6 สิ่งที่คนคิดผิดเรื่องดิจิทัล ฉุดรั้งแผนการตลาดออนไลน์ให้จมปลักไม่ไปไหน

  • 217
  •  
  •  
  •  
  •  

shutterstock_731923990

ปีใหม่แล้ว คิดใหม่ได้ อย่าหลงผิดกับความคิดเดิมๆ ที่ฉุดรั้งแผนการตลาดออนไลน์ให้จมปลักไม่ไปไหน เพราะการตลาดทุกวันนี้ มีความเคลื่อนไหวตลอดเวลา รวมถึงสิ่งใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นทุกๆ วันบนโลกดิจิทัล เรียกว่าเผลอหลับตาแพล็บเดียว ก็อาจจะตามกันไม่ทัน มาดูกันว่า 6 สิ่งที่ว่านี้คืออะไร

“มีแต่วัยรุ่นที่นิยมออนไลน์ และคนสูงวัยไม่ดิจิทัล”

ในความเป็นจริง วัยรุ่นไทยมีแนวโน้มใช้ Facebook ลดลงเรื่อยๆ เพราะวัยรุ่นที่เคยนิยมเล่นเฟซบุ๊กตอนยุคเริ่มแรก ตอนนี้ก็กลายเป็นคนวัยทำงานกันหมดแล้ว หรือแม้แต่ tablet ก็มีราคาถูกลง ผู้สูงวัยจึงนิยมใช้ line คุยกับเพื่อนและลูกหลาน (รวมทั้งส่งภาพดอกไม้ทักทาย) ลองเลือก platform ให้เหมาะสม จะได้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายหลากหลายขึ้น

“ฮิตทำ viral clip เพราะมันถูกดี”

แถมยังฮือฮาไปทั่ว อยากวอนขอให้ท่านนักการตลาดทั้งหลายเลิกคิดได้แล้ว ว่าทุกคลิปที่ผลิตขึ้นมาจะต้องเป็น viral ถ้าอัดโฆษณาจนคนเห็นเป็นล้านวิวมันไม่ใช่ viral มันก็แค่คลิปธรรมดาๆ เพราะไวรัลที่ดี มันจะถูกส่งต่อกันเอง และไม่มี order ไหนสั่งทำไวรัลวิดีโอได้แน่นอน เพราะหลายๆ คลิป ก็ไวรัลกันอย่างไม่รู้ตัว และหลายคลิปที่เพียงตั้งใจทำคอนเทนท์ให้ดี มันก็สามารถไวรัลได้ของมันเอง

“ไลค์ยิ่งเยอะยิ่งดี”

ถามจริงๆ เถอะครับ ว่าจะเอาไลค์เยอะๆ ไปทำอะไร สะสมแลกตั๋วเครื่องบินก็ไม่ได้ มันเป็นแค่ตัวชี้วัดเบื้องต้น หรือเพราะว่ามันรับรู้ได้ง่ายสุด แต่ก็ควรให้ความสนใจกับตัวชี้วัดอื่นๆ ด้วย ก่อนจะถึงทางตัน ลองพัฒนา content ไห้มีคุณภาพโดนใจผู้เสพ และสะท้อนถึง brand essence ของสินค้าจะดีกว่า เพราะตัวชี้วัดที่ดีตอนนี้ คือคอนเท้นท์ที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายโดยตรง สร้างการรับรู้ สร้าง engagement และแน่นอนคือสามารถย้อนกลับมาที่แบรนด์ของเรา สินค้าของเราได้นั่นแหละ ดีที่สุด

shutterstock_556520194

“เอาโฆษณายัดในออนไลน์ = การตลาดออนไลน์”

ที่ผ่านมาเรามักเห็นคนที่อยากทำตลาดออนไลน์ โปรโมทสินค้าโดยเอาโฆษณาใน traditional media หรือสื่อเดิมๆ มาแปลงเป็นไฟล์ jpeg แล้วโพสต์ บอกได้เลยว่ามันคนละเรื่องเดียวกัน เหมือนเอารถขายกับข้าวมาวิ่งในสนามฟอร์มูล่าวัน ไม่มีทางเวิร์คแน่นอน

“เว็บไซต์เป็นสื่อประชาสัมพันธ์สุดเจ๋ง”

เจ๊งเอาสิ เมื่อ 20 ปีที่แล้วอาจใช่ สมัยเว็บไซต์ยังเป็นของใหม่ บริษัทไหนทำแล้วฮือฮาแน่นอน แต่ในยุคนี้ที่เด็กประถมเองก็ทำเองได้ กลายเป็นว่าเว็บไซต์ผุดขึ้นมามากมาย เป็นแค่ company profile น่าเบื่อ ไม่มีใครจำชื่อโดเมนหรือ web address ได้อีกต่อไป ต่อให้ทำ SEO แทบตาย ลูกค้าก็ค้นเจอใน google ยาก

“สื่อออนไลน์มีไว้ใช้ฟรี”

หลายท่านคงคิดว่า Facebook ก็ฟรี Line ก็ฟรี IG ก็ฟรี แต่จริงๆ ไม่ใช่นะ เพราะมองให้ออกก็จะเห็นว่า โซเชียลมีเดียนั้นก็เหมือนที่ดินฟรีๆ แต่เราต้องสร้างบ้านและตกแต่งเอง เพื่อเรียกคนเข้ามา ซึ่งแน่นอนว่าต้องเสียเงินอีกเท่าไหร่ และควรจะต้องจ้างใครมาดูแล ทั้งเนื้อหาและกลยุทธ์ดิจิทัลเจ๋งๆ หรือบางทีไม่มีงบ ก็ต้องดึงคน 2-3 คนจากแผนกการตลาดเดิม ขอร้องแกมบังคับให้มาช่วยดูแลที่ดินเหล่านี้ ถ้าพอมีความเข้าใจหรือใฝ่รู้บ้างก็ดีไป แต่ส่วนมากมักไปไม่รอด
ปี 2018 นี้ ใครอยากมีชีวิตรอดในสมรภูมิออนไลน์ ควรเปิดใจให้กว้าง เลิกฝันหวาน ตาม trend ต่างๆ ให้ทัน ไม่งั้นจะ end แน่นอน


  • 217
  •  
  •  
  •  
  •  
Kittikorn Anuthien
เหมือนเป็นคนสับสนตัวเอง เริ่มต้นเป็น Copywriter จนเป็น Creative Director เอเจนซี่โฆษณา เขียนหนังสือ 19 เล่ม คอลัมนิสต์นิตยสาร แฟนพันธุ์แท้ขายหัวเราะ (มี 7 นามปากกา) อาจารย์พิเศษมหาวิทยาลัยทั้ง ป.ตรี และ ป.โท เร่ร่อนเป็นฟรีแลนซ์และวิทยากรด้านกลยุทธ์ออนไลน์อยู่พักใหญ่ๆ จนตั้งสติได้และกลับมาทำงานประจำ เป็นผู้อำนวยการสำนักการตลาดดิจิทัลที่มีมาดามคนดังเป็น CEO