แม้ว่าประธานาธิบดี โจ ไบเดน จะได้รับเลือกตั้ง แต่เราคงต้องยอมรับว่า ความตึงเครียดของสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐก็ยังคงดำเนินต่อไป และดูเหมือนจะเริ่มไปในทิศทางที่แข็งกร้าวในอีกรูปแบบที่แตกต่างจากสมัยของทรัมป์
แต่หลายคนอาจไม่ทราบว่า ที่จริงแล้ว จีนและสหรัฐคือคู่ค้ากันและกันอันดับหนึ่งของโลก….
มีรายงานว่าในปี 2020 ที่ผ่านมา การระบาดของโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อภาพรวมของเศรษฐกิจทั้งหมด แต่ทั้งสองประเทศก็ยังคงเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจและนวัตกรรม ถึงแม้ว่าฉากหน้าพวกเขาจะตีกัน แต่เบื้องหลังก็ยังคงเป็นคู่ค้าอันดับหนึ่งของโลก ทั้งในด้านการส่งออกและนำเข้าระหว่างกัน
สำหรับในปลายปีกายน 2020 ที่ผ่านมา การค้าระหว่างสหรัฐและจีน มีมูลค่ามากถึง 2.8 แสนล้านเหรียญ ถึงแม้ว่าจะลดลงหากเทียบกันปีต่อปี ราว 18% ซึ่งในปี2019 มีมูลค่าถึง 3.4 แสนล้านเหรียญ ซึ่งในของส่วนการส่งออกจากสหรัฐไปจีนอยู่ที่ 1.1 แสนล้านเหรียญ ในขณะที่การนำเข้าจากจีนอยู่ที่ 3.9 แสนล้านเหรียญ จากตัวเลขนี้แสดงให้เห็นถึงการขาดดุลของสหรัฐที่มีต่อจีน จากในปลายปี 2020
ทีนี้คำถามก็คือ แล้วในสถานการณ์ล่าสุด สองมหาอำนาจอย่าง จีน และ สหรัฐอเมริกา มีการส่งออกและนำเข้าสินค้าอะไรกันมากที่สุด?? ถ้าอ้างอิงตามที่มีรายงานระบุว่า
กลุ่มสินค้าที่สหรัฐนำเข้าจากจีนมากที่สุด ได้แก่กลุ่มของ
- ผลิตภัณฑ์คอมพิวเตอร์
- อุปกรณ์มือถือ
- ของเล่น เกม
- อุปกรณ์กีฬา
ส่วนสาเหตุหลักที่ทำให้สินค้ากลุ่มนี้ถูกนำเข้าจากจีนมากที่สุด ปัจจัยอันดับหนึ่งมาจากเรื่องราคาที่ถูกมาก สำหรับของที่ผลิตจากโรงงานในจีน หากเทียบกับในสหรัฐเอง
ส่วนสินค้าที่จีนนำเข้าจากสหรัฐมากที่สุด ได้แก่กลุ่มของ
- ถั่วเหลือง
- รถยนต์ไฟฟ้า
- เครื่องบิน
- วัสดุตัวนำไฟฟ้า
ที่จริงแล้วในปี 2018 จีนได้สั่งแบนผลิตภัณฑ์ถั่วเหลืองจากสหรัฐ หลังจากการทำสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ ในสมัยของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แต่หลังจากนั้นจีนก็สั่งนำเข้าถั่วเหลืองกลับมาอีกครั้งในปี 2019 แม้ว่ามูลค่าจะเหลือเพียง 8 พันล้านเหรียญ ซึ่งก่อนหน้าที่จะทำสงครามการค้า ถั่วเหลืองถูกนำเข้ามากถึง 1.2 หมื่นล้านเหรียญ
สำหรับจุดแข็งของผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากประเทศจีน มีหลายด้าน เช่น
- เรื่องของราคาต้นทุน ที่จีนสามารถผลิตได้ต่ำกว่าสินค้าจากหลายประเทศ
- จำนวนของผู้บริโภคที่ยังมีความต้องการอย่างมหาศาล
- คนจีนมีชนชั้นกลางเพิ่มขึ้นมากที่สุดในโลก ทำให้มีกำลังซื้อเพิ่มมากขึ้นต่อหน่วย
แล้วหากเปรียบเทียบกับอีกหลายชาติ ซึ่งเรื่องราคานี่เองที่เป็นปัจจัยสำคัญทำให้จีนสามารถแข่งขันในระดับโลกได้
แม้ว่าสงครามการค้าจะเป็นเรื่องใหญ่ที่ส่งผลกระทบต่อสองมหาอำนาจและทั่วโลก แต่การเป็นคู่ค้าสำคัญของทั้งสองชาติก็ยังดำเนินอยู่ เพราะหลายบริษัทในสหรัฐยังเลือกจีนเป็นฐานการผลิต และจีนเองก็มีความจำเป็นต้องพึ่งพานวัตกรรมหลายอย่างจากสหรัฐ เพื่อนำมาช่วยพัฒนานวัตกรรมของตนเองด้วย
เขียนโดย อิทธิชัย อรรถกระวีสุนทร
Expertise: China Marketing
อ่านบทความ Exclusive เพิ่มเติมได้ที่นี่
Copyright © MarketingOops.com