อย่างที่ทราบกันว่ายานยนต์ไฟฟ้า (EV) กำลังเติบโตขึ้นอย่างมาก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะกระแสิ่งแวดล้อมเริ่มเป็นที่สนใจมากขึ้น อีกทั้งแนวโน้มราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้น และไม่มีทางลดลงเหมือนช่วงสถานการณ์โรคระบาดที่ผ่านมา ด้วยเหตุผลด้านการแข่งขันและความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากการเติบโตทางเศรษฐกิจ รวมไปถึงปริมาณการผลิต
ทำให้หลายฝ่ายพยายามคิดค้นเทคโนโลยีที่จะทดแทนการใช้น้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ผลสุดท้ายก็เป็นพลังงาน “ไฟฟ้า” ที่มีคุณสมบัติและศักยภาพใกล้เคียงหรือดีกว่าน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ นั่นเพราะพลังงานไฟฟ้าไม่มีการปล่อยมลพิษออกสู่สิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังมีราคาถูกสามารถผลิตไฟฟ้าได้จากหลายแหล่งทั้งแสงอาทิตย์ น้ำ ลม เป็นต้น และยังลดความเสี่ยงจากการเกิดไฟไหม้ด้วย
โดยสหราชอาณาจักรคือหนึ่งในประเทศกลุ่ม G7 ถือเป็นประเทศแรกที่มีความชัดเจนเรื่อง EV ด้วยการออกข้อระเบียบห้ามจำหน่ายรถยนต์รุ่นใหม่ที่ใช้น้ำมันทั้งเบนซินและดีเซลหรือก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงหลัก ซึ่งข้อระเบียบดังกล่าวจะเริ่มบังคับใช้ในปี 2573 หรืออีก 10 ปีข้างหน้า เพื่อเป็นการสนับสนุนให้หันมาใช้ยานยนต์ EV มากขึ้น ขณะที่รถยนต์ประเภทไฮบริด (Hybrid) จะอนุโลมให้ยังคงจำหน่ายได้ถึงปี 2578 ก่อนจะใช้ข้อระเบียบนี้เช่นกัน
ข้อระเบียบดังกล่าวเป็นหนึ่งในพันธะสัญญา “การปฏิรูปสู่อุตสาหกรรมสีเขียว” โดยมีการลงทุนจากภาครัฐมูลค่ากว่า 1.2 หมื่นล้านปอนด์ หรือราว 1.6 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ ทั้งนี้รัฐบาลสหราชอาณาจักรพร้อมสนับสนุนงบประมาณกว่า 1.3 พันล้านปอนด์ หรือราว 1.7 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ สำหรับจุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า และอีกกว่า 500 ล้านปอนด์ หรือราว 664 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สำหรับการพัฒนาและผลิตแบตเตอรี่สำหรับยานยนต์ไฟฟ้า รวมถึงการใช้เงินอุดหนุนกว่า 582 ล้านปอนด์ หรือราว 773 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อให้ยานยนต์ไฟฟ้ามีราคาที่ทุกคนจับต้องได้
ข้อระเบียบดังกล่าวยังสอดรับกับแผนการผลิตไฟฟ้าด้วยลมนอกชายฝั่งที่ตั้งเป้าผลิตเพิ่มขึ้นถึง 4 เท่าภายในปี 2573, แผนการเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าด้วยไฮโดรเจนและพลังงานนิวเคลียร์, การปรับปรุงระบบขนส่งสาธารณะ และแผนการปรับปรุงสู่บ้านและอาคารประหยัดพลังงาน รวมถึงแผนขยายพื้นที่ปลูกต้นไม้และการพัฒนาเทคโนโลยีดักจับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
ประเทศไทยเองก็มีแผนสนับสนุนยานยนต์ไฟฟ้า โดยเฉพาะในเรื่องจุดชาร์จไฟที่มีการร่วมมือกับภาคเอกชนในการพัฒนาและขยายจุดชาร์จไฟ รวมไปถึงการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยผลิตยานยนต์ EV ที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้ยานยนต์ EV สามารถเข้าถึงทุกคนได้ในราคาที่จับต้องได้ ซึ่งต้องรอดูต่อไปว่าการสนับสนุนครั้งนี้จะสูญเปล่าหรือผลักดันให้ตลาดยานยนต์ EV เติบโตขึ้นในประเทศไทย
Source: CNN