“GET” รีแบรนด์สู่ “Gojek” จับตาเตรียมสร้าง Ecosystem ยกระดับสู่ “Super App”

  • 645
  •  
  •  
  •  
  •  

GET (เก็ท) ประกาศวันนี้ว่าจะทำการรวมแอปพลิเคชันและแบรนด์ GET เข้าภายใต้ Gojek (โกเจ็ก) และจะดำเนินงานในนาม Gojek ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญของกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจระยะยาวของบริษัท โดยเป็นการต่อยอดความสำเร็จของแพลตฟอร์ม GET ซึ่งเปิดตัวเมื่อปีที่ผ่านมา โดยจนถึงเดือนมิถุนายน 2563 GET ได้ให้บริการไปแล้วกว่า 20 ล้านออเดอร์ และได้มอบโอกาสในการสร้างรายได้ให้คนไทยจำนวนนับแสนราย

ในอีกไม่กี่สัปดาห์จากนี้ GET จะเปิดตัวแอปพลิเคชั่น Gojek ในประเทศไทย เพื่อมอบประสบการณ์การ
ใช้งานที่ดีขึ้นและราบรื่นยิ่งขึ้น ตามพันธกิจที่มุ่งลดข้อจำกัดในการใช้ชีวิตประจำวันของผู้ใช้บริการ แอปพลิเคชั่น Gojek ได้รับการพัฒนาขึ้นบนแพลตฟอร์มเทคโนโลยีระดับโลก และเปิดให้สามารถใช้บริการได้ทั้งในสิงคโปร์ อินโดนีเซีย และเวียดนาม ทั้งนี้ แบรนด์ GoViet ในประเทศเวียดนามจะได้รับการอัพเกรดเป็นแบรนด์ Gojek เช่นกัน

คุณภิญญา นิตยาเกษตรวัฒน์ ผู้จัดการใหญ่ Gojek ประเทศไทย กล่าวว่า “เราตื่นเต้นกับ
การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ที่แสดงให้เห็นว่าไทยยังคงเป็นประเทศยุทธศาสตร์ในการดำเนินธุรกิจของ Gojek นับตั้งแต่การเปิดตัว GET ในปี 2562 เราประสบความสำเร็จในการก่อตั้งและพัฒนาหนึ่งในแพลตฟอร์มออนดีมานด์ชั้นนำของประเทศ ผ่าน 4 บริการซึ่งได้รับอัตราความพึงพอใจของผู้ใช้งานสูงถึง 96%

ขณะที่เรากำลังก้าวสู่การเติบโตในขั้นต่อไป ทีมบริหารชุดเดิมของไทยที่ได้พัฒนาและก่อตั้ง GET จะยังคงนำทีมบริหารและดำเนินธุรกิจของ Gojek ในประเทศไทยต่อไป พร้อมกับวางกรอบการพัฒนาโปรดักส์เพื่อตอบสนองต่อความต้องการต่างๆ ของตลาดประเทศไทยที่มีการแข่งขันสูง โดยขณะนี้ถือเป็นช่วงเวลา
ที่เหมาะสมในการนำจุดแข็งและศักยภาพของ Gojek มาขับเคลื่อนให้เราสามารถขยายธุรกิจและคงจุดยืนในฐานะบริษัทชั้นนำต่อไป”

Gojek

Gojek เป็นกลุ่มธุรกิจด้านเทคโนโลยีชั้นนำของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นผู้บุกเบิกคอนเซปต์ “Super App” รวมถึงโมเดล Ecosystem ที่ช่วยเชื่อมโยงผู้ใช้งานแอปพลิเคชั่นเข้ากับพาร์ทเนอร์คนขับที่อยู่ในระบบกว่า 2 ล้านคน และพาร์ทเนอร์ร้านอาหาร GoFood อีกกว่า 500,000 ราย ในกว่า 200 เมืองทั่ว
ทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

GET ก่อตั้งขึ้นด้วยพันธกิจเดียวกับ Gojek ในการใช้เทคโนโลยีเพื่อยกระดับชีวิตของผู้ใช้บริการ โดย GET ได้เชื่อมผู้ใช้บริการในกรุงเทพฯ เข้ากับพาร์ทเนอร์คนขับมากกว่า 50,000 คน และร้านอาหารอีกกว่า 30,000 แห่ง ที่กว่า 80% เป็นกลุ่มวิสาหกิจรายย่อยขนาดย่อม ด้วยการรีแบรนด์เป็น Gojek จะทำให้บริษัทสามารถสร้างสรรค์ผลกระทบเชิงบวก และเพิ่มโอกาสใหม่ๆ ในการสร้างรายได้ให้กับพาร์ทเนอร์ ด้วยการนำเทคโนโลยีระดับโลกมาเติมเต็มความต้องการของผู้บริโภคที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดของผู้ใช้งานชาวไทย พร้อมนำฟีเจอร์และและโปรดักส์ในออนไลน์ออกสู่ตลาดได้รวดเร็วและเต็มศักยภาพ

แอนดรูว์ ลี ผู้อำนวยการกลุ่มธุรกิจต่างประเทศ (Group Head of International) ของ Gojek กล่าวว่า “GET ประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้นในระยะเวลาอันสั้น และเราเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะเป็นบันไดนำเราไปสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ขึ้น

การรวมแพลตฟอร์มเทคโนโลยีของเราเข้าด้วยกันเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ในระยะยาว เพื่อให้เราสามารถส่งมอบประสบการณ์อันยอดเยี่ยมให้แก่ผู้ใช้งานทั้งในปัจจุบันและในอนาคตต่อไป การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นและทุ่มเทของ Gojek ต่อธุรกิจเราในตลาดต่างประเทศ ผ่านการเปิดตัวแบรนด์ของเราสู่ฐานผู้ใช้งานที่กว้างขึ้น เพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับคนทั่วทั้งภูมิภาค”

ผู้ใช้บริการยังสามารถใช้บริการเดิม ทั้งบริการส่งอาหาร บริการเรียกรถจักรยานยนต์ บริการรับ-ส่งพัสดุ และบริการ e-Wallet พร้อมจะสามารถเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นจากแอพพลิเคชั่นใหม่ของ Gojek สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมจะประกาศให้ทราบอีกครั้งเร็วๆ นี้ ทั้งนี้ ผู้ใช้งาน GET ในปัจจุบัน รวมทั้งคนขับและร้านพาร์ทเนอร์ต่างๆ ยังคงสามารถใช้งานแอพพลิเคชั่น GET ได้ตามปกติ

GET rebrand Gojek

ตามดูสถิติธุรกิจต่างประเทศของ Gojek ใหญ่แค่ไหน ?

การขยายธุรกิจไปยังตลาดต่างประเทศของ Gojek เป็นการต่อยอดจากพื้นฐานความสำเร็จของโมเดลธุรกิจในประเทศอินโดนีเซีย ในการช่วยสร้างพลังให้ผู้คนเพื่อรับมือกับปัญหาสังคมและเศรษฐกิจของประเทศ ช่วยให้ผู้บริโภคประหยัดเวลา และช่วยสร้างรายได้ให้แก่คนขับและผู้ให้บริการในอุตสาหกรรมต่าง ๆ

Gojek ได้นำกลยุทธ์แบบ Hyperlocal หรือการเข้าใจและเข้าถึงลูกค้าในแต่ละประเทศอย่างลึกซึ้ง ที่ช่วยให้เราประสบความสำเร็จในประเทศอินโดนีเซีย มาเป็นแนวทางในการดำเนินงานในการขยายธุรกิจ โดย Gojek ได้ทำงานร่วมกับบุคลากรและผู้บริหารที่มีความสามารถและมีแนวคิดตรงกันในแต่ละประเทศ เพื่อเปิดตัวธุรกิจ โดยในเดือนสิงหาคม 2561 ได้เริ่มเปิดตัว GoViet (โกเวียต) ในประเทศเวียดนาม ตามมาด้วย Gojek สิงคโปร์ ในเดือนพฤศจิกายน 2651 และ GET (เก็ท) ในประเทศไทยเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปี 2562

เดือนมกราคม 2562  Gojek ได้เข้าครอบครองกิจการของ Coins.ph สตาร์ทอัพด้านฟินเทคในประเทศฟิลิปปินส์ เพื่อสร้างฐานในประเทศ ด้วยเป้าหมายเพิ่มการเข้าถึงการชำระเงินแบบไร้เงินสดและบริการทางการเงินต่าง ๆ

  • ภายในระยะเวลาเพียง 24 เดือน Gojek เติบโตอย่างรวดเร็วจากการเป็นผู้ประกอบการในประเทศเดียว สู่การเป็นธุรกิจชั้นนำของภูมิภาค โดยมีธุรกรรมกว่า 20% มาจากนอกประเทศอินโดนีเซีย
  • วันนี้ เราได้สร้างการเปลี่ยนแปลงทางสังคมเชิงบวกในภูมิภาค ด้วยการสร้างโอกาสในการหารายได้ให้แก่พารท์เนอร์คนขับกว่า 2 ล้านคน และเปิดโอกาสให้ธุรกิจอาหารกว่า 500,000 ราย สามารถเข้าถึงตลาดที่มีขนาดใหญ่มากขึ้น 
  • แอพพลิเคชั่นและอีโค่ซิสเต็มของ Gojek มีการดาวน์โหลดแล้วมากกว่า 170 ล้านครั้ง
     
    จากผู้ใช้บริการทั่วทั้งภูมิภาค

“เราเล็งเห็นถึงศักยภาพในการเติบโตในอนาคตของภูมิภาคนี้ และโอกาสที่จะสามารถสร้างประโยชน์ผ่านบริการที่หลากหลายของเรา ทั้งบริการขนส่งผู้โดยสาร (ride-hailing) ส่งอาหาร เพย์เมนต์ และอีกมากมาย เนื่องด้วย Market Penetration หรือการเข้าถึงตลาดสำหรับบริการเหล่านี้ยังคงค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับตลาดที่พัฒนาแล้ว และการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตและสมาร์ทโฟนที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง สัดส่วนของตลาดที่สามารถเติบโตได้จึงยังคงมีศักยภาพในการขยายธุรกิจทั้งในแง่ของขนาดและมูลค่าต่อไป

เรามุ่งมั่นในการนำเสนอบริการเพื่อเข้าถึงฐานลูกค้าที่มากขึ้น เพื่อช่วยลดข้อจำกัดในการใช้ชีวิตประจำวัน และสร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับคนทั่วทั้งภูมิภาค

เป้าหมายของเราคือการเพิ่มอัตราส่วนผู้ใช้บริการที่ทำธุรกรรมนอกประเทศอินโดนีเซียให้ถึง 50% ภายในช่วงห้าปีข้างหน้า เพื่อให้ทัดเทียมกับสัดส่วนประชากรในประเทศอินโดนีเซีย เมื่อเทียบจำนวนประชากรกับประเทศอื่น ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

สิงคโปร์
  • เริ่มให้บริการ: พ.ย. 2561
  • บริการ: GoCar (การเดินทาง)
  • ให้บริการไปแล้วกว่า 30 ล้านเที่ยว ภายในปีแรกของการดำเนินงาน ซึ่งคิดเป็นจำนวนเที่ยวการเดินทางที่เพิ่มขึ้นถึงสามเท่าในระยะเวลาเพียงหกเดือน นับตั้งแต่เราประกาศว่าได้ให้บริการครบ 10 ล้านเที่ยวไปเมื่อเดือนมิถุนายน 2562
  • มีผู้ใช้แอพพลิเคชั่นที่แอคทีฟมากกว่า 800,000 รายต่อเดือน (ที่มา: App Annie) 
  • มีคนขับในระบบกว่าแสนคน
  • ธุรกิจของเราส่งผลเชิงในบวกต่อประเทศสิงคโปร์ ซึ่งได้รับการยืนยันจากงานศึกษาวิจัยของ National University of Singapore (NUS) ที่ชี้ให้เห็นว่า ทั้งผู้เดินทางและคนขับระบุว่าได้รับประโยชน์มากขึ้นจากการที่เราเข้ามาทำธุรกิจในตลาด
    • ที่เห็นได้ชัดคือ การศึกษาพบว่าการใช้จ่ายด้านค่าโดยสารประจำวันวันลดลงราว 11% สำหรับผู้เดินทาง ขณะที่ 55% ของคนขับกล่าวว่ามีรายได้เพิ่มขึ้น (โดย 35% มีรายได้เพิ่มขึ้นมากกว่า 10%)
  • ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์:
    • DBS กลุ่มผู้ให้บริการทางการเงินชั้นนำในเอเชีย (พ.ย. 2561) – ทำให้เกิดบริการชำระเงินสำหรับการเดินทางกับ Gojek ด้วยบริการ DBS PayLah! (มิ.ย. 2562)
    • TransCab Services ผู้ให้บริการแท็กซี่ที่ใหญ่ที่สุดในสิงคโปร์ (พ.ย. 2562) – ช่วยให้คนขับแท็กซี่ของ Trans-Cab กว่า 3,000 คน สามารถเข้าถึงระบบการจองผ่านแพลตฟอร์มของ Gojek และยังช่วยพัฒนาคุณภาพการจัดการ และลดเวลาการรอของลูกค้า รวมถึงคนขับของ Trans-Cab มีโอกาสสร้างรายได้ที่มากขึ้น
ประเทศไทย
  • เริ่มให้บริการ: ก.พ. 2562 (กรุงเทพฯ และปริมณฑล)
  • บริการ: GET WIN (บริการเรียกรถจักรยานยนต์), GET FOOD (บริการส่งอาหาร), GET SEND (บริการรับ-ส่งพัสดุ), GET PAY (บริการอีวอลเล็ต)
  • การเติบโต:
    • เพียง 3 เดือนของการดำเนินงาน  GET ได้รับการยอมรับให้เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์ม
      ฟู้ดเดลิเวอรี่ชั้นนำในกรุงเทพฯ (ที่มา: Google Research)
    • เป็นแพลตฟอร์มบริการส่งอาหารที่เติบโตเร็วที่สุดในไทย (ที่มา: App Annie)
    • มียอดดาวน์โหลดครบ 1 ล้านครั้งภายในช่วง 5 เดือนแรก (ที่มา: App Annie)
    • มียอดดาวน์โหลดครบ 2.2 ล้านครั้ง ณ เดือนก.พ. 2563 (ที่มา: App Annie)
    • มียอดทริปให้บริการครบ 20 ล้านครั้ง เมื่อเดือนมิ.ย. 2563
    • มีคนขับในระบบ 50,000 คน และร้านค้ากว่า 30,000 รายในระบบ ซึ่งในจำนวนนี้ 80% เป็นธุรกิจเอสเอ็มอี
    • ขนาดองค์กรเติบโตขึ้นสามเท่า (จากพนักงาน 100 คนเป็นกว่า 300) ในระยะเวลาเพียงไม่ถึงหนึ่งปี
    • อัตราความพึงพอใจของผู้ใช้สูงถึง 96%
  • ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์:
    • ไทยพาณิชย์ ผู้นำด้านดิจิทัลแบงก์กิ้งในประเทศไทย (ก.ค. 2562) – เพื่อมุ่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศให้ก้าวหน้า การผนึกกำลังครั้งนี้ทำให้คนขับ ร้านค้า และลูกค้า มีทางเลือกในการชำระเงินและเกิดบริการทางการเงินใหม่ ๆ ขึ้น
เวียดนาม
  • เริ่มให้บริการ: ส.ค. 2561 (โฮจิมินห์) และ ก.ย. 2561 (ฮานอย)
  • บริการ: GoBike (การเดินทาง), GoSend (รับ-ส่งพัสดุ), GoFood (ส่งอาหาร)
  • การเติบโต:
    • ให้บริการครบ 100 ล้านครั้ง สำหรับทุกบริการภายในช่วงระยะเวลาเพียงหนึ่งปีของการดำเนินงาน และครบ 200 ล้านครั้งภายในหกเดือนต่อมา (ก.พ. 2563) ถือเป็นการเติบโตถึงสองเท่า
    • GoViet เชื่อมโยงพาร์ทเนอร์คนขับกว่า 150,000 คน และร้านค้ากว่า 80,000 ราย
       เข้ากับลูกค้าชาวเวียดนามนับล้านคน
    • GoFood กลายเป็นหนึ่งในผู้นำบริการส่งอาหาร โดยมีเมนูอาหารบนแอพพลิเคชั่น GoFood ในเวียดนาม มากกว่า 1 ล้านรายการให้ลูกค้าได้เลือกสรร
    • อัตราความพึงพอใจของผู้ใช้สูงถึง 98%
    • ได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งใน “Top 100 most reliable products & services in Vietnam” ในปี 2562 โดยหนังสือพิมพ์ Vietnam Economic Times

  • 645
  •  
  •  
  •  
  •  
WP
อยู่ในแวดวงนิตยสารธุรกิจการตลาดกว่าสิบปี สนุกและชอบติตตามเทรนด์ ไลฟ์สไตล์ใหม่ๆ และอยากเรียนรู้เพิ่มเติมในแพลตฟอร์มดิจิทัล มาร่วมแบ่งปันประสบการณ์การตลาดและดิจิทัลร่วมกันนะคะ