สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) หรือ ETDA ได้ออกมาเผยว่า ปัจจุบันคนไทยมีความมั่นใจในการซื้อขายออนไลน์มากขึ้น โดยตอนนี้สินค้าราคาหลักหมื่นก็กล้าตัดสินใจซื้อ จากเดิมราคาซื้อสูงสุดจะอยู่ที่ 2,000- 4,000 บาทต่อชิ้น และถือเป็นหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ตลาดอีคอมเมิร์ซในไทยมีแนวโน้มโตอย่างต่อเนื่อง
สุรางคณา วายุภาพ ผู้อำนวยการ ETDA เปิดเผยถึงมูลค่าตลาดอีคอมเมิร์ซในไทยว่า ในปี 2560 มีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 2.81 ล้านล้านบาท เพิ่มเป็น 3 ล้านล้านบาทในปี 2561 ส่วนในปี 2562 คาดว่า ตลาดอีคอมเมิร์ซในไทยจะโตขึ้น 12-13% มีมูลค่าตลาด 3.2 ล้านล้านบาท
ส่วนปัจจัยที่ทำให้เติบโตมาจากความนิยมและความมั่นใจของผู้บริโภคที่มีต่อการชอปปิ้ง ออนไลน์ที่เพิ่มขึ้น เห็นชัดจากความถี่ในการสั่งซื้อ รวมไปถึงราคาสินค้าที่ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อทางออนไลน์สูงขึ้น โดยตอนนี้มีราคาอยู่ในหลักหมื่นบาท จากช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ราคาสินค้าที่ซื้อสูงสุดอยู่ประมาณ 2,000-4,000 บาทต่อชิ้น
ขณะที่กลุ่มสินค้าที่มีการซื้อขายทางออนไลน์สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ กลุ่มแฟชั่น รองลงมา คือ สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ และดิจิทัล คอนเทนท์ต่าง ๆ อาทิ หนัง เพลง เกม ฯลฯ
“เราจะเห็นว่า สินค้าที่มีราคาสูงอย่างเครื่องใช้ไฟฟ้า และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ที่มีราคาระดับหลักหมื่น คนไทยก็กล้าตัดสินใจซื้อทางออนไลน์ สะท้อนให้เห็นถึงความมั่นใจที่มากขึ้นในการซื้อของในช่องทางนี้ แต่การตัดสินใจเขาจะเลือกซื้อจากเจ้าประจำที่เคยใช้บริการมาก่อน”
นอกจากนี้ ด้วยเทรนด์ธุรกิจที่เปลี่ยนแปลง โดยปัจจุบันทุกผู้ประกอบการในหลากหลายธุรกิจ หันให้ความสำคัญกับด้านออนไลน์และอีคอมมิร์ซเป็นลำดับต้น ๆ เพื่อความอยู่รอดทางธุรกิจ รวมถึงการรุกอย่างหนักของผู้ประกอบอีคอมเมิร์ซต่างชาติในตลาดไทย ก็นับเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตลาดอีคอมเมิร์ซในบ้านเราเติบโต
ส่วนทิศทางการแข่งขัน ก็ยังถือว่า รุนแรง โดยเฉพาะการห้ำหั่นในเรื่องราคาของผู้เล่นรายใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น Lazada , Shopee , JDcentral เพื่อเป็นการสร้างตลาด เพราะเรื่องอีคอมเมิร์ซในไทยยังอยู่ในระยะเริ่มต้น