กลายเป็นเรื่องน่ากังวลสำหรับหลายคน เมื่อมาตรการช่วยเหลือจากสถานการณ์โรคระบาดยุติลงในช่วงปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดความกังวลใจของนักลงทุน โดยเฉพาะสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ NPL ที่มีโอกาสปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นและมีความกังวลว่าจะมีสัดส่วนสูงมากจนอาจจะเทียบเท่าช่วงวิกฤติต้มยำกุ้งที่เคยมีสัดส่วน NPL สูงถึง 40%
กรุงศรี คอนซูเมอร์ ผู้ให้บริการด้านบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล เตรียมมาตรการช่วยเหลือต่อเนื่องสำหรับลูกค้าบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล พร้อมเผยข้อมูลการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต ชี้สัญญาณการเติบโตของหลายธุรกิจ เตรียมนำเทคโนโลยีพร้อมชูนวัตกรรมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานและสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้บริโภค
ต่อลมหายใจ ยืนมาตรการช่วยเหลือต่อเนื่อง
คุณณญาณี เผือกขำ ประธานกรรมการ กรุงศรี คอนซูเมอร์ ชี้ว่า วิกฤติโรคระบาดที่ผ่านมาส่งผลต่อพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป รวมไปถึงความสามารถในการชำระหนี้จนสถาบันการเงินและภาครัฐต้องออกมาตรการช่วยเหลือ เพื่อให้ยังคงความสามารถในการชำระหนี้และยังคงมีสภาพคล่องในการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน
“แม้มาตรการช่วยเหลือจะสิ้นสุดลงในช่วงปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา แต่ทางกรุงศรี คอนซูเมอร์ยังคงยืดระยะเวลาความช่วยเหลือออกไปอีก ทั้งนี้ผู้ที่ต้องการยืดระยะเวลาชำระหนี้ต้องทำการแจ้งเรื่องเพื่อขอรับพิจารณาในการยืดระยะเวลาชำระหนี้ โดยสามารถยืดได้สูงสุด 96 เดือนหรือ 8 ปี แล้วแต่การพิจารณาเป็นรายๆ ไป โดยจะพิจารณาจากวงเงินและความสามารถในการชำระหนี้”
โอกาสธุรกิจเมื่อเกิด Lockdown
นอกจากนี้ คุณณญาณี ยังชี้ว่า สถานการณ์โรคระบาดก่อให้เกิดพฤติกรรมการซื้อสินค้าออนไลน์และเริ่มคุ้นชินกับการซื้อขายออนไลน์ผ่านบัตรเครดิต และกลายเป็นพฤติกรรมปกติสำหรับคนทุกวัย หลังสถานการณ์เริ่มคลี่คลายพฤติกรรมดังกล่าวก็ยังคงอยู่ โดยเฉพาะการช้อปปิ้งออนไลน์ ธุรกิจสินค้าตกแต่งบ้าน บริการ Food Delivery และการ Streaming Video รวมไปถึงสัญญาณที่ดีขึ้นของหลายธุรกิจ
โดยยอดใช้จ่ายในหมวดช้อปปิ้งออนไลน์ ช่วงเดือนเมษายนถึงพฤษภาคมมีการใช้จ่ายเติบโตกว่าปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 150% แต่หลังเดือนพฤษภาคมมีการเติบโตอยู่ที่ 75% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา ขณะที่สินค้าตกแต่งบ้าน ช่วงเดือนเมษายนถึงพฤษภาคมมียอดการซื้อผ่านออนไลน์เพิ่มขึ้น 6 เท่า หลังเดือนพฤษภาคมการขายสินค้าตกแต่งบ้านกลับมาอยู่ที่หน้าร้าน โดยมียอดขายเพิ่มสูงขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา
ด้าน Food Delivery เป็นอีกธุรกิจที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมียอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าตัว เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา ส่วนธุรกิจ Streaming Video และความบันเทิงออนไลน์ก็เติบโตสูงขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่ม Gen Y ส่วนหนึ่งเป็นเพราะโรงภาพยนตร์ปิด ส่งผลให้บริการ Streaming Video และความบันเทิงออนไลน์ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น แม้โรงภาพยนตร์จะกลับมาให้บริการ แต่บริการ Streaming Video และความบันเทิงออนไลน์ก็ยังคงได้รับความนิยม
หลายธุรกิจเริ่มส่งสัญญาณดีขึ้น
ในช่วงที่มีการ Lockdown หลายธุรกิจได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจการท่องเที่ยว ห้างสรรพสินค้า เป็นต้น แม้ว่าสถานการณ์โรคระบาดเริ่มคลี่คลายแต่หลายธุรกิจก็ยังไม่สามารถฟื้นตัวได้ ทว่ายังมีสัญญาณที่ดีของการฟื้นตัวในระยะยาว โดยกรุงศรี คอนซูเมอร์พบว่า ช่วงเดือนสิงหาคมถึงเดือนกันยายนที่ผ่านมา ยอดจองโรงแรมมีแนวโน้มสูงขึ้น
ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากความเชื่อมั่นในสถานการณ์โรคระบาดภายในประเทศ ประกอบกับมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวของภาครัฐที่ออกมา แต่ยอดการใช้จ่ายในด้านท่องเที่ยวอยู่ในกลุ่มพันธมิตรหลักที่เกี่ยวข้องกับโครงการจากภาครัฐ ขณะที่กลุ่มธุรกิจรถเช่ามีอัตราการเติบโตที่รวดเร็วอย่างมาก สะท้อนให้เห็นถึงความนิยมเดินทางท่องเที่ยวแบบส่วนตัวในระยะทางใกล้กรุงเทพฯ
ส่วนของพฤติกรรมการทานอาหารที่ร้านนอกบ้าน เริ่มกลับมาดีขึ้น โดยเฉพาะช่วงหลัง 2 ทุ่มของวันศุกร์ถือเป็นช่วงพีคของการออกไปหาอาหารทานนอกบ้าน นอกจากนี้ในเดือนสิงหาคมยังพบยอดใช้จ่ายในห้างสรรพสินค้าสูงกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมาถึง 3% ด้านสินค้าแฟชั่นก็มีแนวโน้มที่ดีขึ้น โดยพบยอดใช้จ่ายในแบรนด์หรูสูงขึ้นชี้ให้เห็นกำลังซื้อที่ยังพอมีอยู่ เช่นเดียวกับกลุ่มสินค้าความงามและเครื่องสำอางที่มียอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเพิ่มขึ้น
ประกันและสินค้าจำเป็นยังเติบโตไม่หยุด
สำหรับประเภทธุรกิจที่มีการใช้จ่ายบัตรเครดิตสูงสุดที่ผ่านมาจะเป็นกลุ่มประกันภัย ทั้งนี้เพราะสถานการณ์โรคระบาดที่ผ่านมาทำให้การประกันชีวิตได้รับความสนใจอย่างมาก บางคนถึงกับซื้อประกันแผน COVID-19 เพิ่มเติมทั้งที่มีประกันชีวิตไว้แล้ว เพื่อเป็นสร้างความอุ่นใจว่าจะได้รับการดูแลอย่างดีหากมีเหตุให้ต้องติดโรคระบาดดังกล่าว
โดยนอกจากเร่องของประกันชีวิตแล้ว ยังมีการใช้จ่ายในกลุ่ม Supermarket โดยจะเน้นไปในลักษณะผของการกักตุนสินค้าที่จำเป็น ซึ่งหลังสถานการณ์คลีคลายแล้วความต้องการใช้สินค้าจำเป็นยังคงมีอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มีการใช้จ่ายบัตรเครดิตใน Supermarket โดยมียอดใช้จ่ายใกล้เคียงกับช่วงปีที่ผ่านมา ถือว่าเป็น 2 กลุ่มธุรกิจที่ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด และยังคงเป็น 2 กลุ่มธุรกิจที่มียอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตสูงที่สุด
โดย คุณณญาณี ชี้ว่า พฤติกรรมดังกล่าวชี้ให้เห็นถึงบรรยากาศจับจ่ายใช้สอยที่เริ่มกลับมาฟื้นตัว สอดรับกับผลประกอบการในไตรมาส 3 ซึ่งพบว่ามียอดใช้จ่ายผ่านบัตรมูลค่าสูงถึง 1.96 แสนล้านบาท โดยเป็นยอดสินเชื่อใหม่ถึง 5.8 หมื่นล้านบาท ขณะที่ยอดสินเชื่อคงค้างอยู่ที่ 1.33 แสนล้านบาท แม้จะมีผลประกอบการที่ดี แต่กรุงศรี คอนซูเมอร์ยังคงต้องปรับตัวเพื่อสอดรับกับความผันผวน ควบคู่การเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน
ส่งเทคโนโลยีเสริมทัพการดำเนินงาน
หนึ่งในกลยุทธ์ที่สำคัญของกรุงศรี คอนซูเมอร์คือการนำนวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาใช้ เพื่อลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นและยกระดับคุณภาพการให้บริการ ไม่ว่าจะเป็นการส่งใบแจ้งหนี้ออนไลน์ (e-Billing), การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาช่วยระบบ Work Flow รวมไปถึงการนำระบบหุ่นยนต์เข้ามาใช้ในระบบเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการในอนาคต
นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาแอปพลิเคชัน UCHOOSE เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถใช้งานได้อย่างสะดวกมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นฟังก์ชั่น U Manage บริการที่ให้สมาชิกสามารถดำเนินดารผ่านแอปด้วยตนเอง เช่น การตรวจสอบยอดชำระของบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล หรือจะเป็นบริการของรายการเดินบัญชีอิเลคทรอนิกส์ (e-Statement) แม้แต่บริการชำระหนี้ผ่านแอปฯ KMA รวมไปถีงยังสามารถชำระหนี้ผ่าน SCB ได้ด้วย
U Product บริการแนะนำผลิตภัณฑ์ทางการเงินและผลิตภัณฑ์ด้านประกัน รวมถึง UMall บริการดีลพิเศษสำหรับสินค้าหรือบริการจากพันธมิตร และ UCard บริการรับสมัครบัตรใหม่ผ่านแอปฯ ในรูปแบบ Digital Lending ซึ่งมีกำหนดให้บริการเต็มรูปแบบช่วงไตรมาส 4 คาดว่าจะช่วยให้ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเติบโตกว่า 20% เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาส 3 โดยคาดว่าทั้งปี 2563 จะมียอดใช้จ่ายผ่านบัตรกว่า 2.8 แสนล้านบาท โดยเป็นสินเชื่อใหม่กว่า 8.3 หมื่นล้านบาท และคาดว่าจะมียอดสินเชื่อคงค้างอยู่ที่ 1.44 แสนล้านบาท
