4×4 Model สำหรับการทำ Content ที่ให้ความรู้

  • 6
  •  
  •  
  •  
  •  

การทำ Content Marketing นั้นมีรูปแบบการสร้าง Content ที่หลากหลาย แต่หนึ่งใน Content ที่น่าสนใจแล้วกลายเป็นส่วนที่สร้างให้เกิดความน่าเชื่อถือนั้นคือ Content ที่ให้ความรู้ ซึ่งสามารถส่งผลต่อความเชื่อและดึงให้ผู้บริโภคนั้นกลายมาเป็นลูกค้าได้ แต่การสร้าง Content ชนิดจำเป็นต้องมีหลักคิดเพื่อที่จะสร้าง Content ที่มีคุณภาพออกมาเพื่อสามารถสร้างคุณค่าและตอบสนองความคาดหวังที่ผู้บริโภคมีให้ได้

Content ประเภทความรู้นี้ ส่วนใหญ่จะเป็นประเภทเนื้อหาที่มีความยาวอย่างมาก ซึ่งหลาย ๆ คนคิดว่าไม่น่าได้ผลหรือไม่มีใครอ่านเนื้อหาประเภทยาว ๆ นี้ เพราะจะเจอคำว่า “คนไทยไม่อ่านอะไรเกิน 8 บรรทัด” แต่ในความจริงแล้วนั้นไม่ใช่ เมื่อผู้บริโภคเข้ามาที่หน้าเนื้อหา สิ่งแรกที่ผู้บริโภคทำตามหลักจิตวิทยาคือการอ่านแบบ Scan เป็นรูป F ซึ่งจะโดนเนื้อหาที่เห็นประมาณ 20% แล้วถ้าเนื้อหาน่าสนใจจึงจะอ่านอย่างละเอียดทั้งหมดหรือทำการเซฟหรือแชร์ออกไป ซึ่งการที่จะทำให้เกิด Action สุดท้ายนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องผ่านการวางแผนหรือผ่านการคิดแล้วหาข้อมูลสนับสนุนมากมายในการมาสร้างเนื้อหาชนิดนี้ เมื่อเร็ว ๆ นี้ผมได้เจอบทความที่น่าสนใจในการสร้างหลักความคิดในการทำ Content ประเภทความรู้นี้ให้มีประสิทธิภาพโดยการใช้รูปแบบที่เรียกว่า 4X4 Model ซึ่งวันนี้ผมจะเอามาแชร์ให้ทุกคนได้ลองเอาไปใช้กัน

tumblr_inline_mlpps0tedi1qz4rgp

4X4 Model นั้นจะประกอบด้วยรูปแบบของเนื้อหา Content ว่าจะสร้างขึ้นมาเพื่อใช้ในรูปแบบไหน ซึ่งจะมีด้วยกัน 4 รูปแบบมาผสมผสานกับส่วนผสมที่อยากให้ออกมาอีก 4 รูปแบบ ทำให้สิ่งที่เกิดขึ้นจะมีลักษณะผสมผสานต่าง ๆ ได้มากมาย ทั้งนี้ Model ทั้ง 4 แบบมีดังนี้

  1. ตู้กดน้ำ (The Water Cooler) : เป็นโมเดลที่คิดถึงตู้กดน้ำที่พนักงานบริษัทชอบไปยืนคุยกัน เมาท์เรื่องต่าง ๆ ไม่ว่าจะคนในออฟฟิส หรือละครที่เมื่อคืนดูมาโดยมาแชร์ความคิดเห็นกัน คุยกันง่าย ๆ รูปแบบ Content แบบนี้จะเป็นความรู้ที่สามารถอ่านและย่อยความเข้าใจง่าย ๆ  ไม่เป็นทางการและอธิบายตรง ๆ ซึ่งรูปแบบนี้เหมือนการเอาเนื้อหาวิชาการมาทำเนื้อหาตลก การ์ตูนหรือเล่าเป็นดราม่าง่าย เป้าหมายการสร้างเนื้อหาแบบนี้คือการดึงคนอ่านให้ปฏิสัมพันธ์ สงสัยและหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ต่อที่เป้าหมายที่เราอยากให้ผู้บริโภคไป
  2. ร้านกาแฟ : เป็นโมเดลที่ให้นึกถึงร้านกาแฟ ที่ผู้คนไปนั่งพูดคุยกันยาว ๆ และสามารถถกเถียงหรือคุยในรายละเอียดที่มากขึ้นได้แต่ไม่ใช่ในเชิงลึกแบบวิชาการ ทั้งนี้รูปแบบนี้จะเป็นการให้เนื้อหาที่มีรายละเอียดเพิ่มเติมมากขึ้นได้ และมีความยาวมากขึ้น เนื้อหาแบบนี้ได้แก่การเขียน Blog หรือพื้นที่แสดงความคิดเห็นต่าง ๆ บทความและวิดีโอที่มีความยาวขึ้นมาที่สามารถอธิบายที่มาที่ไปได้ แต่ยังไม่ถึงขึ้นต้องมีแหล่งที่มาประกอบหรือมีข้อมูลให้สืบค้นเพิ่มเติม เนือ้หาประเภทนี้จะมีความยากมากขึ้นเพระาต้องมีความเนี๊ยบในการสร้างเนื้อหาให้น่าสนใจในการเล่าเรื่องอีกด้วย
  3. ห้องสมุด : เป็นโมเดลที่ให้นึกถึงห้องสมุดที่ผู้คนที่อยากได้ข้อมูลเพิ่มเติมต้องเข้าไปสืบค้นหาข้อมูลกันเอง หาข้อมูลเพื่อเรียนรู้เชิงลึกจากเนื้อหาที่สนใจมา และค้นค้วาแหล่งที่มามากมายมาประกอบกันเพื่อสร้างความเข้าใจของตัวเอง เนื้อหาที่สร้างมาประเภทนี้ต้องให้ข้อมูลที่เป็นเชิงลึกมากขึ้นเป็นข้อเท็จจริง ตัวเลขหรืองานค้นคว้าวิจัย การให้ภาพประกอบเชิงสถิติ ตัวอย่างเนื้อหาประเภทนี้ได้แก่บทความวิชาการต่าง ๆ ที่มีเนื้อหาตัวเลขหรือแหล่งอ้างอิงให้ไปสืบค้นต่อได้
  4. ห้องทดลอง : เป็นโมเดลที่ให้นึกถึงห้องทดลองที่ผู้อ่านสามารถเอาเนื้อหาไปคิดต่อแล้วลองทำได้ หรือทำการปฏิสัมพันธ์เพื่อลองกับข้อมูลนั้นได้ เป็นรูปแบบที่ยากที่สุดในการทำ แต่มีพลังในการดึงดูดมากที่สุด เพราะถ้าสามารถทำให้ผู้อ่านเข้าใจในข้อมูลแล้วกรอกข้อมูลที่ทำออกมา จะทำให้ผู้อ่านสามารถเข้าใจได้ง่ายแล้วเอาไปแชร์ต่อได้อีก หรือผู้อ่านสามารถเอาข้อมูลเหล่านั้นที่ได้ออกมา เอาไปทดลองในเรื่องต่าง ๆ ได้มากมาย

tumblr_inline_mlppusjj1b1qz4rgp

ทั้งนี้ด้วยโมเดล 4 แบบนี้ยังมาผสมผสานกับรูปแบบส่วนประกอบอีก 4 แบบในการสร้างเนื้อหาขึ้นมา ซึ่งส่วนประกอบทั้ง 4 นั้นได้แก่

  • Visulisation  การสร้างภาพประกอบหรือเอาเนื้อหาเหล่านั้นมาสร้างภาพประกอบเพื่อเล่าเรื่องได้ง่ายขึ้น
  • Storytelling การสร้างเนื้อหาที่เล่าเรื่องเหมือนการเล่านิทานหรือภาพประกอบทำให้สามารถเข้าใจในการสื่อสารได้ไหลลื่นมากขึ้น
  • Interactive การสร้างเนื้อหาให้สามารถโต้ตอบกับผู้อ่านได้ เช่นการให้กด ให้เล่น ให้เติมตัวเลขต่าง ๆ ซึ่งทำให้เกิดความสนุกมากมายและเกิดปฏิสัมพันธ์ได้อีกด้วย
  • Shareability เนื้อหาที่สามารถเอาไปแชร์ต่อได้ เพราะมีประโยชน์ต่อผู้รับสารต่อไป หรือเป็นเนื้อหาที่สร้างความรู้สึกที่ต้องการการเผยแพร่ออกไป ด้วยวิธีการที่ง่ายที่สุดได้

ทั้งนี้โมเดล 4×4 นั้นเป้นโมเดลที่น่าสนใจมากสำหรับคนที่ยังไม่เคยทำ Content ประเภทเชิงให้ความรู้ ซึ่งโมเดลทั้งหมดนี้ควรจะทำให้ได้ทั้งหมดทุกรูปแบบเพระาแต่ละแบบจะเสริมสร้างพลังซึ่งกันและกัน และไม่สามารถขาดรุปแบบใดรูปแบบหนึ่งได้ เพราะจะทำให้การส่งต่อความสนใจนั้นขาดหายไป ทั้งนี้การทำเนื้อหาประเภทนี้จะสามารถนำพาให้ผู้อ่านสนใจจนกลายมาเป็นลูกค้าของตัวเองได้อีกด้วย

ที่มา – 4×4 Model 


  • 6
  •  
  •  
  •  
  •  
Molek
Head of Strategic Marketing ใน Integrated Service Agency ที่หนึ่ง ผู้หลงใหลในหลาย ๆ ที่มีความอยากรู้และเรียนรู้ในเรื่อง Startup, นวัตกรรม, การตลาด จากมุมมองหลาย ๆ ด้านและวัฒนธรรมของแบรนด์ต่าง ๆ