Myth เรื่อง Generative AI ที่ผู้บริหารควรเลิกเชื่อเสียที

ตอนนี้ไม่ว่าจะหันไปทางไหน ก็มีแต่คนพูดถึงการใช้ AI โดยเฉพาะ Generative AI และทำให้เกิดการตื่นตัวในบรรดาองค์กรหลายๆองค์กร และเกิดการแข่งขันขึ้นมาทันที โดย 77% ของผู้นำธุรกิจนั้นต่างกลัวว่า ตัวเองจะตกขบวนการใช้ AI นี้ขึ้นมา และด้วยการที่ผู้บริหารกลัวตกขบวนนี้เอง ทำให้เกิดการสั่งให้เกิดการทำ Generative AI ขึ้นมาในบริษัทนั้นเอง

ผลที่ตามมาคือไม่ว่าจะเป็นทีม Tech, IT หรือแม้แต่ทีม Data เองก็ต้องตอบสนองต่อคำสั่งนี้ก็ตามขึ้นมามีความสำคัญหลักและต้องทำ Generative AI โดยไม่มีทรัพยากร ไม่ข้อมูล เริ่มต้นจากการทำงานติดลบ โดยที่ผู้บริหารคิดว่าการมี Generative AI นั้นจะสร้างมูลค่าให้กับธุรกิจขึ้นมา และคิดว่าสามารถทำได้ง่าย ๆ ใช้เงินในการแก้ปัญหา แต่ในความเป็นจริงแล้วนั้นยากอย่างมากเพราะเพียงแค่การใช้ OpenAI API นั้นไม่สามารถแก้ปัญหานี้ได้แน่นอน เพราะอะไรที่จะทำให้ผู้บริโภคเลือกคุณมากกว่าChatGPT ที่ OpenAI นั้นเป็นเจ้าของ และถ้าคุณสามารถผ่านด่านนี้มาได้ สิ่งที่คุณต้องคิดต่อมาคุณจะเชื่อม LLMs กับ Data และบริบทของธุรกิจของคุณอย่างไร เพื่อที่จะสร้างความแตกต่างขึ้นมา ถ้ายังไม่ได้คิดถึงตรงข้อนี้ ก็ทำให้คุณมีปัญหาเช่นกัน ดังนั้นเราจะเห็นว่า บริษัทที่ผู้บริหารตื่นกับ Hype แล้วเร่งการทำ Generative AI ขึ้นมา ต่างไม่ประสบความสำเร็จเพราะแบบนี้

ทั้งนี้เพื่อสร้างความเข้าใจถูกในการทำ Generative AI ผู้บริหารควรเลิกเชื่อข้อมูลเหล่านี้คือ

1. ใช้ Generative AI จะทำให้ธุรกิจรุ่งขึ้นมาเพราะเอามาใข้สร้างมูลค่าเพิ่มขึ้น สิ่งนี้คือความเชื่อที่ผิดอย่างมาก เพราะGenerative AI ที่คุณสร้างขึ้นมาอาจจะไม่มีคนใช้เลยเช่น หรือทำงานได้ไม่ดี เพราะทีมที่คุณให้รับผิดชอบเรื่อง AI นั้น ไม่ถูกสร้างมาเพื่อตอบสนองปัญหาของผู้ใช้ที่จะเกิดขึ้นมามากมายในการใช้ Generative AI ที่คุณใช้งานขึ้นมา สำหรับการทำงานให้ผู้บริหารที่อยากได้ Generative AI ทำให้ทีมทั้งหลายต่างเร่งการเข่น Generative AI ออกมา โดยที่ยังไม่มีประสบการณ์ ยังไม่เข้าใจว่าจะเจอปัญหาอะไร และเจออุปสรรคมากมายในการทำงาน ทำให้เมื่อเกิดปัญหาหลาย ๆ ครั้งเข้า จะทำให้คนที่ใช้ Generative AI เริ่มรู้สึกว่ามีแต่ปัญหา และเลิกใช้ไปเอง ซึ่งผู้บริหารไม่ได้เข้าใจจุดนี้ว่า การจะสร้างมูลค่าได้ต้องใช้เวลาและการลงทุนที่ถูกที่ขึ้นมา

2. ทำ Generative AI ได้เลย เพราะมีเครื่องมือแล้ว นี้เป็นอีกหนึ่งความเชื่อที่ควรเลิกเชื่อไปเลย เพราะ Generative AI นั้นไม่ได้เป็นเครื่องมือที่สำเร็จได้ทันที เพราะถ้าจะใช้จริง ๆ ในการทำธุรกิจนั้น การที่จะทำให้ Generative AIใช้งานได้ดีนั้น ต้องมีข้อมูลที่จะใช้งานได้พร้อมขึ้นมา และการที่จะทำข้อมูลได้พร้อมนั้น แสดงว่าองค์กรคุณจะต้องมีการสร้างทีมข้อมูลและการบริหารจัดการข้อมูลที่ดีขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นการ Cleaning ข้อมูลต่าง ๆ การสร้าง Models ต่าง ๆ ที่จะเข้าไปผูกกับ Generative AI นอกจากนี้ถ้าจะใช้เพื่อปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าจริง ๆ แล้ว Generative AI ก็ต้องเรียนรู้ว่า องค์กรคุณปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าอย่างไรทำให้การสร้าง Generative AI ให้ตอบสนองเหมือนที่ผ่านมานั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะถ้าข้อมูลคุณกระจัดกระจาย ก็เป็นเรื่องยากมาที่จะทำให้ Generative AI นั้นพร้อมทำงานในทันที และอย่างน้อยต้องใช้เวลา 2-3 ปีกว่าจะพร้อมให้เกิดการใช้งาน ซึ่งกว่าจะถึงตอนนั้นเทคโนโลยีก็เปลี่ยนไปแล้ว

3. ทีมจะชอบและใช้งาน Generative AI เพราะช่วยในการทำงาน เรื่องนี้จะกลายเป็นเรื่องที่เข้าใจผิดอย่างทันที เพราะคิดว่าเมื่อสร้าง Generative AI ขึ้นมาแล้ว หลาย ๆ ทีมจะใช้เป็น และใช้งานกันอย่างมาก สร้างประสิทธิภาพการทำงานที่ดีขึ้นและรวดเร็วมากขึ้น แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นจริงจะไม่เป็นอย่างนั้น เพราะจะต้องมีการเรียนรู้การใช้งาน และทีมที่ใช้งานไม่เป็นจะเริ่มต่อต้านการใช้งานขึ้นมา โดยจะบอกว่าไม่เวิร์ค หรือไม่ดีเท่าคน เพราะ Generative AI นั้นเพิ่งออกมาและอยู่ในกระบวนการเก็บข้อมูลและเรียนรู้ ซึ่งเป็นปัญหาของการที่ไม่สามารถรอได้ Generative AI นั้นมีการเรียนรู้ได้นั้นเอง และด้วยการที่ Generative AI เรียนรู้ไม่ทันคงามต้องการทางธุรกิจต่าง ๆ ก็จะทำให้เกิดการต่อต้านขึ้นมา และเมื่อผู้บริหารเห็นว่าล่าช้า หรือไม่ได้ประโยชน์สักที ก็ทำการฆ่า ตัดตอนทันที โดยไม่ได้คิดว่า ทุกอย่างมันมีเวลาและการลงทุนของมัน การทำ Generative AI นั้นเหมือนการเล่นกีฬาแบบทีมโดยเฉพาะการพัฒนานั้น ต้องมีการทำงานร่วมกันของทุกคนขึ้นมา ไม่ใช่เรื่องของแผนกใดแผนกหนึ่งในการทำงาน

ทั้งนี้การใช้ Generative AI เข้ามาช่วยในการทำงานนั้นเป็นสิ่งที่องค์กรนั้นเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่การถอยออกมาเพื่อเข้าใจ Generative AI จริง ๆ ว่าการพัฒนาขึ้นมาใช้ในองค์กรนั้นต้องการทรัพยากรอะไรบ้าง และการเรียนรู้อะไรบ้าง รวมถึงผู้บริโภคจะได้อะไรจากการพัฒนานั้นมีความจำเป็น