มาทำความรู้จักกับ “ซันโทรี่” กับบทบาทใหม่ในฐานะพันธมิตรของ “เป๊ปซี่” ในเมืองไทย

  • 4.9K
  •  
  •  
  •  
  •  

Suntory_1

ถือเป็นข่าวสะเทือนวงการอีกครั้ง เมื่อล่าสุด บริษัท เป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่ม “เป๊ปซี่” ในเครือ “เป๊ปซี่โค” จากประเทศสหรัฐอเมริกา ควงแขนออกมาประกาศจับมือเป็นพันธมิตรกับยักษ์ใหญ่แห่งวงการเครื่องดื่มจากประเทศญี่ปุ่นอย่าง “กลุ่มซันโทรี่” จัดตั้งบริษัทร่วมทุน (Joint Venture) แห่งใหม่ที่มีชื่อว่า “บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอร์เรจ ประเทศไทย จำกัด” เพื่อร่วมกันดำเนินธุรกิจเครื่องดื่มนอนแอลกอฮอล์แบบครบวงจร ตั้งแต่การผลิต การจัดจำหน่ายและกระจายสินค้า รวมไปถึงการสร้างแบรนด์และทำการตลาด งานนี้ทำให้หลายคนสงสัยว่า พันธมิตรใหม่สัญชาติญี่ปุ่นรายนี้เป็นใครมาจากไหน และมีสายสัมพันธ์อย่างไรกับผู้ผลิตเป๊ปซี่ วันนี้ Marketing Oops! จะพาไปหาคำตอบเพื่อทำความรู้จักกับ “กลุ่มซันโทรี่” กันให้มากขึ้น

Suntory_2

1. “ซันโทรี่” ถือเป็นหนึ่งในบริษัทที่เก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่นซึ่งมีอายุเกือบ 120 ปี ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1899 โดยนายชินจิโร่ โทริ (Shinjiro Torii) ซึ่งเริ่มเปิดร้าน “โทริ โชเต็น” (Torii Shooter) เพื่อจำหน่ายไวน์นำเข้าจากต่างประเทศในเมืองโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น ก่อนเปลี่ยนเป็นบริษัทโคโตบูกิยะ (Kotobukiya) ในปี 1921 เพื่อขยายธุรกิจไปเป็นผู้ผลิตเหล้าวิสกี้ จนกระทั่งในปี 1963 จึงได้เปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น “ซันโทรี่” ซึ่งเป็นชื่อเดียวกับวิสกี้ที่บริษัทได้ผลิตขึ้น

Suntory_3

2. ปัจจุบัน ซันโทรี่เป็นกลุ่มบริษัทผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่มชั้นนำในระดับโลก ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น โดยแบ่งกลุ่มการดำเนินธุรกิจตามภูมิภาคออกเป็น 4 กลุ่ม อันได้แก่ ญี่ปุ่น ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจที่ทำรายได้มากที่สุดโดยมีสัดส่วนถึง 66% รองลงมาคือ ทวีปอเมริกา ทวีปยุโรป และทวีปเอเชียและโอเชียเนีย (ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์) โดยในปี 2016 ที่ผ่านมา กลุ่มซันโทรี่มีรายได้รวมต่อปีมากกว่า 24,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดย 53% ของรายได้มาจากธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มนอนแอลกอฮอล์ ส่วนกลุ่มแอลกอฮอล์อยู่ที่ 37% มีพนักงานจำนวนทั้งสิ้นมากกว่า 38,000 คน ซึ่งประจำอยู่ในบริษัทต่างๆ ในเครือจำนวน 321 แห่งทั่วโลก

3. ธุรกิจหลักของกลุ่มซันโทรี่ในปัจจุบันแบ่งออกเป็น 4 ประเภท คือ  1) ธุรกิจเครื่องดื่มไร้แอลกอฮอล์ ไม่ว่าจะเป็น น้ำแร่ ชาพร้อมดื่ม กาแฟกระป๋อง น้ำอัดลม เครื่องดื่มเกลือแร่ รวมไปถึงฟังก์ชันนอลดริงค์ 2) ธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ครอบคลุมทั้งเหล้า วิสกี้ รัม ไวน์ และเบียร์ โดยมีวิสกี้ “Jim Beam” และ “Maker’s Mark” ที่กลายเป็น Iconic brand นอกจากนี้ ซันโทรี่ยังได้ขยายธุรกิจไปยังการบริหารพื้นที่ปลูกไวน์ (Château) ในต่างประเทศอย่างฝรั่งเศสและเยอรมัน 3) ธุรกิจอาหารเสริมเพื่อสุขภาพ รวมไปถึงผลิตภัณฑ์บำรุงผิวพรรณ และ 4) ธุรกิจอื่นๆ อย่างร้านอาหาร ธุรกิจดอกไม้ รวมไปถึงเป็นผู้ผลิตไอศกรีม “ฮาเก้นดาส” ในประเทศญี่ปุ่นด้วย

Suntory_5

4. โลโก้ของซันโทรี่ถูกออกแบบโดยได้รับแรงบันดาลใจมาจาก “น้ำ” ซึ่งถือเป็นทรัพยากรสำคัญที่บริษัทใช้ในการดำเนินธุรกิจหลัก โดยรูปร่างของตัวอักษรภาษาอังกฤษทั้ง 7 ตัวที่ถูกนำมาใช้นั้นสะท้อนภาพของน้ำที่กำลังเคลื่อนไหวอย่างอิสระ ให้ความรู้สึกของการพัฒนาและเติบโตอย่างต่อเนื่อง ไร้ขีดจำกัด สีของโลโก้เป็นสีฟ้าสดใสเฉดเดียวกับน้ำสะอาด ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แทนไอเดียในการดำเนินธุรกิจที่มีความสดใหม่อยู่เสมอ มีความอิสระและยืดหยุ่นคล่องตัวเหมือนน้ำที่ไหลวนและหล่อเลี้ยงโลกใบนี้

Suntory_6

5. ซันโทรี่และเป๊ปซี่โคถือได้ว่าเป็นสองบริษัทระดับโลกที่มีความสัมพันธ์แนบแน่นและยาวนานมากว่า 35 ปี โดยได้เริ่มต้นความสัมพันธ์นับตั้งแต่ปี 1980 หลังซันโทรี่เข้าซื้อหุ้นบริษัท Pepcom Industries ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น Pepsi Bottling Ventures ทำให้ซันโทรี่ได้รับสิทธิในการผลิตและกระจายสินค้าให้กับเครื่องดื่มในเครือเป๊ปซี่โคในทวีปอเมริกาเหนือ หลังจากนั้นทั้งสองบริษัทก็ได้ทำธุรกิจร่วมกันในรูปแบบต่างๆ ในหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็น ญี่ปุ่น นิวซีแลนด์ รวมถึงเวียดนาม

Suntory_7

6. สำหรับในประเทศญี่ปุ่น เป๊ปซี่โคทำธุรกิจร่วมกับซันโทรี่ในรูปแบบแฟรนไชส์ โดยให้สิทธิในการผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มในเครือมาตั้งแต่ปี 1998 ซึ่งหนึ่งในสิ่งที่ถูกพูดถึงมากที่สุดคือ นวัตกรรมและรสชาติสุดแปลกแหวกแนวของเป๊ปซี่ที่หาไม่ได้จากที่ไหนนอกจากญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็น ‘เป๊ปซี่ รสแตงกวา’ (Pepsi Cucumber) ‘เป๊ปซี่ รสถั่วแดง’ (Pepsi Azuki) ‘เป๊ปซี่ รสแตงโมผสมเกลือ’ (Pepsi Salty Watermelon)  ‘เป๊ปซี่ ไวท์’ (Pepsi White) ที่มีรสชาติเหมือนโยเกิร์ต ‘เป๊ปซี่ มองบลังค์’ (Pepsi Mont Blanc) ที่ให้รสชาติของขนมหวานยอดนิยมของคนญี่ปุ่น ‘เป๊ปซี่ พิงค์’ (Pepsi Pink) ที่มีรสชาติเหมือนนมสตรอเบอรี่ ‘เป๊ปซี่ บลูฮาวาย’ (Pepsi Blue Hawaii) สีฟ้าที่มีกลิ่นอายซัมเมอร์ด้วยรสชาติของสับปะรดและมะนาว ‘เป๊ปซี่ รสซากุระ’  (Pepsi Sakura) และล่าสุดกับ ‘เป๊ปซี่ สตรอง’ (Pepsi Strong) ที่มีความซ่ามากกว่าปกติถึง 5 เท่า

Suntory_8

7. สำหรับธุรกิจเครื่องดื่มไร้แอลกอฮอล์ของซันโทรี่นั้น 78% ของยอดขายรวมในประเทศญี่ปุ่นมาจาก “7 แบรนด์หลัก” โดยนอกจากเป๊ปซี่แล้ว ยังมีแบรนด์ต่างๆ ดังนี้

  • ซันโทรี่ เทนเนนซุย (Suntory Tennensui) น้ำแร่ธรรมชาติที่ขายดีที่สุดในประเทศญี่ปุ่น
  • บอส (Boss) กาแฟกระป๋องสำหรับคนทำงานซึ่งเริ่มทำตลาดมาตั้งแต่ปี 1992
  • ชาอู่หลงซันโทรี่ (Suntory Oolong Tea) ชาบรรจุขวดซึ่งเป็นที่นิยมมากว่า 30 ปี
  • อิเอม่อน (Iyemon) ชาพร้อมดื่มที่ผลิตจากใบชาคุณภาพดี ผ่านการคัดสรรโดยนักชงชาระดับปรมาจารย์
  • กรีนดาการะ (Green Dakara) ฟังก์ชันนอลดริงค์ที่มีแร่ธาตุและช่วยเติมเต็มความสดชื่น
  • ออเรนจิน่า (Orangina) น้ำผลไม้อัดก๊าซที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศฝรั่งเศส

Suntory_9

8. อีกหนึ่งดีลระหว่างเป๊ปซี่โคและซันโทรี่ที่ถือได้ว่าประสบความสำเร็จและกลายเป็นที่มาของโมเดลธุรกิจที่กำลังจะเกิดขึ้นในประเทศไทย คือ การร่วมทุนในประเทศเวียดนาม โดยทั้งสองได้ร่วมกันพัฒนาธุรกิจเครื่องดื่มภายใต้ “บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เวียดนาม เบเวอร์เรจ” ตั้งแต่ปี 2013 โดยผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าใน 5 กลุ่มหลัก คือ เครื่องดื่มชูกำลัง ชาพร้อมดื่ม น้ำอัดลม น้ำดื่มบรรจุขวด และน้ำผลไม้ ซึ่งตลอดช่วง 5 ปีที่ผ่านมาผ่านมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยของธุรกิจเป็นสองหลัก (Double-digit Growth) และเป็นผู้นำอันดับหนึ่งในตลาดเครื่องดื่ม (Liquid Refreshment Beverage) มูลค่า 2.1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ

Suntory_10

9. สำหรับในประเทศไทย ในปีนี้กลุ่มซันโทรี่รุกธุรกิจในกลุ่มอาหารเสริมเพื่อสุขภาพ (Health Supplement) อย่างเต็มตัว ภายหลังเข้าซื้อกิจการ บริษัท เซเรบอส (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายซุปไก่สกัดและรังนกแท้ตรา “แบรนด์” โดยถือหุ้น 100% และเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท แบรนด์ ซันโทรี่ (ประเทศไทย) จำกัด ในช่วงกลางปีที่ผ่านมา ปัจจุบันประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตเพื่อส่งออกใหญ่สุดในเอเซีย ด้วยการลงทุนกว่า 5,000 ล้านบาท มีกำลังการผลิต 350 ล้านขวดต่อปี จากโรงงาน 3 แห่งในจังหวัดชลบุรี เพื่อส่งออกไปยัง 19 ประเทศทั่วโลก

Suntory_12

10. และล่าสุด! กับดีลครั้งสำคัญที่จะพลิกโฉมและปูทางการดำเนินธุรกิจเครื่องดื่มนอนแอลกอฮอล์ของซันโทรี่ในประเทศไทย นั่นคือการร่วมทุนกับ “เป๊ปซี่โค” ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มยอดนิยมอย่าง “เป๊ปซี่” เพื่อจัดตั้งบริษัทร่วมทุนแห่งใหม่ที่มีชื่อว่า “บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอร์เรจ ประเทศไทย จำกัด” โดยกลุ่มซันโทรี่ถือหุ้นในสัดส่วน 51% ในขณะที่เป๊ปซี่โคถือหุ้นส่วนที่เหลืออีก 49% เพื่อพร้อมรุกธุรกิจเครื่องดื่มนอนแอลกอฮอล์ (Non-alcoholic Beverages) อย่างเต็มรูปแบบ


  • 4.9K
  •  
  •  
  •  
  •  
CLOSE
CLOSE