ในการที่จะสามารถเพิ่มพูนทักษะในการทำงานในด้าน Digital โดยเฉพาะคนวางแผนกลยุทธ์นั้นสิ่งสำคัญคือการหาความรู้ต่าง ๆ เพื่อเอามาพัฒนาตัวเองหรือเสริมสวิธีคิดด้านต่าง ๆ ขึ้นมาให้เฉียบคมมากขึ้น แน่นอนในยุคที่ความรู้นั้นก็สามารถหาได้อย่างง่ายดายจากการเข้าไปเรียนตามคอร์สเสริมต่าง ๆ หรือจะเข้าไปเรียนรู้ผ่านโลกออนไลน์ในช่องทางต่าง ๆ แต่สิ่งหนึ่งที่ช่วยคุณได้อย่างมากอีกทางหนึ่งคือการอ่านหนังสือ ซึ่งจะให้ประสบการณ์ที่ต่างไปมากจากการเรียนรู้ผ่านช่องทางอื่น
วิธีการอ่านหนังสือนั้นเป็นวิธีการในการเรียนรู้ประสบการณ์และวิธีคิดของคนอื่นได้เป็นอย่างดี เราจะเห็นได้จากผู้บริหารดัง ๆ หลาย ๆ คนนั้นอ่านหนังสือต่าง ๆ เป็นประจำ เพื่อเพิ่มพูนความรู้ มุมมอง และความคิดเห็นด้านต่าง ๆ เพิ่มขึ้นมา และด้วยหนังสือนี้ยังทำให้เราสามารถนำไปต่อยอดความรู้อย่างมากมาย จนสามารถเอามาใช้ในการทำงานได้ด้วย จากประสบการณ์ที่ทำงานในสายงาน Strategy นี้มา การอ่านหนังสือนั้นจะช่วยทำให้คุณได้เรียนรู้อะไรต่าง ๆ ได้อย่างมาก ที่จะทำให้คุณเห็นว่าคนเก่ง ๆ นั้นคิดอย่างไร หรือวิะีคิดแบบพื้นฐานโดยไม่ต้องคิดอะไรที่ซับซ้อนนั้นเป็นอย่างไร สิ่งเหล่านี้จะช่วยเป็นข้อมูลให้คุณได้อย่างมากในการทำความเข้าใจในตลาด และการวางแผน หรือเข้าใจในการทำงานร่วมกับทีมอื่น ๆ หรือลูกค้านั้นต่อไปได้ ซึ่งวันนี้ผมจะมาแนะนำหนังสือ 5 เล่มที่ควรอ่านเพื่อการพัฒนาในการทำ Digital Strategy
1. Ogilvy on Advertising : หนังสือที่เรียกได้ว่าคนทำการตลาดต่าง ๆ ควรที่จะต้องหาซื้อมาอ่านเลยทีเดียว ด้วยการเขียนของบุคคลในตำนาน David Ogilvy ผู้ก่อตั้ง Agency ยักษ์ใหญ่อย่าง Ogilvy ในปัจจุบันนี้ ด้วยหนังสทอเล่มนี้จะมาให้คุณได้เรียนรู้พื้นฐานของวงการโฆษณา และการทำโฆษณาต่าง ๆ จากประสบการณ์ของ Ogilvy เอง ที่จะทำให้คุณนั้นได้พื้นฐานของคนทำโฆษณาที่ยังใช้ได้จนถึงปัจจุบันนี้ ซึ่งหนังสือเล่มนี้มีสไตล์ที่อ่านได้ง่ายและอ่านสนุกอย่างมาก เหมาะกับคนที่ทำการตลาดทุกคนหามาไว้จริง ๆ โดยตอนนี้ออกเล่มใหม่อีกเล่มนึงมาชื่อ Ogilvy on Advertising in the Digital Age ที่ปรับปรุงความรู้ของ David Ogilvy มาใช้ในการทำการตลาดที่ Digital มีส่วนสำคัญเช่นนี้ขึ้นมา ถ้าใครจะซื้ออ่านตอนนี้มีแต่ฉบับภาษาอังกฤษนะครับ
2. One+One = Three : หนังสือของ Dave Trott ครีเอทีฟชื่อดังจากอังกฤษ ที่จะมาเล่าวิธีคิดต่าง ๆ ของการคิดแบบครีเอทีฟ ที่จะสามารถสร้างสรรค์สิ่งต่าง ๆ ได้ โดย Dave Trott นั้นอาศัยการยกตัวอย่างเรื่องราวต่าง ๆ มาให้คุณได้เรียนรุ้ผ่าน Case Study ที่น่าสนใจ และสรุปแนวคิดไว้ให้ ทำให้คุณสามารถจับประเด็นที่เกิดขึ้นในเรื่องไปใช้ได้ทันที นอกจากนี้ด้วยสไตล์การเขียนของ Dave Trott ในรูปแบบเชิงเรื่องราวสั้น ๆ จบในตอน ทำให้หนังสือเล่มนี้นั้นอ่านได้ง่ายอย่างมาก และมีความสนุกในการเขียนเชิง Storytelling อย่างมากที่จะทำให้คุณได้เพลิดเพลินจนอ่านจบเล่มเลยทีเดียว
3. Predator Thinking : หนังสืออีกเล่มที่น่าสนใจจาก Dave Trott ในเรื่องวิธีคิดแบบนักล่า หรือคนที่จะทำการตลาดแบบเชิงรุก ซึ่งด้วยหนังสือเล่มนี้จะให้คุณรู้จักไหวพริบที่จะเอาชนะคู่แข่ง หรือการที่ต้องรู้ว่าอะไรควรทำ ไม่ควรทำในการตลาด หรือการแก้ปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในธุรกิจด้วยวิธีคิดแบบง่าย ๆ ไม่ต้องซับซ้อน หนังสือเล่มนี้อ่านแล้วจะสามารถเปลี่ยนวิธีคิดคนหลาย ๆ คนได้เลยทีเดียว และเช่นเดิมหนังสือเล่มนี้ยังคงเขียนในสไตล์ของ Dave Trott ที่จะทำให้คุณอ่านได้ได้ง่าย ๆ สนุกและเพลิดเพลิน เหมือนอ่านนิทานก่อนนอนเลยทีเดียว
4. David & Goliath : หนังสือเล่มนี้เป็นของนักเขียนเรื่องการตลาดและธุรกิจชื่อดังอย่าง Malcolm Gladwell เจ้าของทฤษฎีการทำอะไรซ้ำ ๆ 10,000 ชั่วโมงแล้วจะเป็นผู้เชี่ยวชาญได้ โดยหนังสือเล่มนี้จะเน้นในเรื่องที่ต่างมาจากหนังสือในเล่มก่อน ๆ ซึ่งจะมาเล่าถึงวิธีการคิดที่คนทำธุรกิจตัวเล็ก ๆ จะเอาชนะยักษ์ใหญ่ต่าง ๆ ได้ ทำให้คุณได้รู้ว่า ความใหญ่ไม่ใช่จุดแข็งเสมอไป บางทีการทำอะไรเล็ก ๆ คล่องตัวกว่า ก็สามารถเอาชนะธุรกิจใหญ่ ๆ ได้ ซึ่งด้วยสไตล์การเขียนของ Malcolm Gladwell ที่จะยก Case Study จากประสบการณ์ที่เค้าได้เจอ หรือได้ไปสัมผัสมา ย่อยเป็นเรื่องราวที่จะทำให้คุณได้สนุกกับการอ่านกลยุทธ์ธุรกิจแบบที่ไม่เคยอ่านมาก่อนเลยทีเดียว
5. Purple Cow : เล่มสุดท้ายที่อยากแนะนำให้อ่านคือ Purple Cow: Transform Your Business by Being Remarkable ของ Seth Godin ซึ่งเป็นกูรูด้านการตลาดและธุรกิจชื่อดังที่ต่างประเทศ โดยหนังสือเล่มนี้จะว่าด้วยวิธีคิดในยามที่ธุรกิจมีการแข่งขันนั้นมีการแข่งขันสูงอย่างทุกวันนี้ การทำอะไรแบบเดียวกันย่อมไม่เป็นที่น่าจดจำหรือไม่มีใครสนใจ ด้งนั้นการที่คุณต้องเปลี่ยนธุรกิจตัวเองให้กลายเป็นจุดเด่นเพื่อที่จะสร้างความน่าสนใจให้คนอื่นรับรู้นั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญ โดยในหนังสือเล่มนี้ Seth Godin จะเอา Case Study ของแบรนด์ต่าง ๆ มาเล่าว่าทำอย่างไร เค้าถึงมีจุดเด่นจนกลุ่มเป้าหมายในตลาดสนใจได้
