‘Big Data’ เป็นเรื่องที่ใคร ๆ ก็ให้ความสนใจและพูดถึงว่า เป็นหนึ่งในเทรนด์สำคัญที่จะมาเปลี่ยนโลกธุรกิจ และน่าสนใจยิ่งขึ้น เมื่อ‘บุณยสิทธิ์ โชควัฒนา’ ประธานเครือสหพัฒน์ หนึ่งในเจ้าสัวและนักธุรกิจคนดังระดับแสนล้านของไทย ออกมาย้ำว่า ‘Big Data’ เป็นหัวใจในการสร้าง Change ในหลายด้าน และสร้างโอกาสธุรกิจใหม่ ๆ ที่การค้าแบบเดิมทำไม่ได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่หลายองค์กรในหลายธุรกิจห้ามตกเทรนด์
รวมถึงเครือสหพัฒน์ ที่สร้างความฮือฮา ด้วยการจับมือกับบริษัท บีทีเอส โฮลดิ้งส์ จำกัด(มหาชน) ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ “Big Data Partnership & Business Collaboration”
อะไรที่ทำให้แม่ทัพใหญ่ขององค์กรอายุกว่า 70 ปี และมีรายได้กว่าแสนล้านบาท ถึงวางเรื่องนี้ เป็นกุญแจสำคัญในการไขสู่ความสำเร็จของเครือสหพัฒน์ต่อไปในอนาคต และทำไมต้อง ‘Big Data’
“Big Data เป็นศาสตร์ใหม่ที่จะเปลี่ยนชีวิตของคนทุกคน และทุกธุรกิจ และในอนาคตเรื่องนี้ จะเป็นตัวกำหนดอะไรหลายอย่าง ที่สำคัญ เป็นการสร้างโมเดลธุรกิจใหม่ ๆ ที่การค้าแบบเดิมทำไม่ได้ ซึ่งนอกจากเป็นการเพิ่มโอกาสทางธุรกิจแล้ว ยังลดความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจด้วย”ประธานเครือสหพัฒน์กล่าว พร้อมเสริมว่า
อย่างในอดีตการทำธุรกิจ หรือจะออกสินค้าอะไรสู่ตลาด จะอาศัยเซ้นส์และประสบการณ์ที่เคยทำมาของแต่ละคน บางครั้งถูก บ้างครั้งผิด
แต่เมื่อมี Big Data ทุกอย่างจะถูกวางแผนแบบแม่นยำมากขึ้น เพราะมีข้อมูลหลาย ๆ ด้านมาประมวล และวิเคราะห์ความต้องการของผู้บริโภค ดูทิศทางตลาด ถึงจะพัฒนาสินค้าออกมา ทำให้ขายได้ตรงจุด มีประสิทธิภาพ ยกตัวอย่างเช่น ไอโฟน , กาแลคซี่ ฯลฯ สินค้าเหล่านี้ล้วนใช้ Big Data มาพัฒนาสินค้าทั้งสิ้น
ดังนั้น สำหรับเครือสหพัฒน์ที่อยู่ในธุรกิจรีเทลและคอนซูมเมอร์ โปรดักท์ เรื่องนี้ถึงเป็นสิ่งสำคัญ นอกจากนี้การมี Big Data จะช่วยเปลี่ยนลุคของเครือสหพัฒน์ที่หลายคนอาจดูเชย และเก่า ให้ดูทันสมัย เนื่องจากเรื่องนี้เป็นเทรนด์ที่ถูกจับตามองในปัจจุบัน
“เมื่อก่อนการค้าขาย เป็นการทำสินค้าแล้วค่อยดึงคนมาซื้อ แต่จากนี้เมื่อมี Big Data จะทำให้เราวิเคราะห์ได้เลยว่า ควรทำสินค้าอะไร เพื่อทำออกมาแล้วให้คนมาต่อแถวหรือแย่งกันซื้อ เหมือนกับพวกไอโฟน กาแลคซี่ ต่อไปเราก็จะทำแบบนี้เช่นกัน”
จับมือกลุ่มบีทีเอสลุย Big Data
อย่างไรก็ตาม Big Data สำหรับเครือสหพัฒน์ไม่ใช่การลงทุนที่จำเป็นต้องใช้เงินมหาศาล เพื่อสร้างระบบ แต่เป็นเรื่องของการแชร์และพัฒนา ‘คน’ ให้รู้เข้าใจ และเชี่ยวชาญในเรื่องนี้ ซึ่งการได้กลุ่มบีทีเอสมาเป็นพาร์ทเนอร์จะทำให้ทุกอย่างเดินหน้าได้เร็วยิ่งขึ้น เพราะ
1. กลุ่มบีทีเอส อยู่ในธุรกิจขนส่งมวลชน ที่ปัจจุบันมีผู้โดยสาร 7-8 แสนคนต่อวัน และในอนาคตจะมีการขยายรถไฟฟ้าเพิ่มเติม คาดว่า จำนวนผู้โดยสารจะพุ่งไปถึง 2 ล้านคนต่อวัน และปัจจุบันมี Big Data ลูกค้า 16 ล้านราย และภายใน 3 ปี จะเพิ่มเป็น 40 ล้านราย
2. ทางบีทีเอสมีธุรกิจอื่น ๆ อาทิ อสังหาริมทรัพย์ทั้งคอนโดฯและโรงแรม , ระบบ Payment system อย่าง บัตรแรบบิท รวมถึงมีบริษัทในเครือ อย่าง วีจีไอ โกลบอล ที่ทำด้านสื่อโฆษณาและการตลาด ซึ่งทั้งหมดเอื้อต่อธุรกิจของเครือสหพัฒน์ทั้งหมด
แม้ทาง บุณยสิทธิ์ จะไม่ยอมขยายรายละเอียดของความร่วมมือหลังลงนามว่า จะเป็นอย่างไร แต่ที่แน่ ๆ เราจะได้เห็นความเคลื่อนไหวแรกของความร่วมมือระหว่างสองยักษ์นี้ ภายในงานสหพัฒน์กรุ๊ปแฟร์ ครั้งที่ 22 จัดขึ้นวันที่ 28 มิ.ย.- 1 ก.ค.2561 ซึ่งครั้งนี้ย้ายมาจัดที่ไบเทค บางนา เป็นปีแรก เนื่องจากศูนย์ประชุมสิริกิติ์ที่จัดงานเป็นประจำมีการปิดปรับปรุง
โดยให้ลูกค้าที่มาชอปภายในงาน สามารถชำระเงินผ่านบัตรแรบบิท หรือผ่าน QR Code ได้ ส่วนความร่วมมืออื่น ๆ จะทยอยออกมาหลังจากนี้ อาทิ Payment system ในการใช้ระบบ payment ของกลุ่มบีทีเอสให้สามารถชำระเงินในร้านรีเทลทั้งหมดของเครือสหพัฒน์ เช่น ร้านสะดวกซื้อ ‘ลอว์สัน’ , ร้านขายยา ‘ซูรูฮะ’ , ร้านสินค้า 60 บาท ‘ไดโซะ’ ฯลฯ ขณะที่กลุ่มบีทีเอส จะใช้ร้านรีเทลของกลุ่มสหพัฒน์ที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ เป็นช่องทางขยายบริการให้ครอบคลุมมากขึ้น
Loyalty program ที่จะมีความร่วมมือระหว่างกันในเรื่องของการสะสมคะแนน Targeting media การลงโฆษณา ซึ่งข้อมูลที่ได้จากกลุ่มบีทีเอส ทำให้สามารถเลือกลงโฆษณาได้เลยว่า ลงที่ไหน อย่างไร ให้มีประสิทธิภาพสูงสุดและคุ้มค่าเงิน กระทั่งการวิเคราะห์และวางแผนในการนำสินค้าไปวางจำหน่ายตามที่ต่าง ๆ หรือการเปิดสาขาของธุรกิจรีเทลภายในเครือสหพัฒน์ เป็นต้น
“เครือสหพัฒน์มีเราสินค้ามากมาย และครอบคลุมหลาย ๆ ธุรกิจ ดังนั้น Big Data สำคัญซึ่งความร่วมมือกับกลุ่มบีทีเอสจะเป็นพาร์ทเนอร์ในระยะยาวและเรียนรู้ไปร่วมกัน หากถามว่า เมื่อเราทำ Big Data แล้วจะเติบโตเท่าไร ยังตอบไม่ได้ แต่เป็นทิศทางที่ต้องไปแน่นอน”
ห้ามตกเทรนด์ เคล็ดลับทำธุรกิจ
สำหรับความท้าทายของการทำธุรกิจในยุคนี้ ทาง บุณยสิทธิ์ โฟกัสไปที่เรื่องเทคโนโลยี ที่ย้ำเสมอว่า ต้องตามให้ทัน และอย่าหยุดนิ่ง เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นทั้งตัวแปรและโอกาสทางธุรกิจ โดยเฉพาะตอนนี้ ก็คือ เรื่อง Big Data ที่เป็นสิ่งสำคัญให้เดินต่อไปได้ในระยะยาว
นอกจากนี้ ยังห้ามตกเทรนด์ อะไรกำลังมา อะไรกำลังไป ต้องเกาะติด เพื่อสร้างโอกาสใหม่ ๆ อย่างในงานสหพัฒน์กรุ๊ปแฟร์ครั้งที่ 22 ที่ย้ายมาจัดที่ไบเทค บางนา เป็นครั้งแรก ทางประธานเครือสหพัฒน์ สั่งให้ดึง BNK48 มาร่วมโชว์ภายในงานถึง 2 วัน และยังมี เบลล่า-ราณี เพื่อดึงคนรุ่นใหม่ให้มางานนี้ เพราะต้องการสร้างแมกเน็ต ควบคู่ไปกับการขยายฐานลูกค้าสู่กลุ่มใหม่ ๆ ซึ่งทั้งBNK48 และ เบลล่า-ราณี กำลังอยู่ในกระแสและมาแรง ณ ขณะนี้
และนี่ คือ ความคิดของแม่ทัพใหญ่เครือสหพัฒน์ ‘บุณยสิทธิ์ โชควัฒนา’ ในวัย 82 ปี