5 เทรนด์โฆษณาที่น่าติดตามจาก Superbowl LIII

  • 1
  •  
  •  
  •  
  •  

เมื่อประมาณต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มีมหกรรมกีฬาที่ถือว่าเป็นศึกนัดศักดิ์ศรีของวงการโฆษณาโลกเลยก็ว่าได้ ว่าโฆษณาของแบรนด์ไหนจะเกิดหรือดับ ก็ขึ้นอยู่กับการได้รับความนิยมของการดูในช่วงพักโฆษณานี้ นั้นคือมหกรรมกีฬา superbowl ที่มีคนติดตามมากกว่า 50 ล้านคน และค่าโฆษณาในช่วงเวลานี้ถือว่าแพงอย่างมาก เมื่อเทียบกับช่วงเวลาอื่น ๆ ของการทำโฆษณา ทำให้การทำการตลาดและโฆษณาใน Superbowl นั้นต้องผ่านการวางแผนและเตรียมตัวมานานกันอย่างมากมาย เพื่อที่จะสามารถสร้างความสนใจและดึงกระแสให้เกิดผลทางธุรกิจต่อไปได้

walter-peyton-man-year-award_pg_600

กีฬาในอเมริกานั้นมีความแตกต่างจากกีฬาในประเทศอื่น ๆ อย่างมาก เพราะกีฬาที่เกิดขึ้นในอเมริกานั้นถูกคิดขึ้นมาพร้อม ๆ กับโมเดลการหารายได้ผ่านโฆษณาในการฉายกีฬานั้นขึ้นมา ทำให้การดูโฆษณาในช่วสงเวลากีฬาแบบนี้ถือเป็นความบันเทิงรูปแบบหนึ่งที่คนอเมริกันนั้นคุ้นชินกันอย่างมาก และทำให้แบรนดืนั้นต่างต้องหาทางแทรกตัวเข้าไปอยุ่ในช่วงเวลาที่สายตานับสิบล้านทั่วโลกกำลังให้ความสนใจอยู่ในจอโทรทัศน์หรือผ่านออนไลน์ในการดูถ่ายทอดสดนี้ ซึ่งในปีนี้มีความน่าสนใจอย่างมากในการทำโฆษณาที่ได้ใช้เทรนด์ต่าง ๆ ที่ผ่านการวิจัยมาอย่างดีมาพูดถึง

1. Cross over Promote : กระแสอย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัดในครั้งนี้ที่ได้รับเสียงตอบรับดีอย่างมาก นั้นคือการที่เอา 2 แบรนด์ที่ต้องการโปรโมทผลิตภัณฑ์หรือบริการตัวเองเข้าด้วยกันเข้ามา ทำให้เกิดการผสมผสานการโฆษณาที่บอกเล่าเรื่องราวของแบรนด์ทั้งคู่ออกมาให้ได้ และทำให้คนจดจำหรือเอาไปบอกต่อได้อย่างทันที นับว่าเป็นความฉลาดอย่างหนึ่งของแบรนด์ที่สามารถหาแบรนด์อื่น ๆ มาหารค่า Airtime ใน Superbowl ขึ้นมาได้ซึ่งในที่นั้นคือแบรนด์อย่าง Budweiser ที่เอาแบรนด์ตัวเองมาทำใน Concept “The Bud Knight” แต่แทนที่จะโปรโมทเบียร์ตัวเองอย่างเดียว ก็เอาจุดแข็งที่ Mascot ตัวเองใน Superbowl เป็นอัศวิน ก็เอามาจับคู่กับ Game of Throne ที่เป็นแนวอัศวินอยู่แล้ว จนสามารถเรียกเสียงฮือฮาของแฟน ๆ ของ Series นี้ขึ้นมาได้ พร้อมสร้าง Shot เด็ดที่คนต้องจดจำลงไปในโฆษณาอีกด้วย

httpv://www.youtube.com/watch?v=Ro3S45H70H8

2. Nostalgia :  นอกจากการเอาเรื่องราวที่กำลังเป็นกระแสมาสร้างการโฆษณาให้น่าสนใจใน superbowl แล้ว ส่งที่น่าสนใจในอีกเทรนด์หรือวิธีการหนึ่งที่แบรนด์และนักการตลาดเมืองนอกนั้นเก็บข้อมูลกันมา คือการใช้ความรู้สึกในการหวนคิดถึงอดีตต่าง ๆ ของผู้บริโภค ด้วยเหตุนี้ใน Superbowl ครั้งนี้ นักการตลาดไทยที่ติดตามจะเจอภาพที่คุ้นตาหรือความรู้สึกต่าง ๆ กลับมาอย่างมากมายไม่ว่าจะเป็น Walmart ที่เอารถในยุค Pop culture จากภาพยนต์ดัง ๆ มาโฆษณา และทำให้คนรำลึกถึงช่วงเวลาที่ได้ดูภาพยนต์ที่มีความสุขเหล่านี้ หรือแม้กระทั้งของ doritos ที่ย้อนความทรงจำในยุค 90 กับการเอา Backstreet boys กลับมาร้องเพลงกับนักร้องแร๊ปที่ทำให้เกิดความน่าสนใจของโฆษณา และทำให้หัวใจคนดูชุ่มช่ำไปด้วยรอยยิ้มที่นึกถึงอดีตที่ผ่านมาในอดีต

httpv://www.youtube.com/watch?v=whpJBY5W7xo

3. การใช้ประโยชน์จากวิทยาศาสตร์ : ASMR หรือ Autonomous sensory meridian response เป็นอาการทางการแพทย์ที่กลไกของร่างการมีอาการเสียง ขนลุกหรือรู้สึกดีไปตามสันหลังของตัวเอง ซึ่งเทรนด์ ASMR นั้นเป็นที่ให้ความสนใจอย่างมากสำหรับนักการตลาดในต่างประเทศในการหาว่าจะสร้างกลไกอะไรที่จะลงไปถึงในระดับจิตใจ หรือกลไกที่ทำให้สมองนั้นเกิดความจำและความสุขขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว ซึ่ง ASMR นั้นเป็นส่วนหนึ่งของกลไกที่นักการตลาดต่างประเทศนั้นหาอยู่ ในการใช้เสียงกระซิบ เสียงการขูดขีด เสียงธรรมชาติ จะทำให้ผู้ฟังเสียงเหล่านี้เกิดอาการเคลิ้ม มีความสุขอย่างมาก และสามารถเชื่อมโยงแบรนด์นั้น ๆ กับความสุขนั้นได้ขึ้นมา ซึ่งนี้คือความน่าสนใจของการทำการตลาดเมืองนอกที่ลงลึกถึงรากฐานของวิทยาศาสตร์ต่าง ๆ มากกว่าจะทำโฆษณาตามวิธีเดิม ๆ ที่ใช้ความรู้สึกไปแล้ว

httpv://www.youtube.com/watch?v=LXmlN9BAddg

4. AI : สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดในปีนี้คือการที่แบรนด์หลาย ๆ แบรน์เอาเรื่องหุ่นยนต์หรือ AI ต่าง ๆ นั้นมาโปรโมทอย่างมากมาย ซึ่งนักการตลาดจะเห็นว่ามีการพูดถึงการที่เอา AI มาช่วยในการทำงานของมนุษย์ และอำนวยความสะดวกของลูกค้าให้ได้รับการบริการ หรือตอบโจทย์ความต้องการต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็วขึ้นนั้นเอง ไม่ว่าจะเอามาใส่ในโฆษณาเพื่อพูดถึง voice Assitance หรือการมาเป็นหุ่นยนต์ที่ช่วยคนทำงาน ทำให้เห็นได้ชัดว่า แบรนด์ไหนที่ไม่ AI ในอนาคตนั้นจะมีความยากลำบากอย่างมากในการทำงาน

httpv://www.youtube.com/watch?v=nNfv9wsttKE

5. Human Touch : สุดท้ายเมื่อพูดถึง AI หลาย ๆ คนคิดว่าคงไป AI กันเต็มที่ แต่ไม่ใช่เพราะยังมีผู้บริโภคอีกหลาย ๆ คนที่ยังโหยหาความเข้าใจในรูปแบบมนุษย์หรือความเข้าใจในสัญาตญาณต่าง ๆ ของมนุษย์นั้นเอง ทำให้แบรนด์ที่เข้าใจถึงความได้เปรียบนี้เอาตรงจุดนี้มาเล่า รวมทั้งการเข้าใจมนุษย์ที่มีความแตกต่างจากตัวเองและออกแบบผลิตภัณฑ์เพื่อให้คนกลุ่มนี้ใช้งานได้ดีขึ้นมาด้วย

httpv://www.youtube.com/watch?v=_YISTzpLXCY


  • 1
  •  
  •  
  •  
  •  
Molek
Head of Strategic Marketing ใน Integrated Service Agency ที่หนึ่ง ผู้หลงใหลในหลาย ๆ ที่มีความอยากรู้และเรียนรู้ในเรื่อง Startup, นวัตกรรม, การตลาด จากมุมมองหลาย ๆ ด้านและวัฒนธรรมของแบรนด์ต่าง ๆ