChat และใช้โครงสร้างเทคโนโลยีหลักไปจนถึงระบบชำระเงินของ WeChat ได้เลย ปัจจุบันมีมากกว่า 1 ล้าน  Mini-Program บน WeChat

สำหรับการนำเกมมาเป็นตัวดึงดูดผู้ใช้ให้เข้ามามีส่วนร่วมกับแบรนด์ของตน พบว่ามีหลายแพลตฟอร์มที่ใช้เกมเป็นเครื่องมือในการบรรลุวัตถุประสงค์ทางธุรกิจ เช่น เล่นเกมเพื่อเอาส่วนลดช้อปปิ้งออนไลน์ เล่นเกมเพื่อบริจาคให้กองทุนเพื่อสังคม ฯลฯ  หรือแม้แต่การทำให้การเพิ่มยอดขายของพนักงานขายหน้าร้านกลายเป็นเกม เช่น ทำได้ตาม KPI รับรางวัลเป็นคะแนน หรือการแข่งยอดขายกับร้านสาขาอื่น เป็นต้น

 

3.  แพลตฟอร์มแชตของจีน คือตัวกระตุ้นให้เกิดธุรกรรมและบริการต่างๆ และหลายแพลตฟอร์มของจีนได้กลายเป็น Super App ที่ยิ่งใหญ่ไปแล้ว 

Mary ยกตัวอย่าง Alipay ที่เริ่มจากแพลตฟอร์มชำระเงิน แต่วันนี้มี Alipay กลายเป็นแพลตฟอร์มใหญ่ที่มีมากกว่า 2 แสน Mini-Program อยู่บน Alipay  มีผู้ใช้งานมากกว่า 1 พันล้านคน มีผู้ใช้งานทุกวันเกือบ 300 ล้านคน และ 70% ของผู้ใช้งาน ใช้บริการทางการเงินมากว่า 3 บริการ ขณะที่ Meituan แพลตฟอร์มที่เริ่มต้นจากเว็ปขายดีลลดราคา มาวันนี้กลายเป็นอีก Super App ที่มบริการมากกว่า 30 บริการอยู่บนแอปฯ ตัวเอง มีผู้ใช้ 412 ล้านคน

แพลตฟอร์มแชตของจีน คือตัวกระตุ้นให้เกิดธุรกรรมและบริการต่างๆ และหลายแพลตฟอร์มของจีนได้กลายเป็น Super App ที่ยิ่งใหญ่ไปแล้ว
แพลตฟอร์มแชตของจีน คือตัวกระตุ้นให้เกิดธุรกรรมและบริการต่างๆ และหลายแพลตฟอร์มของจีนได้กลายเป็น Super App ที่ยิ่งใหญ่ไปแล้ว

4. ธุรกิจค้าปลีกจีน กำลังพยายามสร้างประสบการณ์แบบไร้รอยต่อระหว่างการช้อปปิ้ง Offline กับ Online โดยพบว่าในธุรกิจนี้มีพัฒนาการและเทรนด์หลายอย่างที่สนใจ เช่น 

การ Live สดขายของออนไลน์ เป็นเทรนด์ที่นิยมในจีน เป็นการบรรจบกันระหว่างไลฟ์สไตล์ที่ชื่นชอบการช้อปออนไลน์ (e-Commerce)และการชอบดู/ทำ Live Streaming บวกกับเทรนด์ของ Influencer Marketing ที่มาแรงในจีน ส่งผลให้ ปีที่ผ่านมา Taobao Live มีมูลค่าสินค้าที่ขายผ่าน Live Streaming สูงถึง 1.4 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ​ โดยเหตุผลที่ Live Streaming ขายของเป็นที่นิยมเพราะเพิ่มความโปร่งใส กระตุ้นปฏิสัมพันธ์กับผู้ชม สร้างการส่วนร่วมกับ Influencer อันนำไปสู่อัตราการซื้อซ้ำเพิ่มขึ้น​

ธุรกิจค้าปลีกจีน กำลังพยายามสร้างประสบการณ์แบบไร้รอยต่อระหว่างการช้อปปิ้ง Offline กับ Online
ธุรกิจค้าปลีกจีน กำลังพยายามสร้างประสบการณ์แบบไร้รอยต่อระหว่างการช้อปปิ้ง Offline กับ Online

ปัจจุบัน ประเทศจีนมีร้านขายของชำ (Grocery Retail) ออนไลน์มากมาย นำไปสู่การแข่งขันเพื่อชิงส่วนแบ่งในกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ของลูกค้า ด้าน Alibaba ที่เริ่มต้นจากการค้าขายออนไลน์ วันนี้ Alibaba หันมาลุยร้านค้าออฟไลน์ โดยนอกจากขยายจนมีร้านออฟไลน์หลากหลายแบรนด์ วันนี้ Alibaba ยังมุ่งปรับปรุงร้านออฟไลน์เหล่านั้นให้รองรับ “ดิจิทัล” มากขึ้น ขณะที่ Yonghui Superstore ก็พยายามสร้างประสบการณ์ร้านขายของชำดิจิทัล ผ่าน Mini-Program บน WeChat ที่ร้านออฟไลน์ของตน​ …​เรียกว่า คร่อมกันไปมาระหว่างโลกออนไลน์และออฟไลน์

5. ระบบการศึกษาจีนกำลังขยายขอบเขตการเรียนรู้จากโลก Offline ไปสู่ Online โดยมี Live Streaming เป็นหนึ่งในกลไกสำคัญ

ปัจจุบัน การสร้างเสริมการศึกษาสำหรับเด็กเล็กในจีน (K-12) เป็นรูปแบบของประสบการณ์การเรียนรู้ในโลกออฟไลน์ที่นำโลกออนไลน์มาผสมผสาน โดยมีผู้ให้บริการแพลตฟอร์มด้านการศึกษาหลายราย มีให้เลือกทั้งรูปแบบการสอนออนไลน์โดยอาจารย์และมีครูผู้ช่วยอยู่ในห้องเรียนกับเด็ก หรือใช้ Live Streaming เรียนเป็นกลุ่มหรือช่วยกันทำการบ้านผ่าน Live Streaming กับติวเตอร์ รวมถึงการเรียนรู้นอกชั่วโมงเรียน โดยเฉพาะภาษาอังกฤษและการเขียน Coding ซึ่งเป็นทักษะที่รัฐบาลจีนพยายามส่งเสริม

 

ทั้งหมดนี้เป็นการสรุปสาระสำคัญจาก Internet Trends 2019 ซึ่ง Oops!! เชื่อว่าน่าจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับคนที่สนใจใคร่รู้ในกระแสความเปลี่ยนแปลงของโลกอินเตอร์เน็ต รวมถึงต้องการเท่าทันและแสวงหาโอกาสใหม่ๆ จากเทรนด์ดิจิทัลที่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลก

 

แหล่งที่มา Internet Trends 2019


  • 5.2K
  •  
  •  
  •  
  •  
Tummy
เมื่อไหร่ที่หยุดพัฒนาตัวเอง ถึงแม้เราไม่ได้ถอยหลัง แต่โลกก็จะทิ้งเราไว้ข้างหลังและหนีห่างออกไป จนวันหนึ่งเมื่อตื่นมา เราอาจรู้สึกแปลกแยก ... มาเปิดโลกทัศน์ แล้วสนุกกับทุกความเคลื่อนไหวในโลกใบนี้ไปพร้อมกันนะคะ