TV Direct เริ่มจากทุนจดทะเบียนเพียง 1.2 ล้านบาท ในราวปี 2542 แต่ปัจจุบันกลับมีทุนเพิ่มขึ้นถึง 188 ล้านบาท เริ่มจากกลยุทธ์ Multi-Screen หรือขายสินค้าผ่านหลายช่องทาง ทั้งทีวีผ่านดาวเทียม สื่อสิ่งพิมพ์ เมล์ออเดอร์ รวมทั้ง Call Center ขณะที่ TV Direct ก้าวเข้าสู่ปีที่ 19 ในปัจจุบัน ซึ่งแน่นอนว่าทิศทางการบริหารอาจมีการเปลี่ยนไปอย่างแน่นอน
นายทรงพล ชัญมาตรกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด (มหาชน) มองว่า TV Direct ในปีนี้จะเน้นขยายช่องทางทางการตลาดมากขึ้น เน้นรีโมเดลธุรกิจเพื่อนำสินค้าเข้าถึงกลุ่มคอนซูเมอร์ที่หลากหลายมากขึ้น ด้วยกลยุทธ์ Omni Channel มุ่งเสนอสินค้าทั้งออฟไลน์และออนไลน์ โดยตั้งเป้าธุรกิจเติบโตเพิ่มขึ้น 17% มูลค่า 3,990 ล้านบาท ขณะที่ปีก่อนหน้า TV Direct มีรายได้รวม 3,310.77 ล้านบาท
โมเดล Omni Channel ที่ TV Direct เตรียมขยายช่องทางการตลาดดังนี้
1. โฮม ช้อปปิ้ง ยังคงรุกทีวีดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการทุ่มงบให้กับสื่อประเภทนี้สูงที่สุดเมื่อเทียบกับร้านค้าปลีกและช่องทางออนไลน์ เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายระดับอายุ 36 ปีขึ้นไป มุ่งเน้นการโฆษณาและทำรายการโชว์ซึ่งเป็นจุดแข็งของ TV Direct โดยในปีนี้มีการเซ็นสัญญาเป็นผู้ร่วมผลิตรายการในช่องสปริงนิวส์ (ช่อง 19) ระยะเวลา 4 ปี เพื่อเพิ่มยอดขาย
2. TV Direct Showcase หรือช่องทางร้านค้าปลีก โดยภายในปีนี้จะมีการขยายสาขาเพิ่มขึ้นอีก 15 แห่ง รวมปีนี้ที่มีอยู่ทั้งหมดเกือบ 100 แห่ง โดยจะมีการปรับรูปแบบให้ทันสมัยเพื่อดึงดูดคนรุ่นใหม่
3. ช่องทางออนไลน์ ที่เปรียบเสมือนช่องทางเสริม เพื่อตอบโจทย์ความการที่หลากหลาย สำหรับช่องทางนี้คาดว่าจะสามารถเติบโตได้มากถึง 30-40% โดยสัดส่วนการเติบโตมีประมาณ 10 %
ในปีนี้ TV Direct ได้เพิ่มพอร์ตสินค้าขยายเข้าสู่กลุ่มสุขภาพและความงาม (Health & Beauty) เนื่องจากพบว่าการสร้างผลกำไรขั้นต้นอยู่ในสัดส่วนที่ดี อาทิ ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม วิตามิน สมุนไพร รวมทั้งครีมบำรุงผิว ช่วงแรกเตรียมที่จะทยอยลอนช์สินค้าไม่ต่ำกว่า 20 โปรดักส์ ส่วนสินค้ากลุ่มอื่น TV Direct พยายามที่จะรักษาภาพลักษณ์ด้านคุณภาพมาโดยตลอด นั่นคือ เน้นสินค้าที่มีคุณภาพ เกิดประโยชน์ต่อผู้ใช้ ซึ่งนโยบายบริษัทจะรับคืนสินค้าอยู่แล้ว โดยเป็นปตามข้อตกลงของบริษัท
ส่วนการดำเนินธุรกิจในปี 2561 TV Direct จะใช้กลยุทธ์ Omni Channel เป็นหลักในการขยายฐานลูกค้า ขณะเดียวกันยังคงใช้ช่องทางทีวีเป็นสื่อหลัก ในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเพราะเชื่อมั่นในคุณภาพของสื่อประเภทนี้อยู่ แต่สิ่งที่เพิ่มเข้ามาคือ การรุกตลาดสินค้ากลุ่มสุขภาพและความงามมากขึ้น เนื่องจากมีทิศทางการเติบโตที่ดีในอนาคต
“ในแง่ของการแข่งขัน แม้ว่าตลาดอีคอมเมิร์ซจะเติบโตได้ดี ในส่วนของบริษัทกลับเป็นส่วนเสริมด้านการขาย เพราะอีคอมเมิร์ซเป็นรูปแบบของมาร์เก็ตเพลส ส่วน TV Direct มีการนำเข้าสินค้าด้วยตนเองได้อยู่แล้ว เป็นส่วนที่เอื้อประโยชน์ระหว่างกันในแง่ของการกระจายสินค้า ขณะที่สินค้ายอดนิยมที่มาร์เก็ตเพลสต้องการจาก TV Direct จะเป็น ‘สินค้า Dead Stock’ ซึ่งสามารถนำกลับมาขายได้ในราคาสูง เนื่องจากสินค้าดังกล่าวเป็นสินค้ายอดฮิตมาก่อนของ TV Direct” นายทรงพล กล่าว