เปิดให้บริการมา 6 ปีแล้ว สำหรับ LINE แอปพลิเคชันแชทยอดนิยมของคนไทย ขณะที่ LINE Creators Stickers (ไลน์ ครีเอเตอร์ สติกเกอร์) นั้นเปิดให้บริการมาแล้ว 3 ปี ซึ่งเปิดโอกาสให้นักสร้างสรรค์ได้นำเสนอผลงานออกแบบและจำหน่ายสติกเกอร์เพื่อสร้างรายได้ โดยปัจจุบันสามารถสร้างรายได้ให้ครีเอเตอร์ทั่วโลกแล้วกว่า 14,500 ล้านบาทตลอด 3 ปีที่ผ่านมา
“ตั้งแต่ LINE ญี่ปุ่นเริ่มทำตลาดสติกเกอร์ซึ่งรู้จักกันในชื่อ STAMP พบว่าตลาดมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่วนตลาดครีเอเตอร์ สติกเกอร์นั้นมีปัจจัยเติบโตจากจำนวนครีเอเตอร์ที่เพิ่มขึ้นตลอดช่วง 3 ปี ประกอบกับการเปิดตัว Creators Studio ในประเทศญี่ปุ่นเมื่อเดือนมิถุนายน พบว่าสามารถเพิ่มจำนวนครีเอเตอร์ได้ถึง 4 เท่า และเพิ่มจำนวนสติกเกอร์ขึ้น 3 เท่า ทำให้ LINE ต้องจัดเตรียมพนักงานเพื่อทำหน้าที่คัดกรองสติกเกอร์อย่างหนักตลอด 7 วัน ส่วนสติกเกอร์ที่ได้รับความนิยม ได้แก่ สติกเกอร์ที่สามารถเข้าถึงความต้องการของผู้ใช้งาน ซึ่งเปลี่ยนความนิยมไปเรื่อยๆ” คุณนาโอโตโมะ วาตานาเบ ผู้จัดการฝ่ายผลิตและวางแผนสติกเกอร์ LINE ประเทศญี่ปุ่น กล่าว
นอกจากข้อมูลเกี่ยวกับความนิยมครีเอเตอร์ สติกเกอร์ ที่ได้รับความนิยมมากขึ้นทั้งในส่วนครีเอเตอร์และผู้ใช้สติกเกอร์ รายได้ของครีเอเตอร์ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน! โดย คุณวาตานาเบ ได้เล่าว่า “ครีเอเตอร์ที่ได้รับความนิยมเป็น 1 ใน 10 อันดับแรก ตลอด 3 ปีที่ผ่านมานั้น มีรายได้เฉลี่ยถึงคนละ 161 ล้านบาท โดยประเทศที่มีจำนวนครีเอเตอร์มากที่สุดคือญี่ปุ่น รองลงมาคือไทย LINE จึงเล็งเห็นความเป็นไปได้ของตลาดครีเอเตอร์ สติกเกอร์ในประเทศไทย”
ปัจจุบัน จำนวนครีเอเตอร์ทั่วโลกมีทั้งสิ้น 850,000 คน ส่วนในไทยมีผู้ลงทะเบียนครีเอเตอร์แล้ว 121,000 คน ขณะที่จำนวนครีเอเตอร์ สติกเกอร์ของ LINE ทั่วโลกอยู่ที่ 530,000 เซ็ต ขณะที่ประเทศไทยมีผลงานรวม 48,000 เซ็ต และสามารถสร้างรายได้แก่ครีเอเตอร์ชาวไทยไปแล้วกว่า 400 ล้านบาทตลอดช่วง 3 ปี
ด้าน คุณกณพ ศุภมานพ หัวหน้ากลุ่มธุรกิจ B2C LINE ประเทศไทย อธิบายเพิ่มเติมว่า การออกแบบสติกเกอร์ LINE Creators Stickers มีเงื่อนไขเพียงความสามารถในการสื่อสารกับคนทั่วโลกได้ ไม่ใช้ความรุนแรง ไม่พาดพิงประเด็นทางการเมือง รวมถึงวัฒนธรรมของแต่ละประเทศ เช่น ประเด็นทางศาสนา เป็นต้น
ทั้งนี้ ตลาดสติกเกอร์ของ LINE แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ Sponsor Stickers ซึ่งแบรนด์ต่างๆ ทำในรูปแบบ B2B (Business to Business) และสติกเกอร์สำหรับจำหน่าย ซึ่งแบ่งเป็น Official Market และ Creators Market
“เราต้องการส่งเสริมตลาดครีเอเตอร์ สติกเกอร์ในประเทศไทยให้เติบโตขึ้น โดยตั้งเป้าเพิ่มจำนวนครีเอเตอร์เป็น 150,000 คน LINE อยากเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมให้อาชีพครีเอเตอร์ สติกเกอร์ เป็นทางเลือกแก่คนรุ่นใหม่ ซึ่งถือเป็นเป้าหมายหลักของการส่งเสริม Creators Market ในประเทศไทย เป็นการสร้างอาชีพที่สามารถสร้างรายได้ รวมถึงตอกย้ำความง่ายในการออกแบบ ซึ่งปัจจุบันสามารถทำได้ผ่านแอปพลิเคชัน Line Creators Studio ที่เพิ่งเปิดให้ดาวน์โหลดเป็นวันแรกผ่านระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ ส่วน iOS คาดว่าจะพร้อมให้บริการได้ภายในสัปดาห์หน้า”

นอกจากนี้ LINE จะใช้กลยุทธ์สร้างการรับรู้และกระตุ้นการเติบโตในกลุ่มครีเอเตอร์ สติกเกอร์ ผ่าน 4 กิจกรรม ได้แก่
1. มอบรางวัลให้ครีเอเตอร์ที่มียอดจำหน่ายสติกเกอร์สูงสุดต่อเดือน (Rising Star) เป็นเงิน 50,000 บาท นอกจากนี้ยังมีการต่อยอดสติเกอร์ที่ได้รับความนิยมเป็นสินค้าเพื่อจำหน่ายแก่ผู้ที่ชื่นชอบ ผ่านช่องทางใหม่อย่าง LINE Creators Giftshop ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ LINE Giftshop ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายนนี้
2. จัดเวิร์กช็อปแก่ผู้สนใจออกแบบสติกเกอร์ไลน์ ใน 4 จังหวัด คือ กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ขอนแก่น และสงขลา พร้อมเชิญครีเอเตอร์ชื่อดังที่เป็นตัวแทนของแต่ละท้องถิ่นไปร่วมให้ความรู้
3. เปิดให้ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Line Creators Studio เพื่อสร้างสติกเกอร์ด้วยตนเองได้ง่ายและสะดวกขึ้น ด้วยแนวคิดไลน์สติกเกอร์ง่ายใครๆ ก็ทำได้ พร้อมลดจำนวนคาแรคเตอร์จากเดิม 40 ตัวต่อเซ็ต เป็น 8 ตัวต่อเซ็ต อีกด้วย
4. โครงการ LINE Creators Sticker Contest ในคอนเซปต์ Express your live via LINE เฟ้นหาดาวรุ่งวงการครีเอเตอร์ตัวแทนประเทศไทย เพื่อร่วมทริปเอ็กซ์คลูซีฟในการเยี่ยมชมสำนักงานใหญ่ LINE Corporation ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
สำหรับเทรนด์การซื้อสติกเกอร์ พบว่าผู้หญิงนิยมซื้อสติกเกอร์มากกว่าผู้ชาย โดยสติกเกอร์ที่มีความน่ารักจะได้รับความนิยมสูง แต่ในช่วงต้นปีที่ผ่านมาผู้ชายก็ชื่นชอบและนิยมซื้อสติกเกอร์ในหมวดตลกและกวนๆ เช่นกัน โดยเฉพาะหมวดที่มีลายเส้นเรียบง่าย เน้นคำพูดตลกๆ เป็นต้น
“เทรนด์ความนิยมสติกเกอร์นั้นเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดตามความนิยมของผู้บริโภค ตั้งแต่เดือนมกราคม-กรกฎาคมของปีนี้ พบว่ายอดจำหน่ายสติกเกอร์เติบโตขึ้นกว่า 15% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากเราทำตลาดมากขึ้น มีการโปรโมทสติกเกอร์ใหม่ๆ สร้างคอนเทนต์ให้เข้าถึงง่าย มีการพัฒนาความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ และขยายช่องทางชำระเงินมากขึ้นด้วย ส่วนพฤติกรรมการซื้อสติกเกอร์นั้นชาวไทยนิยมซื้อผ่านระบบชำระเงินบนมือถือ บัตรเติมเงินต่างๆ”
ส่วนช่องทางการซื้อสติกเกอร์ ปัจจุบันสามารถซื้อผ่านมือถือเครือข่ายเอไอเอส ดีแทค และทรูมูฟเอช , ร้านค้าสติกเกอร์ และเว็บ LINE Store โดยในอนาคตจะขยายไปสู่ช่องทางตู้เติมเงิน ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างเจรจาทางธุรกิจ แต่เชื่อว่าจะเริ่มเปิดให้บริการได้ภายในช่วงกลางเดือนกันยายน เพื่อขยายโอกาสในการจำหน่ายสติกเกอร์และครีเอเตอร์สติกเกอร์ รวมถึงเพิ่มการเข้าถึงลูกค้าในกลุ่มใหม่ๆ
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันประเทศไทยมีผู้ใช้งาน LINE มากกว่า 41 ล้านคน โดยครีเอเตอร์สติกเกอร์ที่มียอดดาวน์โหลดสูงสุดและครองแชมป์ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา คือ สติกเกอร์ชุด แจ๊ส สปุ๊กนิค ปาปิยอง กุ๊กกุ๊ก และหากเทียบความนิยมในการซื้อสติกเกอร์ทั่วโลกนั้น ไทยอยู่ในอันดับที่สาม รองจากญี่ปุ่นและไต้หวัน
ทั้งนี้ LINE ประเทศไทย ได้จัดงานมอบรางวัล LINE Stickers Awards 2017 ให้ครีเอเตอร์สติกเกอร์ที่มีความโดดเด่น 8 สาขา ได้แก่
1. รางวัลสติกเกอร์ขวัญใจคอเพลง ได้แก่ สติกเกอร์ชุด GMM Hit Songs For Daily Life
2. รางวัลสติกเกอร์ยอดนิยมแห่งปี 2016 ได้แก่ สติกเกอร์ชุด Tuagom
3. รางวัลดาวรุ่งหน้าใหม่แห่งปี 2017 ได้แก่ สติกเกอร์ชุด Circle DookDik
4. รางวัลดาวค้างฟ้าตลอดกาล ได้แก่ สติกเกอร์ชุด Jumbooka
5. รางวัลฮาไม่จำกัดแห่งปี ได้แก่ สติกเกอร์ชุด Toey Tiew Thai
6. รางวัลสุดยอดสติกเกอร์ภาษาถิ่น ได้แก่ สติกเกอร์ชุด Noo Hin Noune Hin Hae
7. รางวัลครีเอเตอร์สุดปัง ได้แก่ สติกเกอร์ชุด Nom Yen
8. รางวัลสติกเกอร์ขวัญใจมหาชน ได้แก่ สติกเกอร์ชุด Pao Pao
Copyright © MarketingOops.com