ในตอนนี้หลาย ๆ แบรนด์ และนักการตลาดหลาย ๆ คนนั้นสนใจในการทำ Metaverse อย่างมาก และทุก ๆ ที่พูดถึงว่า Metaverse นั้นกำลังคือเทรนด์ นักการตลาดหรือธุรกิจ ควรเข้าไปจับจองก่อนอย่างมาก ก่อนที่จะตกกระแสลงไป แต่ตามจริงแล้ว สิ่งที่กำลังเป็นกระแสนี้เป็นเวลาที่เหมาะสมหรือยังที่แบรนด์จะเอาตัวเองเข้าไปอยู่ใน Metaverse กระแสจะกลายเป็น The next big things หรือหายไปตามกาลเวลา
จากการที่โลกเราเกิดโรคระบาดขึ้นมา ทำให้กิจกรรมการเดินทางนั้นหยุดลง ทำให้นักการตลาดเริ่มมองว่าจะทำอย่างไรให้เราไปหาผู้บริโภคได้และทำให้ผู้บริโภคเดินทางได้ ซึ่งหนึ่งในวิธีดังกล่าวที่นักการตลาดคิดออกคือ VR marketing เพราะการเจอตัวผู้บริโภคตรง ๆ นั้นเป็นไปไม่ได้เลย เลยต้องเปลี่ยนทุกอย่างให้เป็น virtual แทนเพื่อตอบสนองความต้องการในการเข้าสังคมของผู้บริโภค และจากการที่ VR เป็นกระแสอย่างมาก พร้อม ๆ กับ Blockchain ที่ได้กระแสจาก Cryptocurrency ทำให้เกิดไอเดียเรื่อง Metaverse ขึ้นมาที่หลาย ๆ คนกำลังบอกว่า คือโลกของอินเทอร์เนตในยุคถัดไป
แน่นอนว่า Metaverse นั้นกำลังเป็นจริงแค่ไหนกัน สิ่งหนึ่งที่แบรนด์หรือนักการตลาดชอบเป็นกันคือการเกาะกระแส ก่อนที่จะเข้าใจว่ากระแสนั้น ๆ คืออะไร หรือเทคโนโลยีนั้น ๆ คืออะไรกันแน่ ทำให้ Metaverse ในทุกวันนี้อยู่ใน Stage ที่เรียกว่า ทุกคนคาดหวังว่าจะเกิดทั้งนั้น โดยไม่มีใครยืนยันว่าจะสามารถเกิดได้แน่นอน ทั้งนี้เพราะ Metaverse ยังติดขั้นตอนต่าง ๆ มากมายที่จะทำให้เกิดการยอมรับโดยสังคมทั่วไปได้คือ
- Knowledge Boundary ความรู้ความเข้าใจของผู้บริโภคส่วนใหญ่ทั้งโลกยังต่ำมากและเรื่องราวของเทคโนโลยี Metaverse นั้นมีความซับซ้อนมากเกินกว่าผู้บริโภคจะเข้าใจได้ยังไม่รวมผู้ประกอบการโดยทั่วไปหรือคนทั่วไปที่สนใจเทคโนโลยีนี้จะมาทำความเข้าใจได้ทำให้การมาของ Metaverse ยังต้องสร้างความรู้ความเข้าใจอีกนานอย่างมากจนกว่าจะเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ง่ายเพิ่มมากขึ้น
- Technology Boundary ยิ่ง Metaverse เป็นเรื่องราวที่มีอุปกรณ์ต่างๆมาเกี่ยวข้องทำให้ Metaverse ยิ่งเกิดได้ยากขึ้นไปอีกเพราะไม่ใช่ทุกคนจะมีอุปกรณ์ที่เหมาะสมในการเข้า Metaverse ขึ้นมาหรือมีความรู้ในการใช้อุปกรณ์ Metaverse ต่างๆ ไม่ต้องพูดถึง AR และ VR ที่ในทุกวันนี้อุปกรณ์ก็ยังไม่ได้เป็นที่เข้าถึงในตลาดและยังคงทำให้เกิดได้ในสังคมทั่วไปสิ่งหนึ่ง Metaverse ต้องรอต่อไปคือเทคโนโลยีในการประมวลผลที่ดีขึ้นอย่างมากเพื่อที่จะใช้งานได้ราบรื่นมากขึ้น
- VirtualBoundary ในส่วนของ Metaverse ที่ออกมาให้เป็นโลกที่เหมือนโลกเสมือนนั้นยังมีปัญหาอย่างหนึ่งอยู่เช่นกันเพราะยังไม่มีเหตุผลว่าทำไมคนต้องไปอยู่ในโลกเสมือนนั้นๆ แม้ว่า Metaverse จะมีความคล้ายเกมแต่ก็ยังไม่ใช่เกมเพราะในอุตสาหกรรมเกมเองการขายสินค้าภายในเกมมีตลาดที่ใหญ่มากและสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำให้ผู้ผลิตเกมหรือแบรนด์ซึ่งเกมคนซื้อสินค้าไปเพราะเอาไปเล่นเกมเพื่อพัฒนาตัวละครแต่ใน Metaverse เองยังไม่มีเหตุผลในการซื้อสินค้าไปใช้ใน Metaverse เลย
- Regulator & Safety Boundary นอกจากนี้เหตุผลหนึ่งที่น่ากังวลอย่างมากคือเรื่องความปลอดภัยใน Metaverse เพราะทุกวันนี้เรายังได้ยินข่าวเรื่อง Cryptocurrency ถูกแฮคการถูกโกงยังมีกรณีการคุกคามทางเพศซึ่งเกิดใน Metaverse ซึ่งยากต่อการหาผู้กระทำผิดมาลงโทษอย่างมากแถมเมื่อเป็น Metaverse ใครจะเป็นคนที่เข้ามาควบคุมดูแลได้หรืออยู่ในกฏระเบียบไหนขึ้นมา
- Life Boundary การมาของ Metaverse ทำให้ต้องตั้งคำถามในเชิงปรัชญาและสังคมศาสตร์ทันทีว่ามนุษย์นั้นพร้อมแล้วหรือไม่สำหรับการปฏิสัมพันธ์ทางสังคมแบบใหม่นี้เราจะเจอกันในโลกของ Metaverse แทนที่จะมาเจอกันจริงๆหรือไม่ซึ่งนักปรัชญาทางเทคโนโลยีหลายคนมองว่านี้คือการก้าวถอยหลังของสังคมมนุษย์เพราะสามารถนำมาสังคมมนุษย์ไปสู่จุดจบได้เลย
การที่แบรนด์จะเข้าไปอยู่ใน Metaverse นั้นต้องพิจารณาให้ดีก่อนว่า การที่แบรนด์จะเข้าไปอยู่ใน Metaverse นั้นมีความคุ้มค่าหรือไม่ในการลงทุน หรือจะได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่ากลับหรือเปล่า เพราะการที่จะเข้าไปอยู่ในช่องทางหนึ่ง ช่องทางใด อย่าลืมหลักการของการตลาดขั้นพื้นฐานก่อนว่า กลุ่มเป้าหมายของแบรนด์นั้นอยู่ในนั้นรึเปล่า และกลุ่มเป้าหมายแบรนด์ที่อยู่ใน Metaverse ใหญ่พอแล้วจะกลายเป็นลูกค้าหรือไม่
สิ่งหนึ่งในคำแนะนำคือการที่แบรนด์สามารถรอได้กระแสก่อนได้ว่า กำลังมุ่งไปทางไหน เพราะในตอนนี้เทคโนโลยีของ Metaverse นั้นอยู่ในการพัฒนาและยังไม่มีความชัดเจนว่าสุดท้ายแล้ว ใครจะเป็นผู้ชนะ และเทคโนโลยี Metaverse จะมุ่งไปทางไหน