รถยนต์นับวันจะกลายเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการใช้ชีวิต ทั้งในด้านการทำงานและการใช้ชีวิต Lifestyle ดังนั้นการดูแลเอาใจใส่รถยนต์จึงเป็นเรื่องที่สำคัญ พอๆ กับการดูแลสุขภาพ หากแต่ในอดีตที่ผ่านมาการนำรถยนต์เข้าไปตรวจเช็คเป็นหน้าที่ของเจ้าของรถที่ต้องใจใส่ จนบางครั้งก็ลืมดูแลและนำไปสู่เรื่องราวที่ไม่คาดฝันในระหว่างการเดินทาง
ยิ่งไปกว่านั้นการนำรถยนต์เข้าไปดูแลในศูนย์บริการส่วนใหญ่จำเป็นต้องทิ้งรถยนต์ไว้อย่างน้อย 1-2 วัน และนั่นทำให้ในช่วงระยะเวลา 1-2 วันนั้นไม่สามารถเดินทางไปไหนไกลได้ หรือทำให้การเดินทางในช่วงเวลานั้นลำบากมากขึ้น อีกประการที่สำคัญคือการติดต่อกับศูนย์ฯ ที่อาจจะติดต่อได้ยากหรือต้องรอเวลาถือสายนานในการติดต่อกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง
นั่นคือเหตุผลส่วนใหญ่ที่ทำให้เจ้าของรถยนต์เลือกที่จะไม่ใช้บริการที่ศูนย์ฯ และ TOYOTA หนึ่งในค่ายรถยนต์รายใหญ่เข้าใจปัญหา เพื่อให้การบริการที่เข้าถึง โดนใจ ได้รับความสะดวกสบาย และสร้างความน่าเชื่อถือด้วยการแสดงข้อมูลการซ่อมที่ละเอียดและครบถ้วน โดยเน้นลูกค้าเป็นจุดศูนย์กลาง (Customer Centric)
TOYOTA ปรับเปลี่ยนรูปแบบศูนย์ฯ พร้อมบริการแบบด่วนทันใจ
โดย TOYOTA เตรียมปรับโชว์รูมครั้งใหญ่ภายใต้แคมเปญ “CHANGE FOR THE NEW TOUCH ศูนย์บริการโตโยต้า เปลี่ยนใหม่ทุกความรู้สึก” ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบการเช็กระยะที่เน้นความเร็วในการทำงานบนคุณภาพและมาตรฐานขั้นสูง โดยมีแพ็กเกจให้สามารถเลือกได้ถึง 3 แพ็กเกจ ทั้ง EM PLUS 60, EM PLUS 75 และ EM PLUS 90 ซึ่งรหัสตัวเลขด้านท้ายแพ็กเกจคือระยะเวลานาทีในการปฏิบัติงาน
มาตรฐานด้วยการนำเสนอแพ็กเกจงานเช็กระยะรูปแบบใหม่ ที่มาพร้อมกับเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ออกแบบเฉพาะ ทำให้เวลาในการปฏิบัติงานลดลงและสามารถกำหนดระยะเวลาส่งมอบรถให้กับลูกค้าได้แม่นยำ นอกจากนี้ทั้งรายการเช็กระยะมาตรฐานและรายการเช็กระยะร่วมกับงานซ่อมทั่วไป ลูกค้ายังสามารถเลือกแพ็กเกจงานเช็กระยะ EM Plus ที่มีให้เลือกหลากหลายตามความต้องการ
ด้วยรูปแบบการเช็คระยะแบบ EM Plus (Express Maintenance Plus) จะใช้ผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการรับรองมาตรฐานการปฏิบัติงานจาก TOYOTA จำนวน 3 คนต่อ 1 ช่องเช็กระยะแบบด่วน (Express Maintenance) ซึ่งการเช็คระยะที่เร็วขึ้นนอกจากช่วยให้ลูกค้าจัดสรรเวลาได้แล้ว ยังช่วยให้รู้สึกคุ้มค่าในทุกการใช้จ่าย
ซึ่งแพ็กเกจ EM PLUS 60 จะเป็นการเช็กระยะทุก 10,000 กม. ขณะที่แพ็กเกจ EM PLUS 75 จะเป็นการเช็กระยะทุก 40,000 กม. นอกจากการซ่อมมาตรฐานโตโยต้าแล้ว ยังรวมงานซ่อมเพิ่มเติมอื่นๆ อาทิ เปลี่ยนแบตเตอรี่ เปลี่ยนหลอดไฟ เปลี่ยนกรองแอร์ เปลี่ยนก้านปัดน้ำฝนและยางปัดน้ำฝน โดยใช้เวลาในการให้บริการ 60 นาทีและ 75 นาที
ส่วนแพ็กเกจ EM PLUS 90 จะเป็นการเช็กทุกระยะและทุกประเภทรถยนต์ ร่วมกับงานซ่อมเพิ่มเติมทั่วไป รวมไปถึงการเปลี่ยนผ้าเบรกคู่ เปลี่ยนโช้คอัพรถกระบะ เปลี่ยนสายพานเครื่องยนต์ เปลี่ยนสายพานไทม์มิ่งและเปลี่ยนกรองเบนซิน โดยใช้เวลาในการให้บริการ 90 นาที
นอกจากนี้ยังสามารถซ่อมสีด่วนหรือรอยขีดข่วนเฉพาะจุด ด้วยเครื่องมือพิเศษรวมถึงผลิตภัณฑ์สีที่แห้งเร็วและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่ผ่านการรับรองมาตรฐานการปฏิบัติงานของโตโยต้า การซ่อมสีด่วนสามารถทำได้ภายในระยะเวลา 1 ชม. ด้วยราคาเริ่มต้นเพียง 1,500 – 2,000 บาทต่อรายการ พร้อมรับประกันคุณภาพงานซ่อมนานสูงสุด 12 เดือน
เทคโนโลยีร่วมให้บริการ ช่วยให้ลูกค้าทราบทุกขั้นตอน
ไม่เพียงแค่ความรวดเร็วในการบริการที่เรียกว่า เป็นความเปลี่ยนแปลงของศูนย์บริการ TOYOTA แล้ว การนำเทคโนโลยีเพื่อเข้าถึงลูกค้าแต่ละรายเพื่อตอบโจทย์ความต้องการรับบริการได้อย่างตรงจุด ยังเป็นอีกสิ่งที่ TOYOTA ตั้งใจมอบประสบการณ์การใช้บริการแค่ลูกค้าทุกคน ที่นอกจากจะสะดวกสบายในการติดต่อและสร้างความประทับใจแล้ว การใช้เทคโนโลยียังช่วยลดค่าใช้จ่ายลงอีกด้วย
การให้บริการด้วยเทคโนโลยี ถือเป็นการให้บริการในรูปแบบใหม่ภายใต้คอนเซปต์ “Next Generation System” โดยลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการที่ศูนย์จะมีระบบบันทึกข้อมูลรถยนต์และการเข้ารับบริการของลูกค้าทุกครั้งทันทีที่ขับรถเข้ามาที่ศูนย์ฯ ผ่านเทคโนโลยีสแกนทะเบียนรถเฉกเช่นเดียวกับการลงแฟ้มทะเบียนประวัติอิเลคทรอนิกส์ ซึ่งช่วยให้เจ้าหน้าที่และช่างที่จะเข้ามาดูแลได้รับทราบข้อมูลเชิงลึกของรถยนต์นั้นๆ โดยไม่ต้องเสียเวลาสอบถามข้อมูลจากลูกค้า
ด้วยเทคโนโลยีนี้จะช่วยให้ช่างสามารถคาดคะเนปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น รวมถึงสามารถให้บริการแบบส่วนบุคคลตรงตามความต้องการของลูกค้าได้ ด้วยรูปแบบการใช้เทคโนโลยีในการให้บริการจะช่วยให้ลูกค้าได้รับความสะดวกสบาย และสร้างความน่าเชื่อถือด้วยการแสดงข้อมูลการซ่อมอย่างละเอียด รวดเร็วและครบถ้วนถึงลูกค้า
เทคโนโลยีในการให้บริการดังกล่าว จะช่วยให้มีการรับ-ส่งข้อมูลงานในด้านการบริการผ่านระบบออนไลน์ไปยังฝ่ายต่างๆ เพื่อให้เกิดการทำงานอย่างประสานความร่วมมือ ช่วยให้เกิดความสะดวกสะดวกรวดเร็วในการให้บริการและสามารถให้บริการลูกค้าได้ทุกที่ภายในศูนย์บริการ นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชั่นการอธิบายงานบริการในรูปแบบภาพ 3 มิติ วิดีโอและภาพถ่าย ช่วยทำให้ลูกค้าสามารถตรวจสอบรายละเอียดการบริการและทำความเข้าใจผลการตรวจเช็ก รวมไปถึงติดตามการซ่อมจริงผ่านอุปกรณ์ Tablet ได้แบบ Real Time
สร้างความประทับใจให้ลูกค้า ด้วยอัตราที่ถูกลงแต่คงคุณภาพชั้นเยี่ยม
และเพื่อสร้างความประทับใจแก่ลูกค้าจากการบริการรูปแบบใหม่ TOYOTA ได้มีการปรับอัตราค่าบริการใหม่ ซึ่งรูปแบบใหม่นี้จะช่วยให้ลูกค้าประหยัดเวลาในการเข้ามาใช้บริการที่ศูนย์ฯ ได้ถึง 50% ในกรณีที่มีงานซ่อมเพิ่มเติมนอกเหนือจากการซ่อมปกติ อีกทั้งราคาค่าบริการยังเป็นอัตรามาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ ซึ่งจะสามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายของลูกค้าได้สูงสุดถึง 35% ของค่าแรงในการเช็กระยะช่วง 60,000 – 100,000 กิโลเมตร (สำหรับระยะ 0 – 50,000 กิโลเมตร ฟรีค่าแรงเช็กระยะ)
พร้อมการรับประกันงานซ่อมนานถึง 1 ปี หรือ 20,000 กม. นอกจากนี้ยังเสริมความคุ้มค่าด้วยโปรแกรมสะสมแต้ม T-MEX ที่สามารถนำไปใช้เป็นส่วนลดสำหรับการซื้อรถยนต์ใหม่และการใช้บริการครั้งถัดไป
ด้วยการให้บริการรูปแบบใหม่จะช่วยให้การเข้ามาใช้บริการที่ศูนย์ TOYOTA ไม่ใช่เรื่องที่น่าเบื่อ หรือไม่ใช่เรื่องยากสำหรับค่าบริการอีกต่อไป ยิ่งไปกว่านั้นเทคโนโลยียังมีส่วนช่วยให้ผู้เข้ามาใช้บริการมั่นใจได้ว่ารถยนต์ของแต่ละคนได้รับการดูแลเป็นอย่างดี โดยช่างผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการรับรองมาตรฐานจาก TOYOTA ที่จะทำให้เจ้าของรถยนต์ทราบทุกขั้นตอนกระบวนการให้บริการ ด้วยระยะเวลาที่สามารถควบคุมและจัดสรรตามแบบที่ต้องการได้
สามารถเข้ารับบริการได้ที่ผู้แทนจำหน่ายโตโยต้าทั่วประเทศ