แกะเคล็ดลับทำให้ธุรกิจก้าวสู่หลัก 100 ล้าน จากกูรูชั้นนำของเมืองไทยผู้รู้จริง ในงานสัมมนาแกะรอย 100 ล้าน โดย SCB SME

  • 9.4K
  •  
  •  
  •  
  •  

ว่ากันว่า.. คนที่ภูมิใจอยู่กับความสำเร็จของตัวเอง และไม่กล้าที่จะลองเสี่ยงออกจาก Comfort Zone คนๆ นั้นจะยืนอยู่บนความสำเร็จได้ไม่นาน อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะเสี่ยงก็จำเป็นต้องมีเกราะ มีอาวุธ ให้พร้อมมือก่อนที่จะลงไปสู้สนามประลองได้

SCB-1

ที่กล่าวมานี้เพื่อที่จะพาไปพบกับงานสัมมนาที่จะพาคุณมาติดอาวุธและเสริมความแข็งแกร่งทางธุรกิจ โดยเฉพาะนักธุรกิจ SME ให้ได้เห็นถึงเส้นทางของนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จว่ากว่าจะมาถึงจุดนี้ได้นั้นเขาเผชิญกับอะไรมาบ้าง และรวมทั้งสูตรเด็ดเคล็ดลับในการดำเนินธุรกิจต่างๆ อีกด้วย งานสัมมนาดังกล่าวจัดอย่างต่อเนื่องทุกปี และหลายครั้งก็กลายเป็นแรงบันดาลใจช่วยให้ประสบความสำเร็จในธุรกิจได้ งานที่ว่า ได้แก่ “แกะรอย 100 ล้าน ตอน The Transformers เปลี่ยนมุมคิด พลิกธุรกิจสู่ 100 ล้าน” โดย SCB SME #RYNXSCBSME #THETRANSFORMERS ซึ่ง MarketingOops! เราขอสรุปใจความสำคัญและสาระที่มีประโยชน์มาฝากให้กับคุณ

SCB-2
คุณอรรฆรัตน์ นิติพน (ซ้าย) และ คุณพิกุล ศรีมหันต์ (กลาง)

เริ่มต้นงาน โดย คุณก้อง-อรรฆรัตน์ นิติพน กรรมการผู้จัดการ บริษัท มัชรูม เทเลวิชั่น จำกัด ขึ้นมากล่าวขอบคุณทุกคนที่มาร่วมงานในครั้งนี้ พร้อมกล่าวว่า การที่ทุกคนมารวมกันกว่าสองพันคนจะต้องเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ให้กับ SME ไทยได้อย่างแน่นอน นอกจากนี้ได้เชิญ คุณพิกุล ศรีมหันต์ รองผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุดลูกค้าธุรกิจขนาดย่อม และสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย มาร่วมกล่าวเปิดงาน โดยคุณพิกุล กล่าวว่า ในปีนี้ไทยพาณิชย์เราก็อายุครบ 110 ปีแล้ว จึงอยากจะขอเป็นส่วนหนึ่งในการก้าวไปสู่ความแข็งแรงของ SME ไทย และสามารถนำเคล็ดลับในวันนี้ไปพัฒนาธุรกิจ และถ้าเป็นไปได้ ไทยพาณิชย์ เองก็จะขอเป็นส่วนหนึ่งในความสำเร็จของ SME ไทย

หลังการกล่าวต้อนรับอย่างเป็นทางการ ก็เข้าสู่ ช่วงที่ 1 : สัมมนาในหัวข้อ Transform Business through Financial Tools (เปลี่ยนเครื่องมือทางการเงินสู่หลัก 100 ล้าน) โดยมี คุณรวิศ หาญอุตสาหะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศรีจันทร์สหโอสถ จำกัด เป็น Moderator ส่วนผู้ร่วมเสวนาได้แก่ คุณจิ๊บ – สมยศ เชาวลิต เจ้าของธุรกิจ JIB Computer และ คุณเบสท์ – ศิรุวัฒน์ ชัชวาลย์ เจ้าของธุรกิจ ร้านอาหารอีสาน “ตำมั่ว”

SCB-3
คุณรวิศ หาญอุตสาหะ (ซ้าย), คุณสมยศ เชาวลิต (กลาง) และ คุณศิรุวัฒน์ ชัชวาลย์ (ขวา)

คุณจิ๊บ – สมยศ เชาวลิต เจ้าของธุรกิจ JIB Computer เริ่มต้นเล่าว่า เริ่มต้นธุรกิจจากเงินเพียงแค่ 2 แสนกว่าบาท หลังลาออกจากพนักงานแบงก์ เพื่อมาเปิดร้านคอมพิวเตอร์ ด้วยยุทธศาสตร์เน้นบริการด้วยความจริงใจ ความอ่อนน้อม และเลือกสินค้าที่ดีมีคุณภาพ ในปีแรกยอดขายได้ถึง 33 ล้านบาท เมื่อธุรกิจเริ่มเติบโตก็คิดที่จะขยายสาขาออกไปเรื่อย โดยตัดสินใจมากู้แบงก์ไทยพาณิชย์ 350 ล้านบาทด้วยใจที่ฮึกเหิม แต่เปิดถี่มากไปจนกระทั่งเริ่มขายไม่ได้ หลายสาขาเริ่มขาดทุน พร้อมๆ กับเป็นช่วงที่มือถือ iPhone เริ่มมาตีตลาดคอมพิวเตอร์ ยิ่งทำให้ยอดขายลดฮวบลงเรื่อยๆ ในที่สุดจึงตัดสินใจยุบสาขาต่างๆ ลง จนปัจจุบันเหลืออยู่เพียงแค่ 140 สาขาทั่วประเทศ

สิ่งสำคัญที่คุณจิ๊บ แนะนำและเป็นเคล็ดลับทำให้สามารถดำเนินธุรกิจจนมียอดขายเติบโตได้ถึง 8,300 ล้านบาท ก็คือเรื่องของการออกแบบระบบ คุณจิ๊บ กล่าวว่า เราต้องจัดการวางระบบจัดการหลังบ้านให้ดีในการบริหารงาน ไม่ว่าจะบริหารจำนวนสินค้าในสต๊อกต้องสมดุล สั่งน้อยแต่ปล่อยเร็ว และถ้าเห็นว่าสาขาไหนยอดเริ่มตกก็ต้องรีบกระตุ้นลูกทีมให้กระตือรือร้นมากขึ้น นอกจากนี้ การขายออนไลน์ ก็ช่วยกระตุ้นยอดขายได้ดีและทำกำไรสูงสุด ด้วยการเพิ่มปุ่ม “ซื้อเลย” ซึ่งปรากฏว่ามีคนสั่งซื้ออนไลน์จำนวนมาก ด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดส่งที่รวดเร็ว ซึ่งสามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้ และที่สำคัญที่สุดคือต้องสร้างความน่าเชื่อถือให้กับลูกค้าด้วยสินค้าที่มีคุณภาพ จนปัจจุบัน jib.co.th เป็นเว็บที่มียอดขายแบบ b2c เป็นที่สองรองจาก Lazada เท่านั้น

SCB-4

“สิ่งที่ผมอยากจะแนะนำทุกๆ คนก็คือ เราควรที่จะมีเว็บไซต์เป็นของตัวเองด้วย เพื่อให้ลูกค้าได้รู้จักเรา และเข้าถึงเราได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ การเล่นกับความรู้สึกคอยของลูกค้าก็ได้ผลดี ไม่น่าเชื่อว่า ถ้าเพียงแค่เราบอกว่าสามารถจัดส่งได้ภายใน 2 ชั่วโมง แต่เก็บเพิ่ม 500 บาทก็มีคนยอมจ่ายเงินเพิ่มในจุดนี้ ซึ่งก็เป็นอีกเคล็ดลับที่อยากจะมาแนะนำให้ทุกท่านได้ทดลองทำดู”

ด้าน คุณเบสท์ – ศิรุวัฒน์ ชัชวาลย์ เจ้าของธุรกิจ ร้านอาหารอีสาน “ตำมั่ว” เล่าว่า อดีตเคยทำงานเป็นครีเอทีฟไดเร็คเตอร์ ทำงานมาได้สักพักก็เริ่มคิดว่างานไม่ค่อยมั่นคงเลย จึงตัดสินใจกลับมาทำธุรกิจของที่บ้านซึ่งเป็นธุรกิจร้านอาหาร และได้นำความรู้ด้านการตลาดเกี่ยวกับการสร้างแบรนด์สมัยทำอยู่กับเอเจนซี่เข้ามาพัฒนาและปรับปรุงร้านอาหารเก่าของแม่ที่ชื่อว่า “นครพนม อาหารอีสาน” ซึ่งแค่ชื่อก็บอกได้เลยว่าแบรนด์ดิ้งไม่ได้ คนจำชื่อได้ยาก จึงตัดสินใจเปลี่ยนเป็น “ตำมั่ว” เช่นในปัจจุบัน รวมทั้งมีการคิดไอเดียออกแบบโลโก้เพื่อใช้เป็นแบรนด์ดิ้งระยะยาวด้วยการใส่ ‘พริก’ เข้าไปในโลโก้เพื่อสร้างความจดจำให้ลูกค้า

นอกจากนี้ ยังนำไอเดียการสร้างแคมเปญทางการตลาดเพื่อโปรโมทการเปิดร้านใหม่ ด้วยการทำเสื้อแจ็คแก็ตติดโลโก้ร้านตำมั่วแจกวินมอเตอร์ไซค์ในละแวกนั้นทั้งหมด เป็นการสร้าง Awareness ให้กับลูกค้า ซึ่งผลปรากฏว่าช่วยทำให้ลูกค้ารู้จักร้านใหม่อย่างรวดเร็ว

SCB-5

ท้ายที่สุดสิ่งที่คุณเบสท์ ทิ้งเอาไว้ก็คือเคล็ดลับที่ทำให้ธุรกิจดำเนินมาได้จนปัจจุบันมีทั้งหมด 130 สาขา พร้อมกิจการที่เติบโตไปกว่า 1,800 ล้านบาทก็คือ ถ้าอะไรที่กำลังเป็นเทรนด์ อย่าไปทำ! เพราะจะมีคนอื่นอีกมากมายมาทำแบบเดียวกับคุณ ดังนั้น ให้ศึกษาว่ายังมีอะไรอีกที่คนอื่นยังไม่ทำ แล้วมันจะกลายเป็นโอกาสของคุณ

ต่อด้วย การสัมมนา ช่วงที่ 2 : ในหัวข้อ Transform Case Studies to Growth Hacking Ideas (เปลี่ยนกลยุทธ์ พลิกธุรกิจแบบก้าวกระโดด) โดย คุณตูน – สุธีรพันธุ์ สักรวัตร ที่ปรึกษาด้านการตลาดดิจิทัลและการสื่อสารแบรนด์ เป็น Moderator มีผู้ร่วมเสวนาได้แก่ คุณเมฆ – เกรียงไกร กาญจนะโภคิน ผู้ก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) และ คุณก้อง – อรรฆรัตน์ นิติพน กรรมการผู้จัดการ บริษัท มัชรูม เทเลวิชั่น จำกัด

SCB-6
คุณสุธีรพันธุ์ สักรวัตร (ซ้าย), คุณเกรียงไกร กาญจนะโภคิน (กลาง) และ คุณอรรฆรัตน์ นิติพน (ขวา)

คุณเมฆ ยกตัวอย่างการบริหารงานของ ปตท. ที่นำวิธีคิดที่แตกต่างมาใช้จนเป็นผู้นำในตลาดน้ำมัน จนสามารถเอาชนะบริษัทน้ำมันจากต่างชาติที่มาบุกเมืองไทยสำเร็จ ด้วยการเปลี่ยนวิธีคิดว่า ไม่ได้ขายแค่น้ำมันแต่เป็น “Life Station” เอาไลฟ์สไตล์ของคนไทยมาเล่น โดยขายมากกว่าแค่น้ำมัน แต่มีทั้งร้านอาหาร ร้านคาเฟ่ และร้านสะดวกซื้อมารวมไว้ในที่เดียวกัน เพราะ ปตท.บริษัทของคนไทย ย่อมมั่นใจว่าการเล่นบนพื้นที่ของตัวเองไม่จำเป็นต้องกลัวใคร และที่สำคัญคือรู้ว่าคนไทยเป็นอย่างไร ซึ่งต้องรู้มากกว่าที่ต่างประเทศรู้จักคนไทยแน่นอน

นอกจากนี้ คุณเมฆ ยังกล่าวว่า ธุรกิจเดลิเวอร์รี่เป็นเทรนด์ของคนทั้งโลก เพราะสังคมคนเมืองไม่อยากออกไปไหน ถ้าเราเข้าใจพื้นฐานของคนรุ่นใหม่ตรงนี้ได้ก็จะยังมีโอกาสอีกมาก เพียงแค่หาที่ยืนดีๆ ให้ได้ สิ่งสำคัญของธุรกิจประเภทนี้ก็คือ สินค้าออนไลน์ต้องเนี้ยบที่สุด ดีที่สุด

“วันนี้เป็นโอกาสของคนไทย SME ไทย ที่เก่งในบ้านเราปักธงกันต่างประเทศแล้ว เราไม่ยอมอยู่ในบ้านอย่างเดียว แต่มันมีโอกาส วันนี้เมืองไทยลมอาจจะอ่อน ลมที่อื่นอาจจะแรง แต่ทำไมเราจะต้องอยู่เมืองไทยอย่างเดียว ทำไมเราไม่เอาความเชี่ยวชาญ เอาโนวฮาวไปสู้ลมเหล่านี้ เราก็ต้องออกไปบุก บุกก่อนก็ได้เปรียบกว่า”

SCB-7

ด้าน คุณก้อง เสริมว่า ยกตัวอย่าง เจคิวปูม้านึ่ง ที่นำความเชี่ยวชาญมาใช้สร้างธุรกิจ เล่นในเกมของเราเอง โดยที่ผลักดันตัวเองให้เป็นที่หนึ่งให้ได้ ดังนั้น สิ่งที่อยากฝากสำหรับคนทำธุรกิจ SME  คือ ขอให้ทำในสิ่งที่เราถนัด รอแค่เวลาที่มันลงตัวก็จะสำเร็จ ดังเช่นเจคิวปูม้านึ่งที่สามารถพลิกจากขายอาหารทะเล แล้วส่งเดลิเวอรี่จนประสบความสำเร็จ เพราะทำในสิ่งที่ตัวเองเก่งและถนัดแล้วมาต่อยอดได้ และนี่ก็คือที่มาของการพูดคุยวันนี้ คือความรู้ที่เรามี นำมาใช้และสร้าง Growth Hacking Ideas ให้ได้

ต่อกันด้วย ช่วงที่ 3 : Transform Dream to Reality (เปลี่ยน “โลกภายใน” ให้สตรองกว่าเดิม) มี คุณพิพัฒน์ อภิรักษ์ธนากร นักแสดง พิธีกร และเจ้าของร้าน Eco Shop ทำหน้าที่ Moderator โดยมีผู้ร่วมเสวนาได้แก่ คุณตี๋ – พัฒนพงศ์ รานุรักษ์ เจ้าของธุรกิจสปา Divana และ คุณโอ๋ – ธิวาภรณ์ จิตกล้า เจ้าของธุรกิจสบู่ HO-YEON

SCB-8

คุณตี๋ – พัฒนพงศ์ รานุรักษ์ เจ้าของธุรกิจสปา Divana เล่าว่า เริ่มต้นจากทำงานสจ๊วร์ตสายการบินมาก่อน จนมาเจอวิกฤต 911 ทำให้ถูกเลย์ออฟ สายการบินปิดตัวไป จึงตัดสินใจออกมาเปิดธุรกิจของตัวเอง โดยเริ่มต้นจากการที่หุ้นส่วนมีบ้านที่สุขุมวิท แต่มีเงินทุนไม่มากพอ แต่ก็มีความรู้สึกว่าไม่อยากยอมแพ้ แม้จะมีคนมาทักว่าไม่น่าจะไปรอด ดังนั้น สิ่งที่เราทำคือเน้นงานบริการที่สุดยอด ลูกค้าจะไม่ใช่แค่พอใจในบริการของเรา แต่จะต้องถึงขั้นประทับใจ และบอกต่อๆ กันไป

ปัจจุบันจากกิจการที่เริ่มต้นแค่ 4 เตียง 1 สาขา จนปัจจุบันนี้มี 5 สาขา 30 เตียง และคิวจองมาใช้บริการกันข้ามปีเลยทีเดียว นอกจากนี้ ยังออกไลน์ผลิตภัณฑ์สปาอีกด้วย ซึ่งจัดจำหน่ายที่ห้างชั้นนำ สายการบิน และสนามบินหลายแห่ง

“งานบริการเป็นงานที่ท้าทาย ตอนนี้เรามีพนักงาน 250 คน และเรามีระบบเทรนนิ่งที่แข็งแกร่ง ผมกล้าพูดได้เลยว่า ถ้าให้เอาแม่ค้าหมูปิ้ง หรือวินมอเตอร์ไซค์มาเทรนกับเราจะกลายเป็นโค้ชได้ทันที การเทรนนิ่งของเราสตรองมาก ตลอด 15 ปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ การประเมินพนักงานเราไม่ได้ประเมินที่ผลกำไร แต่เราประเมินจากที่ว่าลูกค้าคนไหนประทับใจในการบริการของพนักงาน ใครคือคนที่สร้างความประทับใจได้ดีที่สุดนั่นคือ พนักงานที่เก่งที่สุด”

คุณตี๋ ทิ้งท้ายด้วยโอกาสทางธุรกิจ ว่า ตอนนี้ตลาดจีนเปิดรับสินค้าของไทยมาก โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ทางด้านความงาม คนจีนเชื่อถือและชอบในผลิตภัณฑ์ประเภทนี้ของไทยมาก ถ้าใครทำธุรกิจประเภทนี้สามารถลุยตลาดจีนได้เลย ใช้จังหวะที่จีนกับเกาหลีใต้กำลังมีปัญหากันอยู่ ก็จะเป็นโอกาสของนักธุรกิจไทยอย่างแน่นอน

SCB-9

ด้าน คุณโอ๋ – ธิวาภรณ์ จิตกล้า เจ้าของธุรกิจสบู่ HO-YEON เล่าว่า เป็นคนชอบหาเงินดูแลครอบครัวและตัวเองตั้งแต่เด็กๆ สามารถเก็บเงินซื้อบ้านให้พ่อได้ตั้งแต่ ม.6 แต่ด้วยความเป็นเด็กเวลาทำธุรกิจคนมักไม่เชื่อถือ จึงตัดสินใจใช้ระบบของตัวแทนจำหน่ายเข้ามาช่วยแก้ปัญหา โดยเน้นการคัดเลือกตัวแทนที่มีคุณภาพ ทำให้เราควบคุมการจัดจำหน่ายและคุณภาพได้ดีขึ้น สร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ นอกจากนี้ ก็ต้องจัดการระบบหลังบ้านให้ดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง บัญชี สต๊อกสินค้า และการวางแผนด้านการตลาด ซึ่งถ้ารากฐานแข็งแรงเราก็ต่อยอดไปได้

กลยุทธ์ที่สำคัญที่คุณโอ๋ อยากจะฝากไว้ก็คือ อย่าไปคิดว่าคนอื่นทำเยอะแล้วและไม่ต้องทำ ตรงนั้นไม่สำคัญ แต่สำคัญที่จะสร้างความแตกต่างอย่างไรให้เกิดขึ้นได้จากในตลาดที่เขาทำกัน แล้วก็มุ่งมั่นทำความฝันนั้นให้สำเร็จ

SCB-10
คุณธนา เธียรอัจฉริยะ (ซ้าย) และ คุณสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ (ขวา)

มาถึงช่วงสุดท้าย ช่วงที่ 4 : Transform SME to SET Company (เปลี่ยนจาก SME ก้าวสู่ “บริษัทมหาชน”)  มี คุณธนา เธียรอัจฉริยะ นักการตลาดชื่อดัง ผู้ก่อตั้งหลักสูตร ABC ของมหาวิทยาลัยศรีปทุม และประธานกรรมการบริหาร บริษัท ดิจิทัล เวนเจอร์ส จำกัด ในเครือธนาคารไทยพาณิชย์ ทำหน้าที่ Moderator พูดคุยกับ คุณโต้ง – สิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ กรรมการผู้จัดการ ห้างหุ้นส่วนจำกัด สิริมงคลพร๊อพเพอร์ตี้ นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย ซึ่งคุณธนาระบุว่า คุณโต้งคือตัวอย่างของ Underdog ที่ประสบความสำเร็จตัวจริง

ทั้งนี้ คุณโต้ง เล่าว่า ชีวิตตัวเองเริ่มต้นการทำธุรกิจอสังหาฯ จากความไม่รู้ แค่รับโครงการมาจากพ่อและตั้งหน้าตั้งทำตามความคิดของตัวเอง ทำแม้กระทั่งต้องลงทุนไปนั่งกินข้าวบูดกับคนงานก่อสร้างเพื่อให้ได้วิชาและซื้อใจพนักงานให้ได้ จนกระทั่งหาสูตรในการทำงานของตัวเองได้สำเร็จ จนทำให้โครงการก่อสร้างที่เกือบจะต้องขาดทุนกลับมามีกำไรได้ในที่สุด

SCB-11

จุดพลิกสำคัญของคุณโต้ง นั่นคือช่วงที่หลงเข้าไปสู่แวดวงการเมือง แล้วพลาดหวังจากการที่พรรคถูกยุบ และเริ่มมีความรู้สึกไม่อยากทำอะไรอีกต่อไปแล้ว จนกระทั่งได้ไปซื้อที่ดินผืนหนึ่งที่อุบลราชธานี แต่เงินทุนไม่พอ ทว่า ก็มีความมุ่งมั่นตั้งใจว่าจะพลิกวิกฤตจากจุดนี้ให้ได้ ตัดสินใจทุ่มสุดตัวในการนำที่ดินผืนนี้มาพัฒนา ถึงขนาดที่ต้องขายรถ ขายหุ้น มากมาย แต่ก็ไม่ล้มเลิกความตั้งใจ ตัดสินใจนำที่ดินดังกล่าวมาขายให้กับ CPN ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่ด้วยความที่คุณโต้ง เน้นการแสดงออกถึงความตั้งใจ การศึกษาข้อมูลและเตรียมพร้อมมาอย่างดีก็สามารถเอาชนะใจผู้บริหาร CPN ได้สำเร็จ

ตรงจุดนี้คุณธนา ได้สรุปความสำเร็จของคุณโต้งไว้ว่า Underdog คนนี้คือตัวอย่างของคนที่กล้าตัดสินใจ ถ้าไม่เสี่ยงก็ไม่มีวันนี้ และที่สำคัญคือความจริงใจในการทำงานซึ่งทำให้เขาได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าจากโครงการหนึ่งมาโครงการหนึ่ง และที่สำคัญคือ ตัวอย่างของคนที่กตัญญูและประสบความสำเร็จ เมื่อเขาทำได้เขาตอบแทนครบหมดทุกคน ซึ่งเชื่อว่าน่าจะเป็นแรงบันดาลใจที่ดีให้กับ SME ไทยได้

และทั้งหมดนี้คือกลเม็ดเคล็ดลับแบบที่ไม่หมกเม็ดของเหล่านักธุรกิจไทย ที่ใช้วิธีพลิกมุมมองความคิดที่ไม่เหมือนใครจนสามารถพาธุรกิจก้าวสู่หลักร้อยล้านพันล้านได้สำเร็จ ซึ่งมั่นใจว่าถ้า SME ไทย นำความรู้เหล่านี้ไปใช้ดัดแปลงเข้ากับธุรกิจของตัวเองก็สามารถสำเร็จได้ไม่ยากเช่นกัน


  • 9.4K
  •  
  •  
  •  
  •  
CLOSE
CLOSE