เปิดเหตุผลที่ SMEs วางใจเลือก “ไปรษณีย์ไทย” เป็นพาร์ทเนอร์ด้านโลจิสติกส์ ให้ลุยไปด้วยกัน

  • 4.6K
  •  
  •  
  •  
  •  

เราเห็นแนวโน้มการเติบโตที่น่าสนใจของธุรกิจออนไลน์หรืออีคอมเมิร์ซ (E-Commerce) มาเป็นระยะเวลา 3-4 ปีแล้ว ซึ่งเป็นไปในทิศทางที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา การแพร่ระบาดของโควิด-19 เป็นตัวเร่งปฏิกริยาที่สำคัญ ทั้งนี้ ข้อมูลจาก บริษัท ไพรซ์ซ่า จำกัด (Priceza) เปิดเผยว่า ปี 2019 ไทยมีมูลค่าตลาดอีคอมเมิร์ซ (ทั้ง B2C และ C2C) รวม 163,300 ล้านบาท และคาดว่าปี 2020 มูลค่าตลาดอีคอมเมิร์ซไทยอาจเติบโตขึ้นถึง 35% เป็นมูลค่าสูงถึง 220,000 ล้านบาท หรือขยับสัดส่วนขึ้นเป็น 4-5% (คลิกอ่านเพิ่มเติมที่นี่)

และเมื่อการเติบโตของ E-Commerce สูงขึ้น ก็หมายถึงปริมาณสินค้าที่มีการขนส่งเพิ่มขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน จากการคำนวณของบริษัทขนส่งพัสดุในไทยรายใหญ่ประมาณ 22 ราย ในปี 2020 นี้ มีการคาดการณ์ว่าจะมีการขนส่งสินค้ารวมไม่ต่ำกว่า 4,000,000 ชิ้นต่อวัน มูลค่าตลาดสูงประมาณ 66,000,000 ล้านบาท โดยการเติบโตดังกล่าวส่วนใหญ่เป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภคในยุคดิจิทัล ที่นิยมการซื้อสินค้าผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์มากยิ่งขึ้น ทั้งเว็บไซต์ E-Commerce รายใหญ่ เช่น Lazada, Shopee, JD Central และการค้าผ่านทางโซเชียลมีเดีย (Social Commerce) อย่าง Facebook, LINE และ Instagram รวมถึงในหน้าเว็บไซต์ของแต่ละร้านค้าเองด้วย

ดังนั้น จากตัวเลขข้างต้นก็คงพอบอกได้ว่า “การขนส่ง” หรือ “ระบบโลจิสติกส์” (Logistics) มีความสำคัญมากอย่างยิ่งต่อธุรกิจ E-Commerce แต่ถ้าเพียงแค่การอ้างถึงตัวเลขยังไม่ชัดเจนพอ เราก็มีประสบการณ์จริง จากนักธุรกิจผู้รู้จริงที่กล้ามาการันตีเองเลยว่าระบบโลจิสติกส์นั้นสำคัญกับธุรกิจออนไลน์มากแค่ไหน

ดร.ชลธิชา นุ่นเอี่ยม กรรมการผู้จัดการชลธิชากรุ๊ป บริษัท มินซอน จำกัด และผู้บริหารแบรนด์ Rose Red สกินแคร์ชื่อดังในตลาดออนไลน์ ซึ่งดำเนินธุรกิจมาเป็นเวลา 6 ปีแล้ว จะมาบอกเล่าถึงกลยุทธ์และเคล็ดลับความสำเร็จของการทำธุรกิจออนไลน์ว่าต้องทำอย่างไรในยุคที่เต็มไปด้วยการแข่งขันที่ดุเดือด

ดร.ชลธิชา นุ่นเอี่ยม

ปัจจุบัน ชลธิชากรุ๊ป มียอดขายมากกว่า 100 ล้านบาทต่อปี โดยแบรนด์ Rose Red เป็นสินค้าน้องใหม่ ที่เพิ่งเปิดตัวไม่นานเพียงแค่ 4 เดือน แต่ยอดขายการเติบโตมากขึ้นทุกๆ เดือน โดยเดือนแรกสามารถจำหน่ายได้ มากกว่า 10,000 ชิ้น และได้รับความนิยมมากจนต้องเพิ่มปริมาณการผลิต โดยปัจจุบันผลิตอยู่ที่เฉลี่ยเดือนละ 35,000 ชิ้นต่อเดือน

3 สิ่งสำคัญ สำหรับการทำธุรกิจ E-Commerce

ดร.ชลธิชา กล่าวถึงความท้าทายในธุรกิจ E-Commerce ที่มีการแข่งขันสูงในปัจจุบันว่า สิ่งที่จะทำให้ประสบความสำเร็จได้ก็คือ หนึ่ง ความเข้าใจลูกค้า ว่าลูกค้าของเราเป็นใคร มีความต้องการอะไร อยู่ที่ไหน สอง คือต้องเข้าใจการใช้สื่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโซเชียลมีเดีย ไม่ว่าจะเป็น Facebook LINE และ Instagram แต่ทั้งหมดนี้ถึงแม้เราจะมีลูกค้าเยอะ มีการสื่อสารที่ดี และมีสินค้าที่ดีก็ตาม แต่ถ้าเราขาดการเชื่อมโยงทุกอย่างเข้าด้วยกันก็ไม่มีโอกาสที่จะทำธุรกิจออนไลน์สำเร็จได้ ดังนั้น สิ่งสำคัญที่สุดที่จะเข้ามาตอบโจทย์ได้ก็คือ การมีระบบโลจิสติกส์ที่ดี ซึ่งจะช่วยส่งมอบสินค้าของเราไปถึงมือลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย เพราะเมื่อลูกค้าประทับใจในการให้บริการของเราก็จะส่งผลดีกลับมาที่แบรนด์และยอดขายเราด้วย ดังนั้น บริษัทจึงต้องเลือกระบบโลจิสติกส์ที่สามารถนำสินค้าไปส่งมอบถึงมือลูกค้าให้ได้อย่างรวดเร็วทันใจและปลอดภัยเรียบร้อย ฉะนั้น ผู้ให้บริการขนส่งที่ดีจึงต้องมีทั้งความใส่ใจทั้งต่อตัวผู้ประกอบการและลูกค้าที่เป็น consumer ด้วย

“ปัจจุบันบริษัทของเราเลือกใช้บริการของไปรษณีย์ไทย ซึ่งเป็นพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจกันมานานตั้งแต่เริ่มเปิดแบรนด์ของตัวเองเลยเป็นเวลากว่า 6 ปี เหตุที่เลือกไปรษณีย์ไทยก็เพราะว่า ด้วยแบรนด์ดิ้งที่ดี มีความน่าเชื่อถือ อยู่คู่กับคนไทยมานาน และเป็นบริษัทของคนไทยด้วย มันสร้างความมั่นใจให้เราตั้งแต่จุดแรกเลยว่าจะเลือกใช้บริการจากไปรษณีย์ไทย

‘ไปรษณีย์ไทย’ มากประสบการณ์-สร้างความผูกพัน ความแตกต่างที่ Touching คนไทย

นอกจากนี้ ดร.ชลธิชา ยังให้เหตุผลที่ใช้บริการกับไปรษณีย์ไทยมานานอย่างต่อเนื่องว่า เป็นเพราะไปรษณีย์ไทยดูแลและใส่ใจผู้ประกอบการอย่างเรามาก นอกจากจะบริการจัดส่งสินค้าให้ถึงมือลูกค้าเราอย่างดีแล้ว ยังมีการให้คำแนะนำกับผู้ประกอบการตลอดเวลา หรือข้อมูลการทำธุรกิจใหม่ๆ ก็ทำให้เราไม่พลาดหรือตกเทรนด์
การทำธุรกิจเลย

“ลูกค้าที่เราจัดส่งสินค้าให้พูดเป็นเสียงเดียวกันเลยว่า ชอบในบริการของไปรษณีย์ไทยด้วย เพราะพนักงานนอกจากมีมารยาทดี มีความเป็นมืออาชีพแล้ว ยังมีความเก๋าด้วย รู้หมดทุกซอกทุกมุมของประเทศไทย และพนักงานส่วนใหญ่ก็มักจะรู้จักคุ้นเคยกับคนในพื้นที่เป็นอย่างดี ไม่ใช่คนแปลกหน้า ลูกค้าจะรู้สึกผูกพันเกิดความไว้ใจ ซึ่งนี่คือสิ่งสำคัญที่เราคิดว่าบริษัทขนส่งอื่นคงไม่มี”

หรือแม้แต่การจัดส่งสินค้าให้กับพาร์ทเนอร์ในต่างประเทศ ดร.ชลธิชาเอง ก็ไว้วางใจไปรษณีย์ไทยเช่นกัน โดยให้เหตุผลเพราะว่าเป็นแบรนด์ที่มีความน่าเชื่อถือและ wordwide ดังนั้น เรียกได้ว่าไปรษณีย์ไทยตอบโจทย์ทั้งการขนส่งทั้งในประเทศและต่างประเทศด้วย

โลจิสติกไทย พาร์ทเนอร์คู่ SMEs ไทย รู้ใจพร้อมเดินเคียงข้าง

นอกเหนือจากการบริการที่เป็นมืออาชีพ ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ที่ไปรษณีย์ไทยมีให้แล้ว อีกสิ่งที่ทำให้ ดร.ชลธิชา ประทับใจ และมองว่าไปรษณีย์ไทยทำหน้าที่มากกว่าการเป็นผู้ให้บริการด้านการจัดส่งสินค้าก็คือ การดูแลและใส่ใจเสมือนพาร์ทเนอร์คู่คิดผู้รู้ใจ พร้อมร่วมลุยไปด้วยกัน

“สำหรับเราแล้วไปรษณีย์ไทยดูแลให้อย่างดีมาก โดยจัดเจ้าหน้าที่มาดูแลชลธิชากรุ๊ปโดยเฉพาะ ทำให้เราประทับใจมาก ซึ่งมันจะทำให้เรารู้สึกมั่นใจและอุ่นใจ เป็นบริการที่ให้กับเราโดยเฉพาะ มัน personalized มากจริงๆ นอกจากนี้ยังมีบริการอื่นๆ ในด้านเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นมาก ตอบโจทย์ธุรกิจ SMEs ออนไลน์ อย่างเราด้วย”

ไปรษณีย์ไทย ใช้เทคโนโลยีมาเป็น Solutions ให้ผู้ประกอบการ 

อย่างที่กล่าวว่าไปรษณีย์ไทยยังพัฒนาด้านเทคโนโลยีเพื่อช่วยการทำธุรกิจออนไลน์ได้เป็นอย่างดี ในเรื่องนี้ ดร.ชลธิชา ขยายความว่า ไปรษณีย์ไทยคือผู้ช่วยที่เชี่ยวชาญตอบโจทย์การทำธุรกิจในยุคใหม่ และช่วยอำนวยความสะดวกทั้งลูกค้าและผู้ประกอบการ อาทิ ระบบ Payment ที่ช่วยให้การรับชำระเงินปลายทาง COD ทำได้สะดวกและรับเงินได้รวดเร็วขึ้น  ระบบนัดหมายเข้ารับสินค้าหน้าบ้านหรือที่สำนักงานของผู้ประกอบการ ที่อำนวยความสะดวกให้กับผู้ค้า SMEs ไม่ต้องขนสินค้าไปส่ง เอง  สร้างความประทับใจให้กับผู้ประกอบการไทยหลายคน อีกเรื่องที่ ดร.ชลธิชาประทับใจก็คือ บริการการติดตามสินค้าให้กับผู้ค้า ที่สามารถปลั๊กอินเข้ากับระบบ API (Application Programming Interface) หลังบ้านของร้านค้าได้เลย ทำให้สามารถเช็คสถานะสินค้าเป็นเรื่องง่าย ไม่ต้องกังวลคอยเช็กหรือตรวจสอบว่าสินค้าว่าถึงมือผู้รับแล้วหรือยัง หรือการชำระเงินเรียบร้อยดีหรือไม่ พร้อมกับส่งรีพอร์ตมาให้ดูแบบรายวัน ทำให้หมดกังวลจบปัญหาในเรื่องเหล่านี้ไปได้เลย

“เรื่องการจัดส่งเมื่อเราปล่อยให้เป็นหน้าที่ของมืออาชีพทำงาน ก็ทำให้เราสามารถเอาเวลาไปคิดทำอย่างอื่นได้ ไปวางแผนงาน วางแผนธุรกิจ หรือไปพัฒนาสินค้าโปรดักส์ใหม่ๆ ได้ หมดกังวลไม่ต้องงคอยเช็คคอยตาม ดังนั้น ต้องบอกว่าไปรษณีย์ไทยคือ ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของ SMEs ไทยอย่างแท้จริง”

ไปรษณีย์ไทย เปิดตัวแคมเปญ “วางใจ…ลุยไปด้วยกัน”

ความสำเร็จของผู้ค้า SMEs ออนไลน์ ในวันนี้น่าจะสอดคล้องกับการทำงานและความตั้งใจของไปรษณีย์ไทยในปัจจุบัน โดย ก่อกิจ ด่านชัยวิจิตร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เปิดเผยว่า ไปรษณีย์ไทยได้ออกแคมเปญใหม่ในชื่อว่า “วางใจ…ลุยไปด้วยกัน” โดยเกิดขึ้นจากการที่เรามองเห็นถึงการขยายตัวอย่างรวดเร็วของตลาดการธุรกิจ E-Commerce ในปัจจุบัน และด้วยบริการทั้ง 4 ที่บริษัทให้บริการอยู่ ไม่ว่าจะเป็นบริการ 1.พาร์ทเนอร์@โพสต์, 2.EMS ไปรษณีย์ด่วนพิเศษ, 3.EMS World ส่งด่วนทั่วโลก และ 4.COD (Cash-on-Delivery) บริการเก็บเงินที่อยู่ผู้รับ ล้วนแล้วแต่เพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่เป็นผู้ประกอบการธุรกิจออนไลน์ ที่ต้องการโซลูชั่นการจัดส่งสินค้าที่รวดเร็วและสะดวกสบาย เพื่อให้การขายเป็นไปอย่างราบรื่นและสร้างความประทับใจแก่กลุ่มลูกค้าของตน

“เพื่อให้สอดคล้องกับการฉลองครบรอบ 137 ปี กิจการไปรษณีย์ไทย เคียงข้างคนไทย แคมเปญครั้งนี้จึงออกมาภายใต้แนวคิด หน้าที่ขายเป็นของคุณ หน้าที่ส่งเป็นของเรา พร้อมภาพยนตร์โฆษณาและภาพนิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงการเคียงข้างของไปรษณีย์ไทย พร้อมลุยไปด้วยกันกับเหล่าผู้ประกอบการ ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์บริการที่ตอบโจทย์ รวมถึงกิจกรรมส่งเสริมความรู้ ติดอาวุธธุรกิจให้ผู้ประกอบการออนไลน์ไปสู่ความสำเร็จที่จัดขึ้นในปีที่ผ่านๆ มา”

สร้างการตลาดที่แตกแตกต่าง เลือกใช้ ‘ตัวจริง’ เป็นพรีเซ็นเตอร์

“สำหรับแคมเปญ “วางใจ…ลุยไปด้วยกัน” นี้ ไปรษณีย์ไทย ยังสร้างกลยุทธ์ทางการสื่อสารที่แตกต่างด้วยการใช้ “พนักงานตัวจริง” ของไปรษณีย์ไทย ที่มี DNA ของความจริงใจในการให้บริการ และความชำนาญในพื้นที่มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ พร้อมชักชวนผู้ประกอบการธุรกิจตัวจริง ที่ไว้วางใจให้ไปรษณีย์ไทยลุยไปด้วยกันกับธุรกิจออนไลน์ของตนเองจนประสบความสำเร็จ มาร่วมเป็นพรีเซนเตอร์เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้กับเหล่าผู้ประกอบการหน้าใหม่และปัจจุบัน เล็งเห็นถึงความสำคัญของการมีเพื่อนคู่คิด ที่พร้อมลุยเพื่อสร้างความสำเร็จให้ธุรกิจไปด้วยกันอย่างไปรษณีย์ไทย” กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กล่าว

ผู้ประกอบการที่ไปรษณีย์ไทยเลือกมาร่วมเป็นพรีเซ็นเตอร์ นอกจาก ดร.ชลธิชา แล้ว ก็ยังมี คุณไพศาล วงศ์นิศานาถกุล เจ้าของผลิตภัณฑ์แบรนด์ “Brownie House The Original” เลือกใช้บริการส่งด่วน EMS ส่งบราวนี่ถึงมือลูกค้าตั้งแต่เริ่มกิจการเมื่อ 8 ปีที่แล้ว คุณอรชุดา นวลงาม ธุรกิจรองเท้า Plussize by onon วางใจเลือกใช้บริการเก็บเงินปลายทาง COD ไปรษณีย์ไทย และคุณกัลยภรณ์ บุญฤทธิ์  เจ้าของสินค้าแฮนด์เมด ONETH1NG ส่งสินค้าไปให้ลูกค้าในต่างประเทศ ด้วยบริการ EMS World

“ทำธุรกิจไม่ใช่อะไรก็ได้ แต่ต้องใช่ที่สุด ดีที่สุด”

ท้ายที่สุดในยุคที่เต็มไปด้วยการแข่งขันในธุรกิจ E-Commerce ไม่เฉพาะในประเทศแต่ต่างประเทศก็เข้ามาตีตลาดไทยไม่น้อย ดร.ชลธิชา มีคำแนะนำให้กับเพื่อนนักธุรกิจ SMEs ออนไลน์ ว่า ทุกวันการแข่งขันในธุรกิจสูงมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้น สิ่งสำคัญลำดับแรกเลยก็คือ การวางแผน และทุกแผนจะต้องมีแผนสำรองเสมอ และจะต้องไม่หยุดนิ่ง ต้องปรับตัวให้ไวและรวดเร็ว พร้อมที่จะเปิดรับและเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ นอกจากนี้สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ การเลือกพาร์ทเนอร์ที่ดี่ที่สุดสำหรับธุรกิจของเรา

“การทำธุรกิจไม่ใช่อะไรก็ได้ แต่จะต้องใช่ที่สุด และดีที่สุด มันจะต้องคลิกตั้งแต่แรกเลย และอย่างเลือกอะไรที่มันไม่ใช่ หรือเรารู้สึกไม่แน่ใจ ทุกอย่างต้องเกิดจากความมั่นใจตั้งแต่แรก ไม่ว่าจะเป็น สินค้า บริการ หรือพาร์ทเนอร์ มันต้องใช่ที่สุดสำหรับคุณเท่านั้น นั่นจะทำให้คุณเดินไปในทิศทางที่ถูกต้องได้”  

การก้าวสู่ยุคดิจิทัล ส่งผลให้ธุรกิจต้องปรับตัวรองรับกระแสการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะธุรกิจ E-Commerce ที่เชื่อมโยงผู้ซื้อและผู้ขายเข้าด้วยกัน ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต ไม่ว่าจะเป็น B2B หรือ B2C ดังนั้น ผู้ประกอบการจำเป็นต้องเลือกเฟ้นพาร์ทเนอร์ที่ดีในการร่วมงานโดยเฉพาะพาร์ทเนอร์ด้านโลจิสติกส์ เพื่อที่จะสามารถตอบสนองความต้องของลูกค้าได้ทั้งในปัจจุบันและอนาคต ที่สำคัญคือ ต้องเป็นได้ทั้งคู่คิดและผู้ช่วยที่ดีตอบโจทย์การเปลี่ยนแปลงของโลกธุรกิจที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เพื่อให้เติบโตและก้าวไปด้วยกันได้ในที่สุด


  • 4.6K
  •  
  •  
  •  
  •