เทรนด์การทำธุรกิจอีคอมเมิร์ซไม่ได้เป็นเพียงแค่เทรนด์อีกต่อไป แต่มีการเติบโตขึ้นทุกปี เนื่องจากร้านค้าจะอยู่สถานที่ใดก็สามารถค้าขายผ่านอินเทอร์เน็ตได้ตลอด 24 ชม. ทำให้เกิดยอดขายผ่านช่องทางดังกล่าวเพิ่มขึ้น และที่สำคัญคือผู้บริโภคไทยทุกวันนี้ยังยินดีกับการทำธุรกรรมผ่านทางออนไลน์มากกว่าแต่ก่อน ซึ่งตัวเลขดูได้จากมูลค่าการซื้อขายของอีคอมเมิร์ซในประเทศไทยที่เติบโตเฉลี่ย 10% ต่อปีตั้งแต่ปี 2557-2560 ทำให้ปี 2560 มีมูลค่าการซื้อขายถึง 2.8 ล้านล้านบาท (ข้อมูลจากรายงานผลการสำรวจมูลค่าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ในปประเทศไทยปี 2560 โดย ETDA หรือ สพธอ.) ตัวเลขมหาศาลนี้ คงพอทำให้เห็นกันแล้วว่าอีคอมเมิร์ซไทยเติบโตไปขนาดไหน
ถึงแม้ตลาดอีคอมเมิร์ซจะเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่การทำธุรกิจอีคอมเมิร์ซก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด เพราะไม่เพียงแค่ว่ามีเว็บไซต์ แล้วนำสินค้าขึ้นประกาศขาย มีคนสั่งซื้อ ส่งของแล้วก็จบกัน แต่ยังต้องพบกับปัญหาและความท้าทายอีกมากมาย
ความท้าทายที่ SME ต้องประสบกับการทำอีคอมเมิร์ซ
การทำอีคอมเมิร์ซให้ประสบความสำเร็จนั้น ผู้ประกอบการต้องพบกับความท้าทายในหลาย ๆ เรื่อง ทั้งความรู้ในเรื่องการทำธุรกิจ เทรนด์ของบริการและผลิตภัณฑ์ เทรนด์ของผู้บริโภค การแข่งขันของตลาด ช่องทางจัดจำหน่าย การบริหารต้นทุน ผู้ประกอบการยังต้องเจอกับความท้าทายของการทำความเข้าใจเกี่ยวกับการค้าออนไลน์อีกด้วย ทั้งการทำเว็บไซต์ การตลาดออนไลน์ ช่องทางการชำระเงิน ช่องทางการจัดส่งสินค้า รวมถึงความเข้าใจในเรื่องของการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ และสิ่งที่เป็นปัญหาสำคัญที่ผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซหลายรายจะต้องประสบ คือความรู้และการบริหารจัดการระบบ ‘งานโอเปอร์เรชั่นหลังบ้าน’ ดังที่เห็นได้จากรายงานของ ETDA หรือ สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ว่าความท้าทายที่ธุรกิจอีคอมเมิร์ซในประเทศไทยกำลังประสบอยู่ขณะนี้ คือ เรื่องของระบบการชำระเงิน การขนส่ง ระบบ Logistics & Supply Chain เช่น การจัดเก็บสินค้า การจัดการช่องทางการขาย รวมถึงการเก็บข้อมูลสินค้าต่าง ๆ การตรวจสอบจำนวนสินค้าคงเหลือ ฯลฯ ซึ่งแน่นอนว่า ถ้าระบบโอเปอร์เรชั่นไม่ดีจะส่งผลกระทบและก่อให้เกิดปัญหาต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็น สินค้าหาย, ส่งสินค้าผิด, การตุนสินค้านี้ ไม่ก่อให้เกิดรายได้หลัก รวมไปถึงการถูกจำกัดช่องทางการส่งสินค้าและช่องทางการค้าขาย ที่สำคัญคือจะทำให้เราไม่รู้สถานการณ์การบริหาร และวิเคราะห์สินค้าที่มีอยู่ในอุตสาหกรรมของธุรกิจได้เลย ซึ่งทำให้กระทบกับเรื่องของการลงทุนกับสินค้าและกระแสเงินสดของธุรกิจที่มีอยู่ ที่สำคัญที่สุด หากลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ไม่ดี ก็จะไม่กลับมาซื้อซ้ำอีกเลย
แต่ครั้นจะให้เจ้าของกิจการต้องดูแลเองทั้งหมด หรือแก้ปัญหาด้วยการหาคนมาทำงานแทน ก็จะกลายเป็นเพิ่มต้นทุนในการจ้างคนเพิ่มขึ้น ซึ่งนั่นจะทำให้กิจการไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่มุ่งจะลดต้นทุนและเพิ่มยอดขาย ทำให้สิ่งต่าง ๆ ที่ผู้ประกอบการตั้งใจทำตั้งแต่ต้น กลับต้องพบกับปัญหาหลังการขายอย่างที่ไม่คาดคิด รวมทั้งต้องแบกรับความเสี่ยงที่มีต้นทุนมากขึ้นแต่รายได้ไม่แน่นอน
MyCloudFulfillment โซลูชั่น มีทางออกให้กับธุรกิจอีคอมเมิร์ซอย่างไรบ้าง
อย่างที่เราทราบกันดี การค้าออนไลน์ ถึงจะเป็นเรื่องใหม่ แต่ข้อดีของมันคือ การมีเทคโนโลยีเข้ามาช่วยบริหารจัดการและลดต้นทุนได้ เมื่อธุรกิจเกิดโซลูชั่นก็เกิดขึ้นได้ และในปัจจุบันยุค Digital 4.0 ก็มีการเกิดขึ้นของบริษัทสตาร์ทอัพมากมายที่นำเทคโนโลยีมาใช้ในการแก้ปัญหาทางธุรกิจ โดยเฉพาะการจัดการระบบหลังบ้าน ซึ่งหนึ่งในสตาร์ทอัพมาแรงตอนนี้ที่อยากแนะนำ คือ MyCloudFulfillment บริษัทผู้ให้บริการพื้นที่จัดเก็บสินค้า ดูแลสต๊อก แพ็กสินค้าและจัดส่ง ซึ่งช่วยให้ระบบโอเปอร์เรชั่นมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น มาดูกันว่า MyCloudFulfillment ให้บริการทางออกแก่ผู้ประกอบการอย่างไรบ้าง
- คลังสินค้า สำหรับการจัดเก็บ สถานที่จัดเก็บเป็นแวร์เฮาส์ระบบปิด ปลอดฝุ่น ไม่ร้อนอบอ้าว มีพนักงานรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมด้วยกล้องวงจรปิดทุกชั้นวางสินค้า ที่สำคัญ สามารถตรวจเช็คสินค้าในการจัดเก็บได้ทุกที่ทุกเวลาผ่านออนไลน์ในทุก ๆ ดีไวซ์
- ระบบสต๊อกสินค้าที่จัดเก็บอย่างเป็นระบบ แบ่งตามรุ่น ตามสี และตามไซส์โดยละเอียด เพื่อการจัดออเดอร์และจัดส่งสินค้าได้ง่าย ไม่เกิดความสับสน
- ระบบแพ็กสินค้า ตรวจสอบจำนวนและคุณภาพของสินค้าอย่างละเอียดทุกครั้งก่อนบรรจุ เป็นการ QC สินค้าก่อน ทำให้ลูกค้าไม่มีโอกาสได้ของที่มีตำหนิหรือของที่ไม่ได้มาตรฐานก่อนส่ง นอกจากนี้ ในส่วนของแพ็กเกจจิ้ง ก็ยังมีความพิเศษตรงที่สามารถจัดหากล่องไซส์พิเศษต่าง ๆ ได้นอกเหนือจากที่กล่องมาตรฐานมี (Special Packing) รวมถึงการครีเอทแพ็กเกจจิ้งต่าง ๆ เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าได้อีกด้วย (Value Adding)
- การจัดส่งสินค้า ช่วยในการจัดส่งสินค้าได้ตามแบบที่ต้องการได้หลากหลายทาง ไม่ว่าจะเป็น ไปรษณีย์ลงทะเบียน, EMS, Kerry, นิ่มซี่เส็ง, พัสดุภัณฑ์ไทย, Lalamove พร้อมช่วยเก็บเงินปลายทางให้อีกด้วย ไม่เพียงแค่นั้น ยังให้บริการจัดส่งสินค้าทั้งในและนอกประเทศทั้งแบบส่งตามสาขาและส่งถึงมือลูกค้า และหลังจัดส่งแล้วก็จะนำ tracking number ส่งให้กับผู้สั่งซื้อทันทีโดยที่เจ้าของร้านไม่ต้องวุ่นวายส่งให้ลูกค้าเอง ที่สำคัญยังสามารถตรวจสอบสถานะการจัดเตรียมและส่งของแต่ละออเดอร์ได้ผ่านระบบออนไลน์ได้ทุกที่ทุกเวลา
Big Data ที่ถูกมองข้าม แต่ผู้ประกอบการ SME ก็ทำได้
นอกเหนือจากเรื่องระบบการจัดการแล้ว เรื่องของดาต้าก็สำคัญ ทั้งข้อมูลผู้ซื้อ, ข้อมูลการสั่งซื้อ, อันดับสินค้าขาย ฯลฯ ซึ่ง SME หลายคนอาจจะมองข้าม ข้อมูลเหล่านี้ถือได้ว่าเป็น Big Data ที่สำคัญที่จะช่วยนำมาบริหารจัดการเพื่อเพิ่มยอดขาย ลดต้นทุน และยังสามารถต่อยอดธุรกิจได้อีกด้วย ในส่วนนี้จึงถือเป็นการเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลการขายสินค้าต่าง ๆ ที่อยู่ในระบบเพื่อนำไปสู่การทำ Marketing Campaign ตามช่องทางโซเชียลมีเดียได้อย่างไม่พลาด
ดังนั้นเมื่อ MyCloudFulfillment เห็นความสำคัญตรงนี้ จึงมีบริการในการจัดเก็บและย่อยข้อมูลเพื่อเป็นคำแนะนำให้แก่ผู้ประกอบการ ตั้งแต่การเตือนว่าผู้ประกอบการควรจะนำสินค้ามาสต๊อกเพิ่มเติมเมื่อไหร่ จนไปถึงการแนะนำว่าผู้ประกอบการควรทำโปรโมชั่นหรือทำโฆษณาไปที่ภูมิภาคไหนของประเทศ ซึ่งข้อมูลหรือดาต้าเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ที่จะทำให้ธุรกิจเติบโตไปอีกระดับ รวมทั้งจะเป็นการใช้ทุกเม็ดเงิน ทุกแรงงานได้อย่างคุ้มค่าที่สุด
ปลดล็อคทุกข้อจำกัดของ SME
ด้วยความเป็นสตาร์ทอัพที่โดดเด่นในการผลักดัน SME ไปสู่ออนไลน์ MyCloudFulfillment จึงเป็นส่วนหนึ่งในพาร์ทเนอร์สำคัญของ SCB SME ที่จะมาช่วยจัดการให้ SME ทรานส์ฟอร์มไปสู่ยุคดิจิทัลได้อย่างยั่งยืน
“เราขายของไม่เก่ง แต่เราจัดการเก่งครับ”
นี่คือคำพูดแรกพร้อมรอยยิ้ม ของ คุณพอร์ช-ธฤษ ตัณฑเสถียร กรรมการผู้จัดการของ MyCloudFulfillment กล่าว พร้อมกับย้ำว่า จากประสบการณ์ที่ผ่านมาพบว่าคนไทยทำการตลาดเก่ง แต่ในเรื่องของการจัดการ SME ไทยยังขาดการวางระบบในการจัดการ ดังนั้น หากผู้ประกอบการคิดที่จะรุกตลาดออนไลน์มากขึ้น เรา MyCloudFulfillment จึงอยากจะมาเป็นผู้ช่วยให้กับร้านค้าออนไลน์เหล่านั้นเพื่อการวางระบบหลังบ้านให้ดีมีมาตรฐาน และพร้อมกับช่วยในการเก็บข้อมูล Data นำไปพัฒนาต่อยอดในธุรกิจได้ด้วย พูดง่าย ๆ ว่าเรื่องการขายผู้ประกอบการก็สามารถลุยเองได้เลยโดยที่ไม่ต้องกังวลงานจัดเก็บสินค้าใด ๆ และกับการที่ SCB มาช่วยผลักดัน SME เป็นเรื่องดีมาก ที่สำคัญคือ ธุรกิจของเราก็ตรงกับเคาน์เตอร์โลจิสติกของ SCB Business Center ซึ่งถือเป็นองค์ประกอบสำคัญยิ่งในการทำธุรกิจออนไลน์ในปัจจุบัน ดังนั้นกับการที่ได้มาจับมือกันครั้งนี้ จึงมั่นใจว่าจะช่วยเป็นโซลูชั่นที่ดีให้กับ SME ที่ตั้งใจจะลุย E-Commerce ได้อย่างเต็มที่แน่นอน
MyCloudFulfillment หนึ่งในพันธมิตรที่มอบข้อเสนอสุดพิเศษให้กับลูกค้า SCB SME พร้อมร่วมจัดงาน “ธุรกิจเหนือเมฆ สายแฟ (ชั่น)”
สำหรับผู้ประกอบการที่มีธุรกิจอีคอมเมิร์ซ และเป็นลูกค้า SCB SME ตอนนี้สามารถใช้สิทธิ์รับข้อเสนอสุดพิเศษส่วนลดสูงสุด 20% สำหรับค่าบริการเช่าพื้นที่คลังเก็บสินค้าและการจัดแพ็กสินค้า หรือสำหรับลูกค้าใหม่ที่สมัครผลิตภัณฑ์ของ SCB SME เพียง 1 รายการ (SCB Easy APP, QR Payment, SCB Connect) สามารถจองช่วงวัน-เวลา เพื่อเข้ารับดีลราคาพิเศษที่ SCB Business Center ได้ที่ https://businesscenter.scb.co.th และสำหรับ SME ธุรกิจออนไลน์สายอื่น ๆ ที่ใจจดใจจ่อ สามารถเตรียมตัวพบกับงาน “ธุรกิจเหนือเมฆ” ในครั้งถัดไปที่ทาง SCB SME และ MyCloudFulfillment จะร่วมจัดต่อยอดเพื่อให้สายอื่น ๆ ได้มาพูดคุย พบปะ แลกเปลี่ยนความรู้ เพื่อให้ผู้ประกอบการออนไลน์ได้มีเพื่อนแม่ค้าออนไลน์คู่คิดในการทำธุรกิจ เพื่อเชื่อมต่อ Ecosystem ในการทำธุรกิจ และสร้างคอมมูนิตี้ของคนทำธุรกิจออนไลน์ทั้งประเทศเข้าด้วยกัน เพื่อให้เกิดการพบปะแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และสร้างสังคมที่จะช่วยเหลือเกื้อกูลกันได้ระยะยาวจากเนื้อหาการพูดคุยที่มีการเจาะลึกถึงปัญหาที่เผชิญ ทางออกจากประสบการณ์แต่ละคน การวางระบบจัดการที่ดี แผนการเติบโตของแต่ละเจ้าและอื่น ๆ อีกมากมาย เพื่อที่จะช่วยให้ธุรกิจออนไลน์ของ SME ไปอยู่ “เหนือเมฆ” และพร้อมที่จะเติบโตไปอีกขั้นอย่างยั่งยืน บอกเลยว่าธุรกิจออนไลน์สายไหนก็ไม่ควรพลาด!!!
