9 เทคนิค การตลาดที่ควรลองในปีนี้

  • 11
  •  
  •  
  •  
  •  

ThinkstockPhotos-157999502-higlight

ล่วงเข้าสู่ปี 2015 มาแล้ว 3 เดือน แต่ไม่ต้องกังวลไปว่า ทำไมแผนงานที่เริ่มดำเนินการไปยังไม่เห็นผลเสียที อย่างที่เราได้ทราบกันว่า ในปีนี้หลายองค์กรเริ่มให้ความสำคัญกับ Digital Marketing มากขึ้น โดยจะเห็นได้จากการเพิ่มงบประมาณในด้านนี้ แต่ไม่ว่าคุณจะร่วมงานกับนักตลาดมืออาชีพ หรือค่อยๆ ลงมือทำเองทั้งหมด ลองตรวจสอบให้แน่ใจว่ากลยุทธ์การตลาดออนไลน์ของคุณจะละเอียด ไม่มีช่องโหว่ใดๆ ผลสุดท้ายการตลาดออนไลน์ก็จะประสบความสำเร็จแน่นอน

มาดูกันว่า 9 เทคนิคสำหรับการตลาดออนไลน์ที่เราจะกล่าวต่อไปนี้ จะช่วยคุณได้มากแค่ไหน

1. Go Mobile

เราเชื่อว่าคุณได้ยินคำนี้มาตั้งแต่ปีที่แล้ว และยังคงได้ยินบ่อยขึ้นในปีนี้ นั่นก็เพราะอัตราการใช้สมาร์ทโฟนของคนทั่วโลกยังไม่มีแนวโน้มจะลดลงนั่นเอง หากคุณมีเว็บไซต์อยู่แล้ว ก็ควรต้องพัฒนาให้รองรับกับการใช้งานบนสมาร์ทโฟนด้วย ซึ่งทิศทางที่น่าสนใจในปีนี้ คือ ผู้บริโภคส่วนใหญ่จะค้นหาข้อมูลต่างๆ ผ่าน Google บนสมาร์ทโฟน มากกว่าการใช้งานบนเดสก์ทอป

ในปีที่ผ่านมา Google ได้ประกาศใช้งาน Mobile-friendly ที่จะแสดงผลการค้นหาในสมาร์ทโฟน ให้กับเว็บไซต์ที่ออกแบบมาให้ใช้งานง่าย และนี่คือสิ่งที่คุณต้องทำเป็นอันดับแรก พยายามพัฒนาเว็บไซต์ให้ใช้งานง่าย เหมาะสมกับการใช้งานบนโลกออนไลน์ของผู้บริโภคที่สุด

2. ใช้ PPC กับแคมเปญสำหรับสมาร์ทโฟนด้วย

ไม่ว่าจะเริ่มต้นแคมเปญใดๆ PPC หรือ Pay Per Click ก็เป็นรูปแบบการโฆษณาบนเครื่องมือค้นหาที่น่าสนใจ ซึ่งต้องมีคีย์เวิร์ดโดนๆ เพื่อให้เว็บไซต์ของคุณปรากฏอยู่ที่หน้าค้นหาเป็นลำดับแรกๆ ทั้งนี้ ระบบโฆณษาแบบ PPC ที่คนส่วนใหญ่นิยมใช้คือ Google Adwords

PPC จะกลายเป็นเครื่องมือ และกลยุทธ์สำคัญที่มองข้ามไม่ได้เด็ดขาด ในขั้นตอนแรก คุณต้องทราบ Traffic การเข้าเว็บไซต์จากสมาร์ทโฟนว่าอยู่ในระดับไหน ซึ่งมีการสำรวจพบว่า ผู้บริโภคกว่า 39% เข้าเว็บไซต์จากสมาร์ทโฟนมากขึ้น และเมื่อเทียบกับในช่วงเวลาเดียวกัน การใช้งานจากเดสก์ทอปกลับลดลงถึง 12.6%

นอกจากนี้ Click to Call ก็เป็นลูกเล่นอีกอย่างที่เหมาะกับการตลาดออนไลน์อย่างยิ่ง เพราะแค่คุณระบุเบอร์โทรศัพท์ ลูกค้าก็จะติดต่อคุณได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องมานั่งกดเบอร์เอง เรียกได้ว่าเป็นการอำนวยความสะดวกแบบสุดๆ

3. อย่าลืมว่ายังมี Ad Extension

เชื่อว่าคงมีหลายคนที่ได้ใช้เครื่องมือของ Google ที่มีชื่อว่า Ad Extension ไปบ้างแล้ว แต่อาจไม่ได้ทำการอัปเดทใดๆ วันนี้เราจึงขอนำเสนอข้อดีของ Ad Extension อีกครั้ง เมื่อคุณใช้ Google Adwords คุณจะได้เจอรูปแบบการใช้งานใหม่ๆ ในหน้าค้นหา ซึ่งจะสามารถใส่รูป ข้อความ แผนที่ ลิ้งก์ หรือแม้แต่วิดีโอ ที่จะช่วยให้ผู้บริโภคทราบข้อมูลของสินค้ามากขึ้น และเป็นอีกหนึ่งปัจจัยต่อการตัดสินใจซื้ออีกด้วย

4. โทรศัพท์ก็ยังจำเป็นอยู่

ไม่ว่าการตลาดของคุณจะมาในรูปแบบออนไลน์ หรือออฟไลน์ โทรศัพท์ก็ยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการทำธุรกิจ อย่างที่ไปกล่าวไปข้างต้นว่า Click to Call ก็ยังจำเป็น เพราะ 70% ของผู้บริโภคพร้อมจะกดโทรหาคุณทันที เมื่อพวกเขาต้องการข้อมูลใดๆ เพิ่มเติม

5. หน้าแรกของเว็บไซต์ต้องไม่เยอะ

ลองพิจารณาดูว่ารูปแบบ ดีไซน์เว็บไซต์ของคุณตอบโจทย์ผู้ใช้งานหรือไม่ บางครั้งคุณเองก็ต้องให้ความสำคัญกับฟังค์ชั่นมากกว่ารูปแบบที่เหมาะสม ถ้าผู้ใช้งานเข้ามาเจอเว็บไซต์ที่เต็มไปด้วยตัวหนังสือ ยาวจนเลื่อนเม้าส์ไม่ไหว พวกเขาก็พร้อมจะออกไปทันที เพราะมันทำให้พวกเขาเสียสมาธิ ทางที่ดีก็ควรใส่ข้อมูลเท่าที่จำเป็น และเน้นความเรียบง่าย

6. สร้างเสริมประสบการณ์

ประสบการณ์ในที่นี้ไม่ได้หมายถึง การใช้งาน การออกแบบ และการเชื่อมต่อสำหรับสมาร์ทโฟน แต่ในปี 2015 นี้ เว็บไซต์ของคุณต้องสร้างประสบการณ์ที่ดี ในแง่ของงานบริการ ความใส่ใจ และคุณภาพสินค้า มิเช่นนั้นคุณอาจพลาดโอกาสในการขายไปก็ได้

7. เว็บต้องไม่อืด

ยิ่งผู้บริโภคใช้งานสมาร์ทโฟนมากแค่ไหน คุณก็ต้องพัฒนาเว็บให้เร็วมากขึ้นเท่านั้น เพราะปัจจุบันเราทุกคนล้วนก็ใจร้อนขึ้น ทนรออะไรนานๆ ไม่ได้ ความเร็วของเว็บไซต์จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นจำนวนภาพ การบีบอัดภาพเพื่อลดจำนวนพิกเซล การใช้ JavaScrip และ Plug-in เป็นต้น ทำอย่างไรก็ได้ แต่ห้ามให้เว็บอืดเด็ดขาด

8. สิ่งพิมพ์ยังไม่หายไปไหนในโลกดิจิทัล

แม้โลกจะพัฒนาไปไกลเพียงใด แต่สิ่งพิมพ์จะยังคงอยู่ อย่าลืมว่ามีหลายองค์กรที่เติบโตในโลกออนไลน์ แต่ก็ยังใช้วารสาร หรือสิ่งพิมพ์ควบคู่ไปด้วย เพราะบางกรณีผู้บริโภคก็ไม่ต้องการอยู่หน้าจอนานๆ สิ่งพิมพ์จึงกลายเป็นสื่อที่มีความหลากหลายทางธุรกิจ สำหรับการตลาดแบบออฟไลน์ และการประชาสัมพันธ์ สิ่งพิมพ์ยังคงเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์อย่างมาก ในการผลักดันให้ผู้บริโภคเข้าชมเว็บไซต์ และในทางกลับกัน สิ่งพิมพ์ ก็คุ้มค่ากับการลงทุนอย่างยิ่ง

9. สร้างการมีส่วนร่วมระหว่างผู้บริโภค กับคอนเท้นต์

นอกจากการจัดกิจกรรมทางการตลาดต่างๆ ที่เคยเห็นกันแล้ว ยังมีอีกหลายวิธีที่จะสร้างการมีส่วนร่วมได้ ก่อนอื่นคุณต้องเข้าใจพฤติกรรมของผู้บริโภคเสียก่อนว่าพวกเขามีกระบวนการคิด และตัดสินใจก่อนซื้อสินค้าอย่างไร ถ้าคุณจะทำแค่การโพสภาพ พร้อมรายละเอียดนิดหน่อย พวกเขาก็จะไม่สนใจ

แต่ถ้าลองให้คนมีชื่อเสียง เน็ตไอดอล หรือใครก็ตามที่เป็นที่รู้จักในวงกว้าง และมีผู้ติดตามเยอะ แล้วให้พวกเขาเป็นกระบอกเสียง หรือตัวแทนของแบรนด์ เพื่อบอกเล่าข้อดีของสินค้า ก็จะเข้าถึงผู้บริโภคได้มากกว่า และยังดึงดูดลูกค้าใหม่ได้ด้วย

ทั้งนี้ คุณไม่จำเป็นต้องนำไปใช้ทั้ง 9 ข้อ แค่พิจารณาดูว่าแบรนด์หรืองค์กรของคุณกำลังต้องการสิ่งใด แล้วก็ลงมือทำ

 

แหล่งที่มา


  • 11
  •  
  •  
  •  
  •