จากกระแสความนิยมใช้งานมือถือ แน่นอนว่าในภาคการเงินก็ต้องพูดถึง Mobile Banking เพื่อเข้าถึงและตอบโจทย์การใช้งานของผู้บริโภคในปัจจุบัน เรื่องนี้ทำให้ทุกสถาบันการเงินต้องตื่นตัว ไม่ใช่แค่มีแอปพลิเคชั่นเพื่อให้บริการ แต่ต้องเข้าใจพฤติกรรมลูกค้าและสามารถตอบสนองความต้องการใช้งานได้อย่างตรงใจ ซึ่ง ธนาคารกสิกรไทย ก็มีแนวทางในทิศทางดังกล่าว
เรื่องนี้คุณพัชร สมะลาภา รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ธนาคารกสิกรไทย กล่าวย้ำถึงวิสัยทัศน์ของธนาคารกสิกรไทยว่า เราต้องการสร้างประสบการณ์ไร้รอนต่อเพื่อการใช้บริการของลูกค้า ทั้งลูกค้าบุคคลและลูกค้าที่เป็นเจ้าของร้านค้ารายย่อย ในปีนี้เราจึงนำเทคโนโลยีมาพัฒนาและวิเคราะห์ข้อมูลของลูกค้าแอป K PLUS เพื่อสร้างรูปแบบการให้บริการที่ตรงความต้องการของผู้บริโภคได้ดียิ่งขึ้น
ยืนยันเป็นเบอร์ 1 แอปการเงิน ต่อยอดสู่ไลฟ์สไตล์ แพลทฟอร์ม
รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ธนาคารกสิกรไทย ยังกล่าวอีกว่า ปัจจุบันมีลูกค้าใช้งานแอป K PLUS รวม 7.5 ล้านราย ซึ่งมีจำนวนผู้ใช้งานเป็นประจำกว่า 80% มียอดการทำธุรกรรมรวม 3,000 ล้านรายการต่อปี คิดเป็นมูลค่าการทำธุรกรรม 6.3 ล้านล้านบาทต่อปี โดยมีการพัฒนารูปแบบให้แอป K PLUS กลายเป็นไลฟ์สไตล์ แพลทฟอร์ม ตอบสนองความต้องการได้ทั้งผู้บริโภคและกลุ่มลูกค้าธุรกิจรายย่อย ด้วยการเชื่อมโยงกับบริการของแอป K PLUS SHOP ด้วยฟังก์ชั่นการใช้งานใหม่ๆ เพื่อตอกย้ำความสำเร็จของแอป K PLUS ที่เป็นแอปพลิเคชั่นที่คนไทยนิยมใช้งานเป็นอันดับที่ 5 รองจากแอปโซเชียลมีเดีย คือ ไลน์ , เฟซบุ๊ก , เฟซบุ๊ก แมสเซนเจอร์ , อินสตาแกรม ตามลำดับ
“แอป K PLUS รูปแบบใหม่จะพลิกโฉมการใช้งานโมบายล์แบงก์กิ้ง จากเดิมที่ใช้เพื่อการโอนเงิน จ่ายบิล หรือเช็คยอดเงิน สู่การซื้อขายออนไลน์ จากนี้จะทำให้การใช้จ่ายผ่านมือถือเป็นเรื่องง่ายยิ่งขึ้น รวมถึงการใช้คิวอาร์โค้ดแทนการใช้จ่ายด้วยเงินสด ขณะเดียวกันแอปพลิเคชั่นก็จะกลายเป็นอีกหนึ่งช่องทางของกสิกรไทยในการแนะนำบริการใหม่ๆ แก่ผู้บริโภครวมถึงร้านค้ารายย่อย”
ปั้น 4 ฟีเจอร์รับเทรนด์การใช้ พ่วง “บริการสินเชื่อ”
เทคโนโลยีที่ถูกพัฒนาและนำมาเสริมประสิทธิภาพการใช้งานให้แอป K PLUS ได้แก่…
1. Quick Pay เพื่ออำนวยความสะดวกในการจ่ายเงินให้ร้านค้าได้สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น ผ่านเทคโนโลยี QR Code ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนผู้ใช้งานราว 1.3 ล้านรายการ มีมูลค่าการทำธุรกรรม 811 ล้านบาท
2. ช้อปสินค้า สามารถค้นหาสินค้าผ่านหมวด Life+ ถือเป็นตลาดนัดออนไลน์ที่เชื่อมโยงระหว่างผู้บริโภคและผู้ค้ารายย่อย ซึ่งบางสินค้ามีจำหน่ายบนแอป K PLUS เท่านั้น โดยมีเป้าหมายส่งมอบสินค้ากว่า 30 ล้านรายการภายในปีนี้ และมีมูลค่าการซื้อขายผ่านระบบประมาณ 600 ล้านบาทภายใน 1 ปีหลังจากเปิดให้บริการในเดือนมีนาคมนี้
3. ขายและเรียกเก็ยเงินผ่านโซเชียลมีเดีย หลังจากเปิดตัว K PLUS SHOP เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ปัจจุบันมีร้านค้ารวมแล้ว 800,000 ร้านค้า มีจำนวนธุรกรรม 1.4 ล้านรายการ และมีมูลค่าการทำธุรกรรมรวม 1,100 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าภายในสิ้นปีนี้จำนวนร้านค้าจะเพิ่มขึ้นเป็น 1 ล้านร้านค้า โดยฟังก์ชั่นนี้จะช่วยให้ผู้ขายสามารถรับเงินจากผู้ซื้อผ่านโซเชียลมีเดียได้ง่ายขึ้น ด้วยการส่งบิลที่อยู่ในรูปแบบ QR Code ของร้านค้าไปให้ผู้ซื้อเพื่อชำระเงินผ่าน K PLUS หรือโมบายแบงก์กิ้งธนาคารอื่นๆ
4. บริการสินเชื่อบุคคลบน K PLUS อำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้แอป K PLUS สามารถใช้จ่ายได้ในทันที โดยธนาคารจะใช้ระบบ Data Analytics เพื่อวิเคราะห์ความเป็นไปได้ในการขอสินเชื่อและชำระคืน ซึ่งจะเปิดให้บริการกับลูกค้าบนระบบ PayRoll ของกสิกรไทยเท่านั้น ลูกค้าสามารถกดเลือกวงเงินที่ต้องการดู้ จากนั้นระบบจะแสดงวงเงินกู้สูงสุด พร้อมให้กดรับสินเชื่อและวงเงินกู้จะเข้าบัญชีทันที
“คาดว่าบริการสินเชื่อที่เกิดขึ้นบน K PLUS จะทำให้สามารถเข้าถึงผู้ที่มีความต้องการสินเชื่อไม่ต่ำกว่า 700,000 ราย ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่มีความศักยภาพในการขอรับสินเชื่อ จากลูกค้าทั้งหมดราว 2 ล้านรายที่ใช้ระบบ PayRoll ของเรา ถือเป็นการขยายโอกาสในการให้บริการด้านสินเชื่อ ขณะเดียวกัน เรายังมั่นใจว่าแอป K PLUS SHOP จะกลายเป็นทางเลือกหลักสำหรับผู้ค้าออนไลน์อย่างแน่นอน”
คนรุ่นใหม่ใช้ Mobile Banking ตอบโจทย์ชีวิต
สำหรับสัดส่วนผู้ใช้งานแอป K PLUS แบ่งเป็นผู้ใช้งานในกรุงเทพฯ 50% และต่างจังหวัด 50% ซึ่งกลุ่มผู้ใช้งานส่วนใหญ่ราว 55% คือกลุ่มเจนวาย ซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบเทคโนโลยี และจากจำนวนผู้ใช้งาน 7.5 ล้านราย ในปีนี้เราคาดหวังจำนวนผู้ใช้งานเป็น 10.8 ล้านราย และมียอดการทำธุรกรรมเพิ่มขึ้นราว 2 เท่าตัว เป็น 6,000 ล้านรายการ ส่วนแอป K PLUS SHOP ตั้งเป้าเพิ่มจำนวนร้านค้าอยู่ที่ 1 ล้านร้านค้าภายในช่วงสิ้นปีนี้
ไม่ปรับลดสาขา แม้จะใช้เทคโนโลยีมากขึ้น
ส่วนประเด็นการปรับลดพนักงานและสาขานั้น ขณะนี้ กสิกรไทยยังไม่มีนโยบายลักษณะดังกล่าว แม้ว่ายอดการทำธุรกรรม่านสาขาจะลดลงและอยู่ที่ 180 ล้านรายการต่อปี ส่วนการทำธุรกรรมผ่านมือถืออยู่ที่ 3,000 ล้านรายการต่อปี และถึงแม้ธนาคารจะเริ่มนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่างๆ เข้ามาตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้น ก็ยังยืนยันว่ายังไม่มีการปรับลดพนักงานและสาขาในขณะนี้อย่างแน่นอน
นอกจากนี้ ยังมีการเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณา K PLUS ชุด Friendshi(t)p ซึ่งกำกับโดย เต๋อ นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์ ด้วยแนวคิด K PLUS แอปยอดนิยมใช้ง่าย ทำให้คนที่ใช้งานแอปดังกล่าวสามารถคุยกับใครก็รู้เรื่อง ทั้งยังช่วยพลัสมิตรภาพและพลัสสิ่งดีๆ ให้ชีวิต.