ในอดีตพอเข้าใกล้วัยเกษียณ ก็ต้องเริ่มนับถอยหลังถึงวันที่ต้องเกษียณจากงานประจำที่ทำอยู่ หรือวางมือจากกิจการงานใดๆ แต่ปัจจุบันในหลายประเทศมีสัดส่วนประชากรผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น ประกอบกับด้วยวิวัฒนาการทางการแพทย์ และการตระหนักในการใส่ใจสุขภาพมากขึ้น ทำให้คนมีอายุยืนขึ้น โดยผู้สูงวัยหลายคน สุขภาพร่างการยังแข็งแรง และกระฉับกระเฉง ยังคงไฟแรง และสนุกกับการทำงาน
นี่จึงทำให้ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ เริ่มเห็นปรากฏการณ์องค์กรใหญ่หลายบริษัท ออกนโยบายจ้างงาน “ผู้สูงอายุ” โดยเฉพาะ และล่าสุดนี้ “Starbucks” ที่ประเทศเม็กซิโก ได้เปิดตัวโครงการจ้างงาน “ผู้สูงอายุ” อายุ 50 – 66 ปี เริ่มทดลองสาขาที่ Colonia del Valle ในเมืองเม็กซิโกซิตี้
โครงการจ้างงานผู้สูงอายุดังกล่าว เป็นความร่วมมือระหว่าง “Starbucks เม็กซิโก” กับ “สถาบันผู้สูงอายุแห่งชาติ” ที่ริเริ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2011 ในการออกแบบโครงการนำร่องการทำงานที่เหมาะสมในกลุ่มผู้สูงวัย ต่อมาปี 2013 ได้ลงนามข้อตกลงร่วมกันในการทำโครงการจ้างงานผู้สูงอายุ มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อมอบโอกาสการทำงานให้กับคนกลุ่มนี้ ซึ่งปัจจุบันเม็กซิโกมีประชากรกลุ่มผู้สูงอายุ ประมาณ 12 ล้านคน หรือคิดเป็น 10% ของประชากรรวมทั้งหมดกว่า 120 ล้านคน
ขณะที่เงื่อนไขการทำงานได้ออกแบบมาสำหรับเพื่อผู้สูงวัยโดยเฉพาะ เพราะคำนึงถึงความปลอดภัย และสุขภาพของผู้สูงวัยเป็นสำคัญ เช่น สาขาที่ร่วมโครงการนี้ต้องเป็นสาขารูปแบบชั้นเดียว, มีชั้นวางของไม่สูง เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุระหว่างปฏิบัติงาน, จำกัดชั่วโมงการทำงานไว้ที่ 6.5 ชั่วโมงต่อวัน และมีวันหยุด 2 วันต่อสัปดาห์ ขณะเดียวกันยังได้สิทธิการประกันค่ารักษาพยาบาล
นอกจากนี้ยังให้พนักงานวัยหนุ่มสาว เป็นผู้ฝึกและให้คำแนะนำแก่พนักงานวัยเก๋าอย่างใกล้ชิด จนกว่าพนักงานวัยเก๋า จะมีความชำนาญในงาน และสามารถทำได้อย่างมั่นใจ
Christian Gurría ผู้อำนวยการ Starbucks เม็กซิโก เล่าว่า ใช้เวลา 2 ปีในการคิดและวางแผนโครงการนี้ เพื่อได้มีส่วนส่งเสริม และมอบโอกาสการทำงานให้แก่ผู้สูงวัย ขณะเดียวกันสาขา Starbucks ที่ใช้เป็นโมเดลทดลองโครงการนี้ มีเยาวชนเข้ามาใช้บริการบ่อย
ดังนั้น การมีพนักงานวัยเก๋ามาให้บริการ จึงช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างคน 2 Generation ขณะเดียวกันแผนถัดจากนี้ “Starbucks เม็กซิโก” เตรียมจ้างงานผู้สูงวัยเพิ่มขึ้นอีก 120 คนภายในปี 2019